"พิพัฒน์" ย้ำเขื่อนสิริกิตต์-ภูมิพล รับน้ำถึงปลายฤดูฝน มั่นฤดูแล้งไร้ปัญหา ส่วนใต้ฝุ่นเจอลาวัตไม่กระทบไทย น้ำเหนือยังน้อยกว่าตลิ่ง แค่บางระกำที่สูงกว่า อยุธยาท่วมบางพื้นที่ ขณะที่ปราจีนบุรีน้ำเริ่มลด คาดเมืองหลวงฝนหนักถึงสิ้นเดือนก่อนลดลง และต่อด้วยฤดูหนาวเช่นเดียวกับอีสาน
วันนี้ (25ก.ย.) ที่ตึกสำนักงานนโยบายบริหารจัดการน้ำ(สบอช.)ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ เรืองงาม ผอ.สบอช. แถลงสถานการณ์อุทกภัยว่า สถานการณ์น้ำโดยรวมตอนนี้ อยู่ในภาวะปกติแล้ว โดยภาพรวมของฝนที่ตกในประเทศไทยจนถึงตอนนี้ มีปริมาณน้ำฝนที่ 1,200 มิลลิเมตร น้อยกว่าที่ปีแล้ว 307.3 มิลลิเมตร คิดเป็น 21% และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี อยู่ที่ 54 มิลลิเมตร คิดเป็น 4.7 %
ทั้งนี้ยังกล่าวว่าในส่วนของพายุใต้ฝุ่นเจอลาวัต ได้เพิ่มความเร็วจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 แต่พายุดังกล่าวได้เคลื่อนตัวขึ้นไปทางเหนือ ที่ประเทศไต้หวัน จึงไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย และพายุดีเปรสชั่นลูกที่ 19 ที่ก่อตัวขึ้นที่แปซิฟิกตะวันตก และได้เคลื่อนตัวไปทางประเทศญี่ปุ่น จึงไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังมีร่องความกดอากาศต่ำพัดผ่านทางภาคใต้ตอนบน จึงคาดว่าในเดือนกันยายน ปริมาณน้ำฝนทั่วไปจะมีค่าใกล้เคียงกับค่าปกติ ขณะที่เดือนตุลาคม จะมีค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำฝนที่ต่ำกว่าปกติ ยกเว้นภาคเหนือ และภาคตะวันอออกรวมทั้งชายฝั่ง จะมีค่าเฉลี่ยในระดับปกติ และเดือนพฤศจิกายนนั้น ทั่วทุกภาคจะมีค่าปริมาณน้ำฝนที่ตก เท่ากับระดับปกติของฝนทั่วไป ยกเว้นว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศเกิดขึ้น
สำหรับสถานการณ์ฝนในกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 25-29 กันยายน จะมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 90% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 26 -30 กันยายน นี้
นายพิพัฒน์ยังกล่าวถึงเรื่องของปัญหาภัยแล้งว่า ปัจจุบันนี้ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิตมีปริมาณน้ำที่กักเก็บรวมทั้งสิ้น 14,007 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 61% ของความจุ ทั้งนี้คาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ก็จะมีปริมาณน้ำที่กักเก็บได้ 80% ของความจุ ซึ่งมีปริมาณเพียงพอที่จะนำมาใช้ในช่วงฤดูแล้งได้ และทั้ง 2 เขื่อนยังมีพื้นที่รับน้ำสำหรับฝนที่อาจหลงฤดูเข้ามาได้อีก 8,965.11 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 31% ของความจุ
นอกจากนี้ ในส่วนของน้ำในลำน้ำต่าง ๆ นั้น โดยเฉพาะลำน้ำหลัก ๆ ในภาคเหนือ มีปริมาณที่ต่ำกว่าตลิ่งเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นที่บางระกำที่ยังล้นตลิ่ง 1.95 เมตร อยู่ในระดับทรวงตัว ไม่มีน้ำเข้ามาเพิ่ม ขณะที่บางหลวงโดด มีน้ำล้นตลิ่งที่ 80 เซนติเมตร และลดลงเรื่อย ๆ และพื้นที่ในบ้านบางบาล มีน้ำล้นตลิ่ง 12 เซน และมีแนวโน้มลดลง แต่ถ้าเกิดฝนตก ก็จะมีน้ำเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ทั้งนี้สำหรับน้ำในพื้นที่ อ.วิเชียร จ.เพชรบูรณ์ ที่ไหลเข้าแม่น้ำป่าสัก มีน้ำล้นตลิ่ง 10 เซนติเมตร ซึ่งจะเป็นน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนป่าสัก ซึ่งเขื่อนดังกล่าวสามารถรองรับน้ำได้เพียงพอ และในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี มีน้ำล้นตลิ่ง 1.63 เมตร อยู่ในระดับทรงตัว ซึ่งเป็นน้ำที่ไหลมาจาก จ.สระแก้ว ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณลดลงใน 24 ชั่วโมง ถ้าไม่มีฝนตกเพิ่มเติม และ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี มีน้ำไหลผ่าน 810 ลูกบาศก์เมตร / วินาที ล้นตลิ่ง 19 เซนติเมตร และคาดว่าจะลดลงได้ในอีก 2-3 วัน
นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ระดับที่ จ.ปราจีนบุรี ยังไม่น่าเป็นวังลงเนื่องจากระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อถามว่าจากกรณีที่จะมีฝนตกหนัก ติต่อกัน 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-30 กันยายน นั้นจะทำให้ กรุงเทพฯนั้นประสบปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่หรือไม่ นั้น นายพิพัฒน์กล่าวตอบว่า ทาง กทม. ได้เตรียมการรับมือในเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยเชื่อว่าจะสามารถระบายน้ำที่จะท่วมขังภายในพื้นที่ กทม. ได้ภายใน 3 ชั่วโมง