รองโฆษกรัฐบาลอ้างนายกฯ ฮัลโหลสายตรงสั่ง “ยงยุทธ-นิวัฒน์ธำรง” ลงปราจีนฯ ดูน้ำท่วม เป็นเหตุให้ “เฉลิม” นั่งหัวโต๊ะถก ครม.แทน ไม่มีอนุมัติงบฯ-แต่งตั้ง-วาระจร พร้อมให้ “ชัชชาติ” ชง 3 ยุทธศาสตร์แก้รถติดกรุง
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา จึงได้มอบหมายนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน แต่ว่าก่อนการประชุม นายกฯ ได้โทรศัพท์มาสั่งการให้นายยงยุทธ และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์อุทกภัย เตรียมแผนการป้องกันและการเยียวยาหลังน้ำลด โดยเฉพาะที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพราะในสัปดาห์มีความเป็นไปได้ที่จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ดังนั้น นายยงยุทธจึงได้โทรประสานไปยังนายอำพล กิตติอำพน เลขาธิการ ครม.ให้รายงานในที่ประชุม ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จึงได้ทำหน้าที่เป็นประธานประชุม ครม.ในวันนี้ (25 ก.ย.) แทน
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ร.ต.อ.เฉลิมที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ให้หลักการไว้ 3 ข้อก่อนการประชุมในวันนี้ว่า 1. วาระที่ประชุมในวันนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติงบประมาณ 2. ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรบุคลากร การแต่งตั้งโยกย้ายทุกระดับ และ 3. ไม่พิจารณาระเบียบวาระจร และเห็นด้วยกับนโยบายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ที่จากนี้จะลดหรือไม่ให้มีวาระจร เนื่องจากว่าเวลาที่จะตรวจตราความเรียบร้อย ศึกษาข้อมูลแวดล้อมจะลดน้อยลง เพื่อเป็นโอกาสการกลั่นกรองที่ดี
ทั้งนี้มีรายงานว่า หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิมได้ให้หลักการไว้ 3 ข้อ จึงส่งผลให้บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดที่นายยงยุทธระบุว่าจะเสนอใน ครม.ครั้งนี้ไม่ถูกนำเข้ามาพิจารณา
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงอีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม นำเสนอแผนงานหลังจากที่ได้ไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเร่งด่วน อาทิ สถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล โดยให้ไปหายุทธศาสตร์ว่าจะมีพื้นที่ไหนที่เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ รวมถึงหาแนวทางแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดในหลายพื้นที่ ซึ่งนายชัชชาติได้ไปประชุมหากับหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ
โดยในเบื้องต้นจากการประชุมครั้งแรกมี 3 ยุทธศาสตร์ที่นายชัชาติได้รายงานว่า 1. ให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยที่มีที่ตั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้ไปตรวจตราว่าหน่วยงานใดที่มีบ่อน้ำหรือบึงที่สามารถทำเป็นแก้มลิงที่จะแบ่งเบาภาระการระบายน้ำของ กทม.และปริมณฑล ก็ให้เตรียมการในการพร่องน้ำออกมา แต่ต้องดูสถานการณ์ที่เหมาะสมอย่าให้ไปกระทบกับอีกพื้นที่หนึ่ง 2. เคยมีมติ ครม.ให้มีการเหลื่อมเวลาการเข้าทำงานของแต่ละหน่วยงาน เพื่อแก้ปัญหาการจราจรบนถนนที่ติดขัด เพราะเดินทางมาทำงานพร้อมกัน ดังนั้นจะไปศึกษาดูว่าได้เปิดโอกาสอย่างไรในการเหลื่อมเวลาเข้าทำงาน และ 3. ให้ทุกหน่วยงานใน กทม.ปริมณฑลติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศทั้งจากคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงบ่ายของการทำงาน หากพบว่ามีปริมาณฝนจำนวนมากในพื้นที่ หัวหน้าส่วนราชการนั้นๆก็สามารถให้มีการเลิกงานเร็วกว่ากำหนดแล้วไปชดเชยในวันทำการถัดไป เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด ทั้งนี้ การเลิกงานก่อนเพื่อหนีฝน จะต้องไม่เป็นการลิดรอนประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะงานบริการประชาชนทุกรูปแบบต้องไม่ได้รับผลกระทบ อนึ่ง นายกฯได้มอบหมายให้นายชัชชาติกับคณะทำงาน ต้องไปจัดทำยุทธศาสตร์หลักให้เสร็จสมบูรณ์และนำมาแจ้งในการประชุม ครม.ครั้งหน้า
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า จากนี้ไปจะมีศูนย์บัญชาการเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรเฉพาะหน้า เป็นศูนย์คอมมานเซ็นเตอร์ โดยศูนย์บังคับบัญชาหลักจะตั้งที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการหลักจราจร (บก.02) ขับเคลื่อนโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยังได้เน้นย้ำและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ เมื่อเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักน้ำท่วมขัง ห้ามอยู่ในที่ห้องควบคุมสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ต้องกระจายตัวไปเพื่อบริการประชาชนและคอยอำนวยความสะดวก