เพชรบุรี - ผกก.ท่าไม้รวก แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต "หมอสุพัฒน์" อีก 1 คดี "หมอพรทิพย์" เผยพ่อ 2 สามีภรรยาที่หายตัวไปเมินเข้าขอให้ช่วยเหลือ เผยตามขั้นตอนกฎหมายชี้ชัดคนนอกไม่มีสิทธิเคลื่อนย้ายกระดูกที่ไม่ใช่ญาติ ขณะที่"แม่เหยื่อ"หอบ 3 โครงกระดูกพึ่ง รพ.จุฬาฯตรวจซ้ำ คาด 7 วันรู้ผล ศึกสายเลือด "เลาหะวัฒนะ" เริ่มระอุพี่ชายขึ้นศาลฟ้อง "หมอสุพัฒน์" น้องชายเบิกความเท็จชิงสิทธิอนุบาลมารดา ศาลนัดฟังคำสั่งรับฟ้องคดีหรือไม่ 31 ต.ค.นี้
เมื่อเวลา 10.40 น.วานนี้ (1 ต.ค.55) พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ได้เดินทางมาเข้าพบนายสุรสีห์ จิตชอบใจ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดต่อขอเข้าเบิกตัวแจ้งข้อกล่าวหาต่อ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวจนทำให้ผู้อื่นเสียอิสรภาพ และลักทรัพย์หรือลักของโจร และเป็นผู้ต้องสงสัยการหายตัวไปของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรีที่หายตัวไปนานกว่า 3 ปีแล้ว โดย พ.ต.อ.พิชัย ต้องการเข้าพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มต่อ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์เพิ่มอีก 1 ข้อกล่าวหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเข้าไปพูดคุยแจ้งข้อกล่าวหาภายในห้องทนายภายในเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี โดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพแต่อย่างใด
ส่วนความเป็นอยู่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ นั้น นายสุรสีห์ จิตชอบใจ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ร่าเริงแจ่มใสดี อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ ได้ดี และเป็นที่รักของผู้ต้องโทษด้วย เพราะจะมีผู้ต้องโทษเข้ามาพูดคุยและปรึกษาเกี่ยวกับการเจ็บป่วยโดยหมอ จะให้คำแนะนำ หมอชอบอ่านหนังสือ
"จากการพูดคุยได้ทราบว่าหมอเคยเป็นนักกีฬายิงปืนของกรมตำรวจด้วย อีกทั้งท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีคำสั่งกำชับเน้นย้ำให้ดูแลให้ดีและให้ปฏิบัติตามระเบียบของผู้ต้องขังทุกประการ ไม่ให้มีความแตกต่างจากผู้ต้องขังทั่วไป และตั้งแต่ถูกนำตัวมาฝากขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรีมีเพียงทนายความเท่านั้นที่มาติดต่อพูดคุยและเข้าเยี่ยมโดยยังไม่มีญาติของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มาติดต่อเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด" นายสุรสีห์ กล่าว
**พ่อ2ผัวเมียเมินพึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ส่วนที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวถึงกรณีนายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดานายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่หายตัวไปพร้อม น.ส.อรษา เกดทรัพย์ ภรรยา โดยนายสว่างนัดหมายเข้าพบพญ.คุณหญิงพรทิพย์เพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบโครงกระดูก หลังจากไม่เชื่อผลการตรวจของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ โดยเฉพาะผู้ต้องหาเป็นทั้งตำรวจและแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจว่า ล่าสุด ญาติไม่ได้เดินทางเข้าพบและไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อขอเข้าพบ แต่ไม่ทราบเหตุผลที่ยกเลิก
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นชี้แจงกรณีดังกล่าวกับนายสว่างว่า ญาติมีสิทธิในการร้องเรียนถึงการหายตัวไปได้ แต่ยังไม่มีสิทธิขอให้เคลื่อนโครงกระดูกที่พบในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ จ.เพชรบุรีมาให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ เพราะผลการตรวจสอบขณะนี้นิติเวชระบุว่าไม่ใช่ญาติของนายสว่าง ทำให้นายสว่างไม่มีสิทธิเคลื่อนย้ายโครงกระดูกได้ ทั้งนี้ การที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเข้าไปตรวจพิสูจน์ได้มี 2 แนวทาง คือ กรณีที่พนักงานสอบสวนที่มีดุลยพินิจให้เข้าตรวจสอบ หรือกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมรับเป็นคดีพิเศษเท่านั้น
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยต้องมีระบบการตรวจพิสูจน์ศพนิรนามซึ่งจะมีข้อกำหนดการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนซึ่งกรณีศพญาติของนายสว่างอาจไม่ได้อยู่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ก็ได้ ซึ่งหลังจากนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ต้องการผลักดันให้มีการก่อตั้งศูนย์ติดตามคนหายและระบบศพนิรนาม ซึ่งหากพบโครงกระดูกไม่สามารถใช้รถแบ๊คโฮขุดโดยเด็ดขาด หรือหากขุดเจอในบ่อน้ำต้องสูบน้ำออก ขั้นตอนการตรวจสอบศพนิรนามเป็นขั้นตอนที่กำหนดเป็นมาตรฐานสากลทั่วโลก
