“อิทธพร” ทำพิธีส่งมอบเก้าอี้ ผบ.ทอ.ให้ “ประจิน” เจ้าตัวพร้อมสานงาน แย้มยุทธศาสตร์พัฒนาเป็นดิจิตอลให้สมบูรณ์ด้านขีดความสามารถ เป็นชั้นนำของภูมิภาค พร้อมช่วยรัฐบาลสร้างความรักสามัคคี
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้กระทำพิธีรับ-ส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศให้แก่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้ช่วย ผบ.ทอ. โดยมีพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูนารถฯ จากนั้นเป็นพิธีลงนามรับส่งหน้าที่ ผบ.ทอ. พร้อมจัดพิธีสวนสนามทางอากาศ โดยใช้เครื่องบินฝึกแบบที่ 16/ก (ซีที-4 อี) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินฝึกแบบที่ 19/ก (พีซี-9) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ข/ค (เอฟ-5 อี/เอฟ) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19/ก (เอฟ-16 เอ/บี) จำนวน 4 เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที 20/ก (กริฟเพน 39 ซี/ดี)
โดย พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า จะสานงานต่อจาก ผบ.ทอ.คนเก่าที่ได้วางยุทธศาสตร์ไว้และเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศควบคู่กับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ รวมถึงภัยพิบัติ เชื่อว่ากองทัพอากาศมีขีดความสามารถในการสนับสนุนรัฐบาลให้มากขึ้น นอกจากนี้จะต้องเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ เราจะนำบทเรียนที่ผ่านมานำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ดีที่สุด ทั้งนี้กองทัพอากาศอาจมีการวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญโดยช่วงแรกจะพัฒนาเป็นดิจิตอล รวมถึงพัฒนากองทัพให้สมบูรณ์ทั้งเรื่องขีดความสามารถ อาวุธ ยุทโธปกรณ์ กำลังพล และเครือข่าย เพื่อให้ระบบสั่งการสนับสนุนภารกิจต่างๆให้เกิดความสมบูรณ์ ผบ.ทอ.คนเก่าห่วงใยเรื่องบุคลากร แม้ว่าจะมีบุคลากรไม่มาก แต่จะทำอย่างไรเพื่อรักษาและเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น
“เราคาดหวังว่าจะเป็นกองทัพอากาศชั้นนำของภูมิภาค ในช่วง 2 ปีจากนี้จะพยายามทำให้ตกผลึกให้ได้ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่องค์กรเครือข่ายที่มีครบในเรื่องปัจจัยอาวุธ ฐานข้อมูลและเครือข่ายการรบ การส่งกำลังบำรุง รวมถึงด้านการศึกษา สำหรับโครงการการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนจากประเทศสวีเดนนั้น ขณะนี้เฟสแรกได้จบไปแล้ว ส่วนเฟสสองจำนวน 6 ลำนั้น 3 ลำแรกจะมาในเดือน เม.ย. 56 และ 3 ลำสุดท้ายจะมาในเดือน ก.ย. 56 โดยประเทศสวีเดนจะมอบเครื่อง Saab 340AEW และระบบอาวุธเกี่ยวกับการต่อต้านเรือผิวน้ำ (RBS15) ในเดือน ต.ค.นี้ โดยโครงการกริพเพนจะเสร็จสิ้นในปี 57” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้น กองทัพอากาศจะดูแลในส่วนของกองทัพอากาศก่อน ถ้าทำให้กำลังพลมีความรักความสามัคคีก็จะสามารถขยายไปถึงชุมชนและสังคม เพื่อช่วยรัฐบาลในการสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้น เพราะสามัคคีคือพลัง สำหรับการวางตัวต่อสถานการณ์บ้านเมืองนั้นจะต้องเป็นทีมงานที่ดีของรัฐบาล โดยผ่านการกำกับดูแลสั่งการของ รมว.กลาโหม และผบ.สส. ส่วนภารกิจต่างๆ กองทัพอากาศพร้อมปฏิบัติ ทั้งเรื่องยาเสพติด และปัญหาความมั่นคงต่างๆ มีความพร้อมโดยฝึกกำลังพลให้เกิดศักยภาพเพื่อเสริมภารกิจของรัฐบาลให้มากที่สุด ส่วนแนวทางการทำงานร่วมกับผบ.เหล่าทัพนั้น ทาง รมว.กลาโหมพูดคุยและมอบหมายงานมาทางปลัดกระทรวงกลาโหมและผบ.สส.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสัปดาห์นี้คงจะไปรับนโยบายเพิ่มเติม และเยี่ยมคำนับผู้ใหญ่
