xs
xsm
sm
md
lg

แม่เหยื่อพึ่งรพ.จุฬาฯ ตรวจซ้ำโครงกระดูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เพชรบุรี - ผกก.ท่าไม้รวก แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต "หมอสุพัฒน์" อีก 1 คดี "หมอพรทิพย์" เผยพ่อ 2 สามีภรรยาที่หายตัวไปเมินเข้าขอให้ช่วยเหลือ เผยตามขั้นตอนกฎหมายชี้ชัดคนนอกไม่มีสิทธิเคลื่อนย้ายกระดูกที่ไม่ใช่ญาติ ขณะที่"แม่เหยื่อ"หอบ 3 โครงกระดูกพึ่ง รพ.จุฬาฯตรวจซ้ำ คาด 7 วันรู้ผล ศึกสายเลือด "เลาหะวัฒนะ" เริ่มระอุพี่ชายขึ้นศาลฟ้อง "หมอสุพัฒน์" น้องชายเบิกความเท็จชิงสิทธิอนุบาลมารดา ศาลนัดฟังคำสั่งรับฟ้องคดีหรือไม่ 31 ต.ค.นี้

เมื่อเวลา 10.40 น.วานนี้ (1 ต.ค.55) พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ได้เดินทางมาเข้าพบนายสุรสีห์ จิตชอบใจ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดต่อขอเข้าเบิกตัวแจ้งข้อกล่าวหาต่อ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวจนทำให้ผู้อื่นเสียอิสรภาพ และลักทรัพย์หรือลักของโจร และเป็นผู้ต้องสงสัยการหายตัวไปของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรีที่หายตัวไปนานกว่า 3 ปีแล้ว โดย พ.ต.อ.พิชัย ต้องการเข้าพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มต่อ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์เพิ่มอีก 1 ข้อกล่าวหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเข้าไปพูดคุยแจ้งข้อกล่าวหาภายในห้องทนายภายในเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี โดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพแต่อย่างใด

ส่วนความเป็นอยู่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ นั้น นายสุรสีห์ จิตชอบใจ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ร่าเริงแจ่มใสดี อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ ได้ดี และเป็นที่รักของผู้ต้องโทษด้วย เพราะจะมีผู้ต้องโทษเข้ามาพูดคุยและปรึกษาเกี่ยวกับการเจ็บป่วยโดยหมอ จะให้คำแนะนำ หมอชอบอ่านหนังสือ

"จากการพูดคุยได้ทราบว่าหมอเคยเป็นนักกีฬายิงปืนของกรมตำรวจด้วย อีกทั้งท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีคำสั่งกำชับเน้นย้ำให้ดูแลให้ดีและให้ปฏิบัติตามระเบียบของผู้ต้องขังทุกประการ ไม่ให้มีความแตกต่างจากผู้ต้องขังทั่วไป และตั้งแต่ถูกนำตัวมาฝากขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรีมีเพียงทนายความเท่านั้นที่มาติดต่อพูดคุยและเข้าเยี่ยมโดยยังไม่มีญาติของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มาติดต่อเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด" นายสุรสีห์ กล่าว

**พ่อ2ผัวเมียเมินพึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวถึงกรณีนายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดานายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่หายตัวไปพร้อม น.ส.อรษา เกดทรัพย์ ภรรยา โดยนายสว่างนัดหมายเข้าพบพญ.คุณหญิงพรทิพย์เพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบโครงกระดูก หลังจากไม่เชื่อผลการตรวจของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ โดยเฉพาะผู้ต้องหาเป็นทั้งตำรวจและแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจว่า ล่าสุด ญาติไม่ได้เดินทางเข้าพบและไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อขอเข้าพบ แต่ไม่ทราบเหตุผลที่ยกเลิก