ในส่วนของการตรวจในห้องปฏิบัติการ แพทย์นิติเวชทุกแห่งทั่วประเทศทำได้เหมือนกันหมดแต่สำหรับศพนิรนามทำยากกว่าศพปกติในสากลจะใช้นักมานุษยวิทยาหรือนักโบราณคดี จะตรวจกระดูก ฟัน ลายนิ้วมือจากนั้นจะนำมาเชื่อมกับฐานข้อมูลดีเอ็นเอ ซึ่งขณะนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เก็บไว้ได้ประมาณ 90,000 ชุด ซึ่งจะช่วยในการสืบค้นว่าศพนิรนามเป็นใครตรงกับฐานข้อมูลที่มีการแจ้งคนหายไว้หรือไม่ ในส่วนของการติดตามคนหายยังเป็นหน้าที่ของตำรวจและดีเอสไอ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีบทบาทเพียงสนับสนุนการตรวจพิสูจน์ ซึ่งจะให้คำตอบว่าเป็นอะไรตายใครทำให้ตาย ตายเมื่อไหร่ ตายที่ไหน ซึ่งเป็นการใช้นิติวิทยาศาสตร์อย่างเป็นขั้นตอน
**แม่2สามีภรรยาส่งโครงกระดูกตรวจซ้ำที่จุฬาฯ
ที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ พ.ต.ท.ทัศนัย ทรัพย์สุข พงส.(สบ3) สภ.ท่าไม้ลวก จ.เพชรบุรี ได้นำนางเล็ก เฮ็งสุวรรณ อายุ 58 ปี นางเอื้อน เกิดทรัพย์ อายุ 60 ปี มารดาของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และนางอรสา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยา ไปเข้าพบ นพ.ธีรโชติ จองสกุล ผอ.ศูนย์ชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ และหัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูก 3 โครงที่ขุดพบที่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ภายหลังจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจสอบดีเอ็นเอโครงกระดูกดังกล่าวแล้วยืนยันว่าไม่ใช่โครงกระดูกของบุตรชายและลูกสะใภ้
ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.สมเดช ฐิตะวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ได้นำกล่องกระดาษ 2 กล่อง ภายในบรรจุโครงกระดูก 3 โครง ที่รับมาจากสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ มาส่งมอบให้ นพ.ธีรโชติ จากนั้น นพ.ธีรโชติ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สถาบันยินดีที่จะรับตรวจสอบดีเอ็นเอของญาติผู้เสียหายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ คณะทำงานไม่มีแรงกดดันและการเปรียบเทียบแต่อย่างใด ถึงแม้ก่อนหน้านี้มีการตรวจพิสูจน์จากนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ มาแล้วก็ตาม ทั้งนี้ คณะแพทย์พร้อมยืนยันขั้นตอนการตรวจสอบเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และสามารถตรวจสอบได้
ส่วนโครงกระดูกทั้ง 3 ที่ถูกฝังดินระยะเวลายาวนานก็สามารถตรวจสอบโครงกระดูกได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวอย่างเลือดของแม่ผู้ตายมาทำการตรวจสอบโดยใช้เวลาประมาณ 7 วันถึงจะรู้ผล
นางเล็ก เปิดเผยว่า มั่นใจว่า 2 ใน 3 ของโครงกระดูกเป็นของลูกชายและลูกสะใภ้ของตนเนื่องจากจดจำเสื้อผ้าได้อย่างแน่นอน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันตรงกับผลของนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ ทางแม่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นางเล็ก แสดงอาการนิ่งไปครู่ใหญ่แล้วตอบว่า ก็ขอให้ผลการตรวจออกมาก่อนถึงจะว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
**พี่ชาย"หมอสุพัฒน์"ฟ้องน้องให้การเท็จ
วันเดียวกันที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรกคดีดำ อ.2498/55 ที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ อายุ 63 ปี อาชีพนักธุรกิจ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อายุ 57 ปี อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ เป็นจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จ และแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 55 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.55 เวลากลางวัน จำเลยได้นำข้อความอันเป็นเท็จเบิกความต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในคดีที่ 1653/54 ในคดีที่จำเลย ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ ร้องขอให้นางถนิม เลาหะวัฒนะ มารดาวัย 96 ปี เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถและจำเลย ได้แสดงพยานหลักฐานเท็จในสาระสำคัญของคดีทำให้โจทก์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อนุบาลนางถนิม ผู้เป็นมารดา การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาแก้ต่างคดีและพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,180 ด้วย เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.
นอกจากนายสุเทพ ที่มาเบิกความต่อศาลด้วยตัวเองแล้ว ยังมีนายประเทือง เขียวเหมือน ทนายความ มาเบิกความสนับสนุนนายสุเทพด้วย ภายหลังการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาหรือไม่วันที่ 31 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
นายสุเทพ เปิดเผยภายหลังเบิกความถึงกรณี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ น้องชาย จะถูกดำเนินคดีคดีอุ้ม 2 สามีภรรยา ที่ จ.เพชรบุรี ว่า ตนไม่มีสิทธิว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าน้องชายทำ แต่เป็นเรื่องของคดี ที่ผ่านมายังไม่ได้ไปเยี่ยมน้องชาย เพราะตนมีหน้าที่ต้องดูแลแม่ แต่หากน้องชายต้องการความช่วยเหลือก็ยินดีช่วย เพราะอย่างไรแล้วน้องก็ยังเป็นน้อง สำหรับประเด็นข้อเท็จจริงที่น้องถูกดำเนินคดี ตนก็ไม่ได้นำเสนอต่อศาลเยาวชนฯ ที่ตนได้ร้องคัดค้านน้องในการขอเป็นผู้อนุบาลมารดาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องคลิปของมารดาที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นไม่ได้มีการบังคับ โดยขอให้ทุกคนดูเองว่า มารดาถูกบังคับหรือไม่ ซึ่งการทำคลิปเพื่อเป็นการเตือนสติน้องไม่ได้ทำร้าย แต่หากน้องจะนำมาฟ้องคดีในฐานะพี่ชายตนก็พร้อม
**"เหลิม"เชื่อคดี"หมอสุพัฒน์"ไม่มีมวยล้ม
ทางด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะว่า จะเป็นมวยล้มหรือไม่ว่า "ไม่ล้ม ไม่ล้ม หากไม่เจอศพก็ดูที่พยานแวดล้อม ส่วนอาวุธปืนที่พบหากไม่มีทะเบียนก็ต้องดำเนินคดี เพราะมีอาวุธครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต"
เมื่อเวลา 10.40 น.วานนี้ (1 ต.ค.55) พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ได้เดินทางมาเข้าพบนายสุรสีห์ จิตชอบใจ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เพื่อติดต่อขอเข้าเบิกตัวแจ้งข้อกล่าวหาต่อ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาคดีกักขังหน่วงเหนี่ยวจนทำให้ผู้อื่นเสียอิสรภาพ และลักทรัพย์หรือลักของโจร และเป็นผู้ต้องสงสัยการหายตัวไปของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยาชาว จ.เพชรบุรีที่หายตัวไปนานกว่า 3 ปีแล้ว โดย พ.ต.อ.พิชัย ต้องการเข้าพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มต่อ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์เพิ่มอีก 1 ข้อกล่าวหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเข้าไปพูดคุยแจ้งข้อกล่าวหาภายในห้องทนายภายในเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี โดยไม่ให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพแต่อย่างใด
ส่วนความเป็นอยู่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ นั้น นายสุรสีห์ จิตชอบใจ ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ร่าเริงแจ่มใสดี อยู่ร่วมกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ ได้ดี และเป็นที่รักของผู้ต้องโทษด้วย เพราะจะมีผู้ต้องโทษเข้ามาพูดคุยและปรึกษาเกี่ยวกับการเจ็บป่วยโดยหมอ จะให้คำแนะนำ หมอชอบอ่านหนังสือ
"จากการพูดคุยได้ทราบว่าหมอเคยเป็นนักกีฬายิงปืนของกรมตำรวจด้วย อีกทั้งท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีคำสั่งกำชับเน้นย้ำให้ดูแลให้ดีและให้ปฏิบัติตามระเบียบของผู้ต้องขังทุกประการ ไม่ให้มีความแตกต่างจากผู้ต้องขังทั่วไป และตั้งแต่ถูกนำตัวมาฝากขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรีมีเพียงทนายความเท่านั้นที่มาติดต่อพูดคุยและเข้าเยี่ยมโดยยังไม่มีญาติของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มาติดต่อเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด" นายสุรสีห์ กล่าว
