พ่อ "สามารถ นุ่มจุ้ย" ที่หายตัวไปเข้าแจ้งความ "พลเทพ สุวรรณวิเชียร" ที่ปรึกษาทางกฎหมายหัวหน้าทีมทนายความของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ฐานมีส่วนร่วมและรู้เห็นในการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา แถมอ้างว่า 2 สามีภรรยายังไม่ตายอยูที่พม่า ตำรวจเตรียมเรียกสอบ ด้าน จนท.ขุดหาหลักฐานในไร่ "หมอสุพัฒน์" ต่อเนื่อง
เมื่อเช้าวานนี้ (30 ก.ย.) นายสว่าง นุ่มจุ้ย พ่อนายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่หายตัวไปพร้อมภรรยาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา พร้อม น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย พี่สาว และนางอรษา เกิดทรัพย์ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุธรรม ป้อมสีทอง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เพื่อดำเนินคดีกับนายพลเทพ สุวรรณวิเชียร ที่ปรึกษาทางกฎหมายหัวหน้าทีมทนายความของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้เสียอิสรภาพและร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับไว้ซึ่งของโจร ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ที่ถูกพนักงานสอบสวนออกหมายจับอยู่ในขณะนี้และในข้อหาหมิ่นประมาททำให้ได้รับความเสียหายและอับอาย เนื่องจากนายพลเทพ ได้เป็นคนให้ข่าวกับสื่อมวลชนอย่างน้อย 2 ครั้ง
ครั้งแรกคือที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดเพชรบุรี วันที่นำตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปฝากจังต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี และครั้งที่สองให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเมื่อเย็นวานนี้ว่า นายสามารถ และนางอรษา ยังไม่ตายแต่ถูกจับกุมตัวอยู่ที่ประเทศพม่า ซึ่งจากกรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านายพลเทพ มีส่วนรู้เห็นว่า 2 สามีภรรยาหายตัวไปไหน แต่ทำไม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จึงถูกหมายจับและฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เพราะรถของ 2 สามีภรรยาไปจอดอยู่ในบ้านพักที่หมอพักอาศัยอยู่ที่นนทบุรี อีกทั้ง 2 คนจะไปพม่าได้อย่างไร เนื่องจากมีลูกสาวยังเล็กอยู่ที่บ้าน โดยไม่มีใครดูแล ถ้าจริงดังที่นายพลเทพ กล่าวก็ต้องถือว่านายพลเทพ มีส่วนร่วมและรู้เห็นในการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา และหากไม่จริงก็แสดงว่าเป็นแผนที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ สั่งการหรือมอบหมายให้นายพลเทพ ออกมาให้ข่าวเพื่อทำลายน้ำหนักพยานและหลักฐานที่ตำรวจพบ
ด้าน พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก กล่าวว่า จะเรียกตัวนายพลเทพ สุวรรณวิเชียร มาให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลนี้ได้อย่างไร และใครเป็นผู้ให้ข้อมูลเนื่องจากเป็นความสำคัญในรูปคดี กรณีหาก 2 สามีภรรยายังมีชีวิตอยู่จริง ซึ่งจะเรียกตัวมาในเร็วๆนี้
สำหรับการขุดค้นหาหลักฐานภายในไร่ท้ายบ้าน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเพชรบุรี เป็นครั้งที่ 6 เข้าทำการขุดค้นหาหลักฐานและศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับนางอรษา เกิดทรัพย์ ภรรยา ที่ทางพ่อแม่และญาติเชื่อว่าศพถูกซ่อนหรือฝังอยู่ในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ โดยใช้เครื่องตรวจหาวัตถุโลหะและเครื่องสแกนจีพีอาร์สแกนหาสิ่งผิดปกติในพื้นดิน อาทิ กระดูก ใช้นักประดาน้ำค้นหาในน้ำริมกอไผ่ใกล้บริเวณพื้นที่พบโครงกระดูก 2 ศพ และบริเวณใกล้เคียง
โดย พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก เผยว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้ย้ำให้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหาศพให้พบให้ได้ ส่วนที่เน้นค้นหาข้างก่อไผ่และริมน้ำเพราะมีความเชื่อว่าหากเป็นหมอกระทำการฝังศพก็ต้องหาพื้นที่ริมน้ำ เพราะจะทำให้เน่าเปื่อยเร็วและทำให้ไม่มีกลิ่น นอกจากนั้นข้อมูลการสืบสวนพยานยังระบุว่า ศพถูกฝังอยู่บริเวณใกล้ก่อไผ่ แต่ไม่รู้บริเวณใด จึงยึดเอาบริเวณที่อยู่ใกล้ศพที่พบไว้ก่อน เน้นการค้นหาอย่างละเอียดทั้งบนบกและในน้ำ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา ชาว จ.เพชรบุรี ว่า ในเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้รายงานว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ ตนก็ไม่ซักถามรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องของสำนวนคดี แต่เรื่องนี้ตนเป็นผู้สั่งการห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศด้วยตนเอง
ส่วนที่ญาติผู้เสียชีวิตจะนำกระดูกไปพิสูจน์ ที่โรงพยาบาลจุฬา นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ขัดข้อง แต่เห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำผิด อย่าไปสงสัย เมื่อไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ ต้องหาพยานหลักฐานใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเต็มที่ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ปรุงแต่งไม่ได้ และยืนยันว่า คดีนี้จะไม่มีการทิ้งระหว่างทางอย่างแน่นอน.
เมื่อเช้าวานนี้ (30 ก.ย.) นายสว่าง นุ่มจุ้ย พ่อนายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่หายตัวไปพร้อมภรรยาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา พร้อม น.ส.วิมล นุ่มจุ้ย พี่สาว และนางอรษา เกิดทรัพย์ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุธรรม ป้อมสีทอง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เพื่อดำเนินคดีกับนายพลเทพ สุวรรณวิเชียร ที่ปรึกษาทางกฎหมายหัวหน้าทีมทนายความของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้เสียอิสรภาพและร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับไว้ซึ่งของโจร ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ที่ถูกพนักงานสอบสวนออกหมายจับอยู่ในขณะนี้และในข้อหาหมิ่นประมาททำให้ได้รับความเสียหายและอับอาย เนื่องจากนายพลเทพ ได้เป็นคนให้ข่าวกับสื่อมวลชนอย่างน้อย 2 ครั้ง
ครั้งแรกคือที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดเพชรบุรี วันที่นำตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปฝากจังต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี และครั้งที่สองให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเมื่อเย็นวานนี้ว่า นายสามารถ และนางอรษา ยังไม่ตายแต่ถูกจับกุมตัวอยู่ที่ประเทศพม่า ซึ่งจากกรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านายพลเทพ มีส่วนรู้เห็นว่า 2 สามีภรรยาหายตัวไปไหน แต่ทำไม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จึงถูกหมายจับและฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี เพราะรถของ 2 สามีภรรยาไปจอดอยู่ในบ้านพักที่หมอพักอาศัยอยู่ที่นนทบุรี อีกทั้ง 2 คนจะไปพม่าได้อย่างไร เนื่องจากมีลูกสาวยังเล็กอยู่ที่บ้าน โดยไม่มีใครดูแล ถ้าจริงดังที่นายพลเทพ กล่าวก็ต้องถือว่านายพลเทพ มีส่วนร่วมและรู้เห็นในการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา และหากไม่จริงก็แสดงว่าเป็นแผนที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ สั่งการหรือมอบหมายให้นายพลเทพ ออกมาให้ข่าวเพื่อทำลายน้ำหนักพยานและหลักฐานที่ตำรวจพบ
ด้าน พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก กล่าวว่า จะเรียกตัวนายพลเทพ สุวรรณวิเชียร มาให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลนี้ได้อย่างไร และใครเป็นผู้ให้ข้อมูลเนื่องจากเป็นความสำคัญในรูปคดี กรณีหาก 2 สามีภรรยายังมีชีวิตอยู่จริง ซึ่งจะเรียกตัวมาในเร็วๆนี้
สำหรับการขุดค้นหาหลักฐานภายในไร่ท้ายบ้าน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเพชรบุรี เป็นครั้งที่ 6 เข้าทำการขุดค้นหาหลักฐานและศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับนางอรษา เกิดทรัพย์ ภรรยา ที่ทางพ่อแม่และญาติเชื่อว่าศพถูกซ่อนหรือฝังอยู่ในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ โดยใช้เครื่องตรวจหาวัตถุโลหะและเครื่องสแกนจีพีอาร์สแกนหาสิ่งผิดปกติในพื้นดิน อาทิ กระดูก ใช้นักประดาน้ำค้นหาในน้ำริมกอไผ่ใกล้บริเวณพื้นที่พบโครงกระดูก 2 ศพ และบริเวณใกล้เคียง
โดย พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก เผยว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้ย้ำให้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหาศพให้พบให้ได้ ส่วนที่เน้นค้นหาข้างก่อไผ่และริมน้ำเพราะมีความเชื่อว่าหากเป็นหมอกระทำการฝังศพก็ต้องหาพื้นที่ริมน้ำ เพราะจะทำให้เน่าเปื่อยเร็วและทำให้ไม่มีกลิ่น นอกจากนั้นข้อมูลการสืบสวนพยานยังระบุว่า ศพถูกฝังอยู่บริเวณใกล้ก่อไผ่ แต่ไม่รู้บริเวณใด จึงยึดเอาบริเวณที่อยู่ใกล้ศพที่พบไว้ก่อน เน้นการค้นหาอย่างละเอียดทั้งบนบกและในน้ำ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตนายแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา ชาว จ.เพชรบุรี ว่า ในเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้รายงานว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ ตนก็ไม่ซักถามรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องของสำนวนคดี แต่เรื่องนี้ตนเป็นผู้สั่งการห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศด้วยตนเอง
ส่วนที่ญาติผู้เสียชีวิตจะนำกระดูกไปพิสูจน์ ที่โรงพยาบาลจุฬา นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ขัดข้อง แต่เห็นว่า เรื่องนี้ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำผิด อย่าไปสงสัย เมื่อไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ ต้องหาพยานหลักฐานใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเต็มที่ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ปรุงแต่งไม่ได้ และยืนยันว่า คดีนี้จะไม่มีการทิ้งระหว่างทางอย่างแน่นอน.