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นชี้แจงกรณีดังกล่าวกับนายสว่างว่า ญาติมีสิทธิในการร้องเรียนถึงการหายตัวไปได้ แต่ยังไม่มีสิทธิขอให้เคลื่อนโครงกระดูกที่พบในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ จ.เพชรบุรีมาให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ เพราะผลการตรวจสอบขณะนี้นิติเวชระบุว่าไม่ใช่ญาติของนายสว่าง ทำให้นายสว่างไม่มีสิทธิเคลื่อนย้ายโครงกระดูกได้ ทั้งนี้ การที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเข้าไปตรวจพิสูจน์ได้มี 2 แนวทาง คือ กรณีที่พนักงานสอบสวนที่มีดุลยพินิจให้เข้าตรวจสอบ หรือกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมรับเป็นคดีพิเศษเท่านั้น

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยต้องมีระบบการตรวจพิสูจน์ศพนิรนามซึ่งจะมีข้อกำหนดการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนซึ่งกรณีศพญาติของนายสว่างอาจไม่ได้อยู่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ก็ได้ ซึ่งหลังจากนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ต้องการผลักดันให้มีการก่อตั้งศูนย์ติดตามคนหายและระบบศพนิรนาม ซึ่งหากพบโครงกระดูกไม่สามารถใช้รถแบ๊คโฮขุดโดยเด็ดขาด หรือหากขุดเจอในบ่อน้ำต้องสูบน้ำออก ขั้นตอนการตรวจสอบศพนิรนามเป็นขั้นตอนที่กำหนดเป็นมาตรฐานสากลทั่วโลก

ในส่วนของการตรวจในห้องปฏิบัติการ แพทย์นิติเวชทุกแห่งทั่วประเทศทำได้เหมือนกันหมดแต่สำหรับศพนิรนามทำยากกว่าศพปกติในสากลจะใช้นักมานุษยวิทยาหรือนักโบราณคดี จะตรวจกระดูก ฟัน ลายนิ้วมือจากนั้นจะนำมาเชื่อมกับฐานข้อมูลดีเอ็นเอ ซึ่งขณะนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เก็บไว้ได้ประมาณ 90,000 ชุด ซึ่งจะช่วยในการสืบค้นว่าศพนิรนามเป็นใครตรงกับฐานข้อมูลที่มีการแจ้งคนหายไว้หรือไม่ ในส่วนของการติดตามคนหายยังเป็นหน้าที่ของตำรวจและดีเอสไอ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีบทบาทเพียงสนับสนุนการตรวจพิสูจน์ ซึ่งจะให้คำตอบว่าเป็นอะไรตายใครทำให้ตาย ตายเมื่อไหร่ ตายที่ไหน ซึ่งเป็นการใช้นิติวิทยาศาสตร์อย่างเป็นขั้นตอน

**แม่2สามีภรรยาส่งโครงกระดูกตรวจซ้ำที่จุฬาฯ

ที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ พ.ต.ท.ทัศนัย ทรัพย์สุข พงส.(สบ3) สภ.ท่าไม้ลวก จ.เพชรบุรี ได้นำนางเล็ก เฮ็งสุวรรณ อายุ 58 ปี นางเอื้อน เกิดทรัพย์ อายุ 60 ปี มารดาของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และนางอรสา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยา ไปเข้าพบ นพ.ธีรโชติ จองสกุล ผอ.ศูนย์ชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ และหัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูก 3 โครงที่ขุดพบที่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ภายหลังจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจสอบดีเอ็นเอโครงกระดูกดังกล่าวแล้วยืนยันว่าไม่ใช่โครงกระดูกของบุตรชายและลูกสะใภ้

ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.สมเดช ฐิตะวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ได้นำกล่องกระดาษ 2 กล่อง ภายในบรรจุโครงกระดูก 3 โครง ที่รับมาจากสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ มาส่งมอบให้ นพ.ธีรโชติ จากนั้น นพ.ธีรโชติ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สถาบันยินดีที่จะรับตรวจสอบดีเอ็นเอของญาติผู้เสียหายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ คณะทำงานไม่มีแรงกดดันและการเปรียบเทียบแต่อย่างใด ถึงแม้ก่อนหน้านี้มีการตรวจพิสูจน์จากนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ มาแล้วก็ตาม ทั้งนี้ คณะแพทย์พร้อมยืนยันขั้นตอนการตรวจสอบเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และสามารถตรวจสอบได้