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัตินั้น ที่ผ่านมาได้รับบทเรียนมาพอสมควร และได้รับสนับสนุนจากรัฐบาลหลายส่วน โดยเฉพาะงบประมาณในการฟื้นฟู ทั้งนี้โครงสร้างพื้นฐาน ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว 80% ส่วนทางด้านยุทธภัณฑ์แล้วเสร็จไปแล้ว 80% เช่นกัน ซึ่งงบประมาณในการฟื้นฟูจะแล้วเสร็จประมาณเดือน ต.ค. 55 เรามั่นใจว่าจะดูแลป้องกันน้ำท่วมบริเวณฐานทัพอากาศดอนเมืองได้ รวมทั้งการดูแลสนามบินร่วมกับการท่าอากาศยาน โดยมีแผนงานร่วมกันในระดับผู้บริหารทุกฝ่าย ดังนั้นมั่นใจว่าแผนเผชิญเหตุจะทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้งานต่างๆอาจจะมีอุปสรรคบ้าง เนื่องจากเครื่องมือและการจราจรที่มีผลต่อการทำงาน รวมถึงวัสดุที่มีการสั่งจองหลายพื้นที่ โดยในปีนี้เราจะพยายามดำเนินการให้ดีที่สุด
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้กระทำพิธีรับ-ส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศให้แก่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้ช่วย ผบ.ทอ. โดยมีพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูนารถฯ จากนั้นเป็นพิธีลงนามรับส่งหน้าที่ ผบ.ทอ. พร้อมจัดพิธีสวนสนามทางอากาศ โดยใช้เครื่องบินฝึกแบบที่ 16/ก (ซีที-4 อี) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินฝึกแบบที่ 19/ก (พีซี-9) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ข/ค (เอฟ-5 อี/เอฟ) จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19/ก (เอฟ-16 เอ/บี) จำนวน 4 เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที 20/ก (กริฟเพน 39 ซี/ดี)
โดย พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า จะสานงานต่อจาก ผบ.ทอ.คนเก่าที่ได้วางยุทธศาสตร์ไว้และเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศควบคู่กับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ รวมถึงภัยพิบัติ เชื่อว่ากองทัพอากาศมีขีดความสามารถในการสนับสนุนรัฐบาลให้มากขึ้น นอกจากนี้จะต้องเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ เราจะนำบทเรียนที่ผ่านมานำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ดีที่สุด ทั้งนี้กองทัพอากาศอาจมีการวางยุทธศาสตร์ที่สำคัญโดยช่วงแรกจะพัฒนาเป็นดิจิตอล รวมถึงพัฒนากองทัพให้สมบูรณ์ทั้งเรื่องขีดความสามารถ อาวุธ ยุทโธปกรณ์ กำลังพล และเครือข่าย เพื่อให้ระบบสั่งการสนับสนุนภารกิจต่างๆให้เกิดความสมบูรณ์ ผบ.ทอ.คนเก่าห่วงใยเรื่องบุคลากร แม้ว่าจะมีบุคลากรไม่มาก แต่จะทำอย่างไรเพื่อรักษาและเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น
“เราคาดหวังว่าจะเป็นกองทัพอากาศชั้นนำของภูมิภาค ในช่วง 2 ปีจากนี้จะพยายามทำให้ตกผลึกให้ได้ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่องค์กรเครือข่ายที่มีครบในเรื่องปัจจัยอาวุธ ฐานข้อมูลและเครือข่ายการรบ การส่งกำลังบำรุง รวมถึงด้านการศึกษา สำหรับโครงการการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนจากประเทศสวีเดนนั้น ขณะนี้เฟสแรกได้จบไปแล้ว ส่วนเฟสสองจำนวน 6 ลำนั้น 3 ลำแรกจะมาในเดือน เม.ย. 56 และ 3 ลำสุดท้ายจะมาในเดือน ก.ย. 56 โดยประเทศสวีเดนจะมอบเครื่อง Saab 340AEW และระบบอาวุธเกี่ยวกับการต่อต้านเรือผิวน้ำ (RBS15) ในเดือน ต.ค.นี้ โดยโครงการกริพเพนจะเสร็จสิ้นในปี 57” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้น กองทัพอากาศจะดูแลในส่วนของกองทัพอากาศก่อน ถ้าทำให้กำลังพลมีความรักความสามัคคีก็จะสามารถขยายไปถึงชุมชนและสังคม เพื่อช่วยรัฐบาลในการสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้น เพราะสามัคคีคือพลัง สำหรับการวางตัวต่อสถานการณ์บ้านเมืองนั้นจะต้องเป็นทีมงานที่ดีของรัฐบาล โดยผ่านการกำกับดูแลสั่งการของ รมว.กลาโหม และผบ.สส. ส่วนภารกิจต่างๆ กองทัพอากาศพร้อมปฏิบัติ ทั้งเรื่องยาเสพติด และปัญหาความมั่นคงต่างๆ มีความพร้อมโดยฝึกกำลังพลให้เกิดศักยภาพเพื่อเสริมภารกิจของรัฐบาลให้มากที่สุด ส่วนแนวทางการทำงานร่วมกับผบ.เหล่าทัพนั้น ทาง รมว.กลาโหมพูดคุยและมอบหมายงานมาทางปลัดกระทรวงกลาโหมและผบ.สส.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสัปดาห์นี้คงจะไปรับนโยบายเพิ่มเติม และเยี่ยมคำนับผู้ใหญ่
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัตินั้น ที่ผ่านมาได้รับบทเรียนมาพอสมควร และได้รับสนับสนุนจากรัฐบาลหลายส่วน โดยเฉพาะงบประมาณในการฟื้นