วานนี้ (1 ต.ค.2555) เวลา 07.30 น. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายประภาส บุญยินดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชวน ศิรินันท์พร อธิบดีกรมการปกครอง นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เดินทางมาสักการระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ กระทรวงมหาดไทยในโอกาสรับตำแหน่งใหม่โดยเข้าสักการะศาลพระชัยมงคล ศาลพระกาฬไชยศรี สักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สักการะพระรูปสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ห้องพิพิธภัณฑ์) และสักการะพระพุทธรูปในห้องทำงาน โดยมีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงรอต้อนรับอย่างคับคั่ง
นายวิบูลย์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึง ภารกิจเร่งด่วนที่จะทำหลังรับตำแหน่งว่า การบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะต้องทำให้เกิดผลให้ทันกับเหตุการณ์โดยจะต้องดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ส่วนนโยบายของรัฐบาลก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลดี พร้อมไปกับการรักษากฎหมายระเบียบให้ความเป็นธรรมเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลกับบ้านเมือง
ในส่วนของการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดกระทรวงมท. กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายผวจ.มีสองส่วน คือ 1.การโยกย้ายสลับสับเปลี่ยนระดับจังหวัด โดยในขั้นนี้จะต้องมีการเสนอครม.ให้พิจารณาต่อไป ส่วนตำแหน่งผวจ.และตำแหน่งผู้ตรวจราชการที่ว่างคงต้องมีการคัดสรรตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคาดว่าในส่วนนี้จะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สำหรับตำแหน่ง ผวจ. ที่ว่างเชื่อว่าครม.ไม่ได้นิ่งนอนใจโดยจะดำเนินการตามกระบวนการด้วยความรวดเร็ว ทั้งนี้ตนได้รับคำสั่งว่าแม้บางตำแหน่งจะมีผู้รักษาราชการแทนหรือผู้ปฏิบัติราชการแทน แต่รัฐบาลเห็นว่าตำแหน่งผู้ว่าฯเป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องเร่งพิจารณาโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีของที่ดินอัลไพน์ นายวิบูลย์ กล่าวว่าตนไม่มีข้อกังวลใจแต่ต้องให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายและความสนใจของประชาชน โดยตนจะดำเนินการไปตามกระบวนการ
อย่างไรก็ตามนอกจากผมดูแล ยังมีส่วนปลัดกระทรวงมหาดไทยซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่บ้าน จะช่วยดูในส่วนของระเบียบกฎหมายและข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอให้ผู้บริหารตัดสินใจ
**ทนงศักดิ์ ปลัดก.กลาโหมคนใหม่
พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีให้แก่นายทหารสัญญาบัตรที่ได้รับพระราชทานยศทหารชั้นนายพล และพิธีรายงานตัวของนายทหารสัญญาบัตรที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเข้ารับราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ประจำปีงบประมาณ 2556 โดยมีจำนวน 156 นาย ทั้งนี้ พล.อ.ทนงศักดิ์ ให้โอวาทว่า "ทราบว่านายทหารทุกท่านที่มาปฏิบัติงานในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีความรู้ มีสามารถ มีประสบการณ์ในการทำงานที่หลากหลาย ดังนั้น ขอให้ทุกท่านได้ใช้ความสามารถของทั้งหมดที่ท่านมีปฏิบัติหน้าที่ฉลองเบื้องพระยุคลบาท และปฏิบัติงานตามนโยบายกระทรวงกลาโหม ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจและพัฒนาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมให้มีศักยภาพและมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต มีวิริยะอุสาหะและมีความรับผิดชอบ ผมเชื่อว่ามั่นว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำพาทุกท่านประสบความสำเร็จในชีวิตราชการสมดังความตั้งใจ"
จากนั้น พล.อ.ทนงศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ปลัดกระทรวงกลาโหม ว่า รู้สึกเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่ให้ตนดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม วันนี้ถือเป็นวันเริ่มปฏิบัติงานซึ่งตนจะทำงานอย่างเต็มที่สุดความสามารถ สำหรับนโยบายกำลังพลตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมเพื่อออกมาเป็นนโยบาย แต่คิดว่าข้าราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมปฏิบัติตนดีอยู่แล้ว คงทำตามระเบียบวินัยที่มีอยู่ เพราะเราเป็นทหารของชาติต้องทำงานอย่างเต็มที่ รวมถึงต้องทำงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาลเพราะเราเป็นช้าราชการต้องเป็นตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี
**ไม่อธิบายขัดแย้งตั้งนายพล
เมื่อถามถึงกระแสข่าวความขัดแย้งในเรื่องการแต่งตั้งระดับนายพลปี 2556 โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ภายในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่ได้พิจารณาเลือกตัวบุคคลแล้ว ซึ่งความเหมาะสมไม่สามารถจะอธิบายด้วยวาจาหรือด้วยลายลักษณ์อักษรได้ เมื่อท่านได้เลือกตนมาและมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เราจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด คำสั่งของผู้บังคับบัญชาถือว่าสูงสุดและทหาร ต้องปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนไม่มีความขัดแย้งกับ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เพราะตนเป็นเพื่อนรักกัน และตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกัน ไม่มีความขัดแย้งใดๆ
ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวความสัมพันธ์อันดีระหว่าท่านกับพรรคเพื่อไทยทำให้ได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก ที่ผู้สื่อข่าวเขียนมาไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หากเจาลึกและเจอแล้วทราบก็เขียนแก้ข่าวให้ตนด้วย
**ผบ.ทอ.คนใหม่นำ ทอ.สู่อาเซียน
ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้กระทำพิธีรับส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศให้กับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้ช่วย ผบ.ทอ. โดยมีพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูนารถฯ จากนั้นเป็นพิธีลงนามรับส่งหน้าที่ ผบ.ทอ. พร้อมจัดพิธีสวนสนามทางอากาศ โดยใช้เครื่องบินฝึกแบบที่ 16/ก (ซีที-4อี) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินฝึกแบบที่ 19/ก (พีซี-9) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ข/ค (เอฟ-5อี/เอฟ) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19/ก (เอฟ-16เอ/บี) จำนวน 4 เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที 20/ก (กริพเพน 39ซี/ดี)
พล.อ.อ.อิทธพรกล่าวว่า กองทัพอากาศเจริญก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ ด้วยความมีวิริยะอุตสาหะของบุพการี กองทัพอากาศ และอดีตผู้บังคับบัญชา จึงเป็นหน้าที่ของชาวกองทัพอากาศทุกคนที่ต้องร่วมกันสานต่องานของกองทัพอากาศ โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถพัฒนาก้าวไปสู่กองทัพอากาศชั้นนำของภูมิภาค ตลอดเวลา 4 ปีที่ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ทอ. ทราบดีว่าข้าราชการลูกจ้างของกองทัพอากาศ ทุกคนมีน้ำใจไมตรีต่อตนเองมาด้วยดีโดยตลอด ทุกคนให้ความร่วมมือและสนับสนุนผลงานของตนมาตลอด ผบ.ทอ.คนใหม่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์สูง เชื่อมั่นว่า ท่านจะพัฒนากองทัพอากาศให้เจริญก้าวหน้า มั่นคง โดยมีพวกเราทุกคนช่วยเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
**"กริพเพน เฟสสอง" 6ลำมาไทยปีหน้า
ด้าน พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ขอรับหน้าที่และการบังคับบัญชาในตำแหน่ง ผบ.ทอ. คนที่ 22 และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่สนองพระเดชพระคุณด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในองค์จอมทัพไทย และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะอย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ ในขณะที่ตนปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับ พล.อ.อ.อิทธพรนั้น เห็นได้ว่าเป็นคนที่มีความเมตตาเอื้ออาทร ห่วงใยต่อข้าราชการ เป็นนักปกครองที่มีความสามารถ เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดำรงตนอย่างเรียบง่าย ยึดมั่นในคุณธรรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์เพื่อกองทัพอากาศ ทำให้ตนรู้สึกซาบซึ้งและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งมีความเคารพ ศรัทธา และเชื่อมั่น ขอสัญญาว่าจะนำกองทัพอากาศ ร่วมแรงร่วมใจใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบ มีคุณธรรมและความรักความสามัคคีร่วมกันพัฒนากองทัพอากาศก้าวไปสู่ความเป็นกองทัพอากาศชั้นนำของภูมิภาค