ส่วนโครงกระดูกทั้ง 3 ที่ถูกฝังดินระยะเวลายาวนานก็สามารถตรวจสอบโครงกระดูกได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวอย่างเลือดของแม่ผู้ตายมาทำการตรวจสอบโดยใช้เวลาประมาณ 7 วันถึงจะรู้ผล

นางเล็ก เปิดเผยว่า มั่นใจว่า 2 ใน 3 ของโครงกระดูกเป็นของลูกชายและลูกสะใภ้ของตนเนื่องจากจดจำเสื้อผ้าได้อย่างแน่นอน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันตรงกับผลของนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ ทางแม่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นางเล็ก แสดงอาการนิ่งไปครู่ใหญ่แล้วตอบว่า ก็ขอให้ผลการตรวจออกมาก่อนถึงจะว่ากันอีกครั้งหนึ่ง

**พี่ชาย"หมอสุพัฒน์"ฟ้องน้องให้การเท็จ

วันเดียวกันที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรกคดีดำ อ.2498/55 ที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ อายุ 63 ปี อาชีพนักธุรกิจ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อายุ 57 ปี อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ เป็นจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จ และแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 55 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.55 เวลากลางวัน จำเลยได้นำข้อความอันเป็นเท็จเบิกความต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในคดีที่ 1653/54 ในคดีที่จำเลย ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ ร้องขอให้นางถนิม เลาหะวัฒนะ มารดาวัย 96 ปี เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถและจำเลย ได้แสดงพยานหลักฐานเท็จในสาระสำคัญของคดีทำให้โจทก์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อนุบาลนางถนิม ผู้เป็นมารดา การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาแก้ต่างคดีและพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,180 ด้วย เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.

นอกจากนายสุเทพ ที่มาเบิกความต่อศาลด้วยตัวเองแล้ว ยังมีนายประเทือง เขียวเหมือน ทนายความ มาเบิกความสนับสนุนนายสุเทพด้วย ภายหลังการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาหรือไม่วันที่ 31 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

นายสุเทพ เปิดเผยภายหลังเบิกความถึงกรณี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ น้องชาย จะถูกดำเนินคดีคดีอุ้ม 2 สามีภรรยา ที่ จ.เพชรบุรี ว่า ตนไม่มีสิทธิว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าน้องชายทำ แต่เป็นเรื่องของคดี ที่ผ่านมายังไม่ได้ไปเยี่ยมน้องชาย เพราะตนมีหน้าที่ต้องดูแลแม่ แต่หากน้องชายต้องการความช่วยเหลือก็ยินดีช่วย เพราะอย่างไรแล้วน้องก็ยังเป็นน้อง สำหรับประเด็นข้อเท็จจริงที่น้องถูกดำเนินคดี ตนก็ไม่ได้นำเสนอต่อศาลเยาวชนฯ ที่ตนได้ร้องคัดค้านน้องในการขอเป็นผู้อนุบาลมารดาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องคลิปของมารดาที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นไม่ได้มีการบังคับ โดยขอให้ทุกคนดูเองว่า มารดาถูกบังคับหรือไม่ ซึ่งการทำคลิปเพื่อเป็นการเตือนสติน้องไม่ได้ทำร้าย แต่หากน้องจะนำมาฟ้องคดีในฐานะพี่ชายตนก็พร้อม

**"เหลิม"เชื่อคดี"หมอสุพัฒน์"ไม่มีมวยล้ม

ทางด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะว่า จะเป็นมวยล้มหรือไม่ว่า "ไม่ล้ม ไม่ล้ม หากไม่เจอศพก็ดูที่พยานแวดล้อม ส่วนอาวุธปืนที่พบหากไม่มีทะเบียนก็ต้องดำเนินคดี เพราะมีอาวุธครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต"
กำลังโหลดความคิดเห็น