**พ่อ2ผัวเมียเมินพึ่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
ส่วนที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวถึงกรณีนายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดานายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่หายตัวไปพร้อม น.ส.อรษา เกดทรัพย์ ภรรยา โดยนายสว่างนัดหมายเข้าพบพญ.คุณหญิงพรทิพย์เพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบโครงกระดูก หลังจากไม่เชื่อผลการตรวจของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ โดยเฉพาะผู้ต้องหาเป็นทั้งตำรวจและแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจว่า ล่าสุด ญาติไม่ได้เดินทางเข้าพบและไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อขอเข้าพบ แต่ไม่ทราบเหตุผลที่ยกเลิก
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นชี้แจงกรณีดังกล่าวกับนายสว่างว่า ญาติมีสิทธิในการร้องเรียนถึงการหายตัวไปได้ แต่ยังไม่มีสิทธิขอให้เคลื่อนโครงกระดูกที่พบในไร่ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ จ.เพชรบุรีมาให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ เพราะผลการตรวจสอบขณะนี้นิติเวชระบุว่าไม่ใช่ญาติของนายสว่าง ทำให้นายสว่างไม่มีสิทธิเคลื่อนย้ายโครงกระดูกได้ ทั้งนี้ การที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเข้าไปตรวจพิสูจน์ได้มี 2 แนวทาง คือ กรณีที่พนักงานสอบสวนที่มีดุลยพินิจให้เข้าตรวจสอบ หรือกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมรับเป็นคดีพิเศษเท่านั้น
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยต้องมีระบบการตรวจพิสูจน์ศพนิรนามซึ่งจะมีข้อกำหนดการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนซึ่งกรณีศพญาติของนายสว่างอาจไม่ได้อยู่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ก็ได้ ซึ่งหลังจากนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ต้องการผลักดันให้มีการก่อตั้งศูนย์ติดตามคนหายและระบบศพนิรนาม ซึ่งหากพบโครงกระดูกไม่สามารถใช้รถแบ๊คโฮขุดโดยเด็ดขาด หรือหากขุดเจอในบ่อน้ำต้องสูบน้ำออก ขั้นตอนการตรวจสอบศพนิรนามเป็นขั้นตอนที่กำหนดเป็นมาตรฐานสากลทั่วโลก
ในส่วนของการตรวจในห้องปฏิบัติการ แพทย์นิติเวชทุกแห่งทั่วประเทศทำได้เหมือนกันหมดแต่สำหรับศพนิรนามทำยากกว่าศพปกติในสากลจะใช้นักมานุษยวิทยาหรือนักโบราณคดี จะตรวจกระดูก ฟัน ลายนิ้วมือจากนั้นจะนำมาเชื่อมกับฐานข้อมูลดีเอ็นเอ ซึ่งขณะนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เก็บไว้ได้ประมาณ 90,000 ชุด ซึ่งจะช่วยในการสืบค้นว่าศพนิรนามเป็นใครตรงกับฐานข้อมูลที่มีการแจ้งคนหายไว้หรือไม่ ในส่วนของการติดตามคนหายยังเป็นหน้าที่ของตำรวจและดีเอสไอ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีบทบาทเพียงสนับสนุนการตรวจพิสูจน์ ซึ่งจะให้คำตอบว่าเป็นอะไรตายใครทำให้ตาย ตายเมื่อไหร่ ตายที่ไหน ซึ่งเป็นการใช้นิติวิทยาศาสตร์อย่างเป็นขั้นตอน
**แม่2สามีภรรยาส่งโครงกระดูกตรวจซ้ำที่จุฬาฯ
ที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ พ.ต.ท.ทัศนัย ทรัพย์สุข พงส.(สบ3) สภ.ท่าไม้ลวก จ.เพชรบุรี ได้นำนางเล็ก เฮ็งสุวรรณ อายุ 58 ปี นางเอื้อน เกิดทรัพย์ อายุ 60 ปี มารดาของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และนางอรสา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยา ไปเข้าพบ นพ.ธีรโชติ จองสกุล ผอ.ศูนย์ชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ และหัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อตรวจดีเอ็นเอโครงกระดูก 3 โครงที่ขุดพบที่ไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ภายหลังจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจสอบดีเอ็นเอโครงกระดูกดังกล่าวแล้วยืนยันว่าไม่ใช่โครงกระดูกของบุตรชายและลูกสะใภ้
ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.อ.สมเดช ฐิตะวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ได้นำกล่องกระดาษ 2 กล่อง ภายในบรรจุโครงกระดูก 3 โครง ที่รับมาจากสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ มาส่งมอบให้ นพ.ธีรโชติ จากนั้น นพ.ธีรโชติ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สถาบันยินดีที่จะรับตรวจสอบดีเอ็นเอของญาติผู้เสียหายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ คณะทำงานไม่มีแรงกดดันและการเปรียบเทียบแต่อย่างใด ถึงแม้ก่อนหน้านี้มีการตรวจพิสูจน์จากนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ มาแล้วก็ตาม ทั้งนี้ คณะแพทย์พร้อมยืนยันขั้นตอนการตรวจสอบเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และสามารถตรวจสอบได้