จากนั้น พล.อ.อ.ประจินให้สัมภาษณ์ว่า จะสานงานต่อจาก ผบ.ทอ.คนเก่าที่ได้วางยุทธศาสตร์ไว้และเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศควบคู่กับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ รวมถึงภัยพิบัติ เชื่อว่ากองทัพอากาศมีขีดความสามารถในการสนับสนุนรัฐบาลให้มากขึ้น นอกจากนี้ จะต้องเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ เราจะนำบทเรียนที่ผ่านมานำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ดีที่สุด ทั้งนี้ กองทัพอากาศอาจมีการวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญโดยช่วงแรกจะพัฒนาเป็นดิจิตอล รวมถึงพัฒนากองทัพให้สมบูรณ์ทั้งเรื่องขีดความสามารถ อาวุธ ยุทโธปกรณ์ กำลังพลและเครือข่าย เพื่อให้ระบบสั่งการสนับสนุนภารกิจต่างๆ ให้เกิดความสมบูรณ์ ผบ.ทอ.คนเก่าห่วงใยเรื่องบุคลากร แม้ว่าจะมีบุคลากรไม่มาก แต่จะทำอย่างไรเพื่อรักษาและเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น
"เราคาดหวังว่า จะเป็นกองทัพอากาศชั้นนำของภูมิภาค ในช่วง 2 ปีจากนี้จะพยายามทำให้ตกผลึกให้ได้ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่องค์กรเครือข่ายที่มีครบในเรื่องปัจจัยอาวุธ ฐานข้อมูลและเครือข่ายการรบ การส่งกำลังบำรุง รวมถึงด้านการศึกษา สำหรับโครงการการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนจากประเทศสวีเดนนั้น ขณะนี้เฟสแรกได้จบไปแล้ว ส่วนเฟสสองจำนวน 6 ลำนั้น 3 ลำแรกจะมาในเดือนเมษายน 2556 และ 3 ลำสุดท้ายจะมาในกันยายน 2556 โดยประเทศสวีเดนจะมอบเครื่อง Saab 340 AEW ระบบอาวุธเกี่ยวกับการต่อต้านเรือผิวน้ำ (RBS15) ในเดือนตุลาคมนี้ โดยโครงการกริพเพนจะเสร็จสิ้นในปี 2557" พล.อ.อ.ประจินระบุ
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้น กองทัพอากาศจะดูแลในส่วนของกองทัพอากาศก่อน ถ้าทำให้กำลังพลมีความรักความสามัคคีก็จะสามารถขยายไปถึงชุมชนและสังคม เพื่อช่วยรัฐบาลในการสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้น เพราะสามัคคีคือพลัง สำหรับการวางตัวต่อสถานการณ์บ้านเมืองนั้น จะต้องเป็นทีมงานที่ดีของรัฐบาล โดยผ่านการกำกับดูแลสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและ ผบ.สส. ส่วนภารกิจต่างๆ กองทัพอากาศพร้อมปฏิบัติ ทั้งเรื่องยาเสพติดและปัญหาความมั่นคงต่างๆ มีความพร้อม โดยฝึกกำลังพลให้เกิดศักยภาพเพื่อเสริมภารกิจของรัฐบาลให้มากที่สุด ส่วนแนวทางการทำงานร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพนั้น ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูดคุยและมอบหมายงานมาทางปลัดกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสัปดาห์นี้คงจะไปรับนโยบายเพิ่มเติมและเยี่ยมคำนับผู้ใหญ่
**อดุลย์”ประเดิมพบ “ปู–เฉลิม”
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กล่าวภายหลังเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชอยวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสการเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นวันแรกว่า เป็นการมาเรียนเชิญนายกรัฐมนตรี ให้ไปมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ตั้งแต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ทุกจังหวัด ประมาณ 400 นาย ที่สโมสรตำรวจ ในวันที่ 3 ต.ค. ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับปากว่าจะเดินทางไปมอบนโยบายในวันดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า คงต้องนำโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ในบทบาทของตำรวจ รวมถึงเรื่องยาเสพติด การเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจให้พร้อมสำหรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเน้นเรื่องอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมถึงจะดำเนินการปรับปรุงระบบโรงพัก ให้พร้อมในการให้บริการประชาชน รวมถึงดูแลเรื่องสวัสดิการต่างๆของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องของการศึกษาให้เป็นมืออาชีพ
เมื่อถามถึงการควบคุมการชุมนุมทางการเมืองจะวางตัวอย่างไร พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ต้องยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก ตนไม่มีความหนักใจแต่อย่างใด เพราะได้ทำหน้าที่มาโดยตลอด ยืนยันว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และเมื่อเข้ารับตำแหน่งแล้วก็ไม่มีเรื่องใดที่เป็นห่วงเป็นพิเศษเพราะได้ผ่านงานหนักมาทั้งชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเข้าพบนายกรัฐมนตรีแล้ว พล.ต.อ.อดุลย์ ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งในวันแรกด้วยเช่นกัน
นายวิบูลย์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึง ภารกิจเร่งด่วนที่จะทำหลังรับตำแหน่งว่า การบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะต้องทำให้เกิดผลให้ทันกับเหตุการณ์โดยจะต้องดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ส่วนนโยบายของรัฐบาลก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลดี พร้อมไปกับการรักษากฎหมายระเบียบให้ความเป็นธรรมเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลกับบ้านเมือง
ในส่วนของการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดกระทรวงมท. กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายผวจ.มีสองส่วน คือ 1.การโยกย้ายสลับสับเปลี่ยนระดับจังหวัด โดยในขั้นนี้จะต้องมีการเสนอครม.ให้พิจารณาต่อไป ส่วนตำแหน่งผวจ.และตำแหน่งผู้ตรวจราชการที่ว่างคงต้องมีการคัดสรรตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคาดว่าในส่วนนี้จะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สำหรับตำแหน่ง ผวจ. ที่ว่างเชื่อว่าครม.ไม่ได้นิ่งนอนใจโดยจะดำเนินการตามกระบวนการด้วยความรวดเร็ว ทั้งนี้ตนได้รับคำสั่งว่าแม้บางตำแหน่งจะมีผู้รักษาราชการแทนหรือผู้ปฏิบัติราชการแทน แต่รัฐบาลเห็นว่าตำแหน่งผู้ว่าฯเป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องเร่งพิจารณาโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีของที่ดินอัลไพน์ นายวิบูลย์ กล่าวว่าตนไม่มีข้อกังวลใจแต่ต้องให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายและความสนใจของประชาชน โดยตนจะดำเนินการไปตามกระบวนการ
อย่างไรก็ตามนอกจากผมดูแล ยังมีส่วนปลัดกระทรวงมหาดไทยซึ่งทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่บ้าน จะช่วยดูในส่วนของระเบียบกฎหมายและข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอให้ผู้บริหารตัดสินใจ
**ทนงศักดิ์ ปลัดก.กลาโหมคนใหม่
พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีให้แก่นายทหารสัญญาบัตรที่ได้รับพระราชทานยศทหารชั้นนายพล และพิธีรายงานตัวของนายทหารสัญญาบัตรที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเข้ารับราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ประจำปีงบประมาณ 2556 โดยมีจำนวน 156 นาย ทั้งนี้ พล.อ.ทนงศักดิ์ ให้โอวาทว่า "ทราบว่านายทหารทุกท่านที่มาปฏิบัติงานในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีความรู้ มีสามารถ มีประสบการณ์ในการทำงานที่หลากหลาย ดังนั้น ขอให้ทุกท่านได้ใช้ความสามารถของทั้งหมดที่ท่านมีปฏิบัติหน้าที่ฉลองเบื้องพระยุคลบาท และปฏิบัติงานตามนโยบายกระทรวงกลาโหม ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจและพัฒนาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมให้มีศักยภาพและมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต มีวิริยะอุสาหะและมีความรับผิดชอบ ผมเชื่อว่ามั่นว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะนำพาทุกท่านประสบความสำเร็จในชีวิตราชการสมดังความตั้งใจ"
จากนั้น พล.อ.ทนงศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ปลัดกระทรวงกลาโหม ว่า รู้สึกเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่ให้ตนดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม วันนี้ถือเป็นวันเริ่มปฏิบัติงานซึ่งตนจะทำงานอย่างเต็มที่สุดความสามารถ สำหรับนโยบายกำลังพลตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมเพื่อออกมาเป็นนโยบาย แต่คิดว่าข้าราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมปฏิบัติตนดีอยู่แล้ว คงทำตามระเบียบวินัยที่มีอยู่ เพราะเราเป็นทหารของชาติต้องทำงานอย่างเต็มที่ รวมถึงต้องทำงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาลเพราะเราเป็นช้าราชการต้องเป็นตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี
**ไม่อธิบายขัดแย้งตั้งนายพล
เมื่อถามถึงกระแสข่าวความขัดแย้งในเรื่องการแต่งตั้งระดับนายพลปี 2556 โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ภายในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่ได้พิจารณาเลือกตัวบุคคลแล้ว ซึ่งความเหมาะสมไม่สามารถจะอธิบายด้วยวาจาหรือด้วยลายลักษณ์อักษรได้ เมื่อท่านได้เลือกตนมาและมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เราจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด คำสั่งของผู้บังคับบัญชาถือว่าสูงสุดและทหาร ต้องปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนไม่มีความขัดแย้งกับ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เพราะตนเป็นเพื่อนรักกัน และตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกัน ไม่มีความขัดแย้งใดๆ
ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวความสัมพันธ์อันดีระหว่าท่านกับพรรคเพื่อไทยทำให้ได้รับตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก ที่ผู้สื่อข่าวเขียนมาไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หากเจาลึกและเจอแล้วทราบก็เขียนแก้ข่าวให้ตนด้วย
**ผบ.ทอ.คนใหม่นำ ทอ.สู่อาเซียน
ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้กระทำพิธีรับส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศให้กับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้ช่วย ผบ.ทอ. โดยมีพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูนารถฯ จากนั้นเป็นพิธีลงนามรับส่งหน้าที่ ผบ.ทอ. พร้อมจัดพิธีสวนสนามทางอากาศ โดยใช้เครื่องบินฝึกแบบที่ 16/ก (ซีที-4อี) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินฝึกแบบที่ 19/ก (พีซี-9) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ข/ค (เอฟ-5อี/เอฟ) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19/ก (เอฟ-16เอ/บี) จำนวน 4 เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที 20/ก (กริพเพน 39ซี/ดี)
พล.อ.อ.อิทธพรกล่าวว่า กองทัพอากาศเจริญก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ ด้วยความมีวิริยะอุตสาหะของบุพการี กองทัพอากาศ และอดีตผู้บังคับบัญชา จึงเป็นหน้าที่ของชาวกองทัพอากาศทุกคนที่ต้องร่วมกันสานต่องานของกองทัพอากาศ โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถพัฒนาก้าวไปสู่กองทัพอากาศชั้นนำของภูมิภาค ตลอดเวลา 4 ปีที่ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ทอ. ทราบดีว่าข้าราชการลูกจ้างของกองทัพอากาศ ทุกคนมีน้ำใจไมตรีต่อตนเองมาด้วยดีโดยตลอด ทุกคนให้ความร่วมมือและสนับสนุนผลงานของตนมาตลอด ผบ.ทอ.คนใหม่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์สูง เชื่อมั่นว่า ท่านจะพัฒนากองทัพอากาศให้เจริญก้าวหน้า มั่นคง โดยมีพวกเราทุกคนช่วยเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
**"กริพเพน เฟสสอง" 6ลำมาไทยปีหน้า
ด้าน พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ขอรับหน้าที่และการบังคับบัญชาในตำแหน่ง ผบ.ทอ. คนที่ 22 และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่สนองพระเดชพระคุณด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในองค์จอมทัพไทย และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะอย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ ในขณะที่ตนปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับ พล.อ.อ.อิทธพรนั้น เห็นได้ว่าเป็นคนที่มีความเมตตาเอื้ออาทร ห่วงใยต่อข้าราชการ เป็นนักปกครองที่มีความสามารถ เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดำรงตนอย่างเรียบง่าย ยึดมั่นในคุณธรรม ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์เพื่อกองทัพอากาศ ทำให้ตนรู้สึกซาบซึ้งและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งมีความเคารพ ศรัทธา และเชื่อมั่น ขอสัญญาว่าจะนำกองทัพอากาศ ร่วมแรงร่วมใจใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบ มีคุณธรรมและความรักความสามัคคีร่วมกันพัฒนากองทัพอากาศก้าวไปสู่ความเป็นกองทัพอากาศชั้นนำของภูมิภาค
จากนั้น พล.อ.อ.ประจินให้สัมภาษณ์ว่า จะสานงานต่อจาก ผบ.ทอ.คนเก่าที่ได้วางยุทธศาสตร์ไว้และเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศควบคู่กับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ รวมถึงภัยพิบัติ เชื่อว่ากองทัพอากาศมีขีดความสามารถในการสนับสนุนรัฐบาลให้มากขึ้น นอกจากนี้ จะต้องเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ เราจะนำบทเรียนที่ผ่านมานำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ดีที่สุด ทั้งนี้ กองทัพอากาศอาจมีการวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญโดยช่วงแรกจะพัฒนาเป็นดิจิตอล รวมถึงพัฒนากองทัพให้สมบูรณ์ทั้งเรื่องขีดความสามารถ อาวุธ ยุทโธปกรณ์ กำลังพลและเครือข่าย เพื่อให้ระบบสั่งการสนับสนุนภารกิจต่างๆ ให้เกิดความสมบูรณ์ ผบ.ทอ.คนเก่าห่วงใยเรื่องบุคลากร แม้ว่าจะมีบุคลากรไม่มาก แต่จะทำอย่างไรเพื่อรักษาและเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น
"เราคาดหวังว่า จะเป็นกองทัพอากาศชั้นนำของภูมิภาค ในช่วง 2 ปีจากนี้จะพยายามทำให้ตกผลึกให้ได้ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่องค์กรเครือข่ายที่มีครบในเรื่องปัจจัยอาวุธ ฐานข้อมูลและเครือข่ายการรบ การส่งกำลังบำรุง รวมถึงด้านการศึกษา สำหรับโครงการการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนจากประเทศสวีเดนนั้น ขณะนี้เฟสแรกได้จบไปแล้ว ส่วนเฟสสองจำนวน 6 ลำนั้น 3 ลำแรกจะมาในเดือนเมษายน 2556 และ 3 ลำสุดท้ายจะมาในกันยายน 2556 โดยประเทศสวีเดนจะมอบเครื่อง Saab 340 AEW ระบบอาวุธเกี่ยวกับการต่อต้านเรือผิวน้ำ (RBS15) ในเดือนตุลาคมนี้ โดยโครงการกริพเพนจะเสร็จสิ้นในปี 2557" พล.อ.อ.ประจินระบุ
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้น กองทัพอากาศจะดูแลในส่วนของกองทัพอากาศก่อน ถ้าทำให้กำลังพลมีความรักความสามัคคีก็จะสามารถขยายไปถึงชุมชนและสังคม เพื่อช่วยรัฐบาลในการสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้น เพราะสามัคคีคือพลัง สำหรับการวางตัวต่อสถานการณ์บ้านเมืองนั้น จะต้องเป็นทีมงานที่ดีของรัฐบาล โดยผ่านการกำกับดูแลสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและ ผบ.สส. ส่วนภารกิจต่างๆ กองทัพอากาศพร้อมปฏิบัติ ทั้งเรื่องยาเสพติดและปัญหาความมั่นคงต่างๆ มีความพร้อม โดยฝึกกำลังพลให้เกิดศักยภาพเพื่อเสริมภารกิจของรัฐบาลให้มากที่สุด ส่วนแนวทางการทำงานร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพนั้น ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูดคุยและมอบหมายงานมาทางปลัดกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสัปดาห์นี้คงจะไปรับนโยบายเพิ่มเติมและเยี่ยมคำนับผู้ใหญ่
**อดุลย์”ประเดิมพบ “ปู–เฉลิม”
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กล่าวภายหลังเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชอยวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสการเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นวันแรกว่า เป็นการมาเรียนเชิญนายกรัฐมนตรี ให้ไปมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ตั้งแต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ทุกจังหวัด ประมาณ 400 นาย ที่สโมสรตำรวจ ในวันที่ 3 ต.ค. ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับปากว่าจะเดินทางไปมอบนโยบายในวันดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า คงต้องนำโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ในบทบาทของตำรวจ รวมถึงเรื่องยาเสพติด การเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจให้พร้อมสำหรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเน้นเรื่องอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชน โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมถึงจะดำเนินการปรับปรุงระบบโรงพัก ให้พร้อมในการให้บริการประชาชน รวมถึงดูแลเรื่องสวัสดิการต่างๆของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องของการศึกษาให้เป็นมืออาชีพ
เมื่อถามถึงการควบคุมการชุมนุมทางการเมืองจะวางตัวอย่างไร พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ต้องยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก ตนไม่มีความหนักใจแต่อย่างใด เพราะได้ทำหน้าที่มาโดยตลอด ยืนยันว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และเมื่อเข้ารับตำแหน่งแล้วก็ไม่มีเรื่องใดที่เป็นห่วงเป็นพิเศษเพราะได้ผ่านงานหนักมาทั้งชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเข้าพบนายกรัฐมนตรีแล้ว พล.ต.อ.อดุลย์ ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งในวันแรกด้วยเช่นกัน