ส่วนโครงกระดูกทั้ง 3 ที่ถูกฝังดินระยะเวลายาวนานก็สามารถตรวจสอบโครงกระดูกได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวอย่างเลือดของแม่ผู้ตายมาทำการตรวจสอบโดยใช้เวลาประมาณ 7 วันถึงจะรู้ผล
นางเล็ก เปิดเผยว่า มั่นใจว่า 2 ใน 3 ของโครงกระดูกเป็นของลูกชายและลูกสะใภ้ของตนเนื่องจากจดจำเสื้อผ้าได้อย่างแน่นอน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันตรงกับผลของนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ ทางแม่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นางเล็ก แสดงอาการนิ่งไปครู่ใหญ่แล้วตอบว่า ก็ขอให้ผลการตรวจออกมาก่อนถึงจะว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
**พี่ชาย"หมอสุพัฒน์"ฟ้องน้องให้การเท็จ
วันเดียวกันที่ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรกคดีดำ อ.2498/55 ที่นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ อายุ 63 ปี อาชีพนักธุรกิจ เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อายุ 57 ปี อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ เป็นจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จ และแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 55 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.55 เวลากลางวัน จำเลยได้นำข้อความอันเป็นเท็จเบิกความต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในคดีที่ 1653/54 ในคดีที่จำเลย ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ ร้องขอให้นางถนิม เลาหะวัฒนะ มารดาวัย 96 ปี เป็นบุคคลผู้ไร้ความสามารถและจำเลย ได้แสดงพยานหลักฐานเท็จในสาระสำคัญของคดีทำให้โจทก์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อนุบาลนางถนิม ผู้เป็นมารดา การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลยมาแก้ต่างคดีและพิพากษาลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,180 ด้วย เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.
นอกจากนายสุเทพ ที่มาเบิกความต่อศาลด้วยตัวเองแล้ว ยังมีนายประเทือง เขียวเหมือน ทนายความ มาเบิกความสนับสนุนนายสุเทพด้วย ภายหลังการไต่สวนมูลฟ้อง ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาหรือไม่วันที่ 31 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
นายสุเทพ เปิดเผยภายหลังเบิกความถึงกรณี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ น้องชาย จะถูกดำเนินคดีคดีอุ้ม 2 สามีภรรยา ที่ จ.เพชรบุรี ว่า ตนไม่มีสิทธิว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าน้องชายทำ แต่เป็นเรื่องของคดี ที่ผ่านมายังไม่ได้ไปเยี่ยมน้องชาย เพราะตนมีหน้าที่ต้องดูแลแม่ แต่หากน้องชายต้องการความช่วยเหลือก็ยินดีช่วย เพราะอย่างไรแล้วน้องก็ยังเป็นน้อง สำหรับประเด็นข้อเท็จจริงที่น้องถูกดำเนินคดี ตนก็ไม่ได้นำเสนอต่อศาลเยาวชนฯ ที่ตนได้ร้องคัดค้านน้องในการขอเป็นผู้อนุบาลมารดาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องคลิปของมารดาที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นไม่ได้มีการบังคับ โดยขอให้ทุกคนดูเองว่า มารดาถูกบังคับหรือไม่ ซึ่งการทำคลิปเพื่อเป็นการเตือนสติน้องไม่ได้ทำร้าย แต่หากน้องจะนำมาฟ้องคดีในฐานะพี่ชายตนก็พร้อม
**"เหลิม"เชื่อคดี"หมอสุพัฒน์"ไม่มีมวยล้ม
ทางด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะว่า จะเป็นมวยล้มหรือไม่ว่า "ไม่ล้ม ไม่ล้ม หากไม่เจอศพก็ดูที่พยานแวดล้อม ส่วนอาวุธปืนที่พบหากไม่มีทะเบียนก็ต้องดำเนินคดี เพราะมีอาวุธครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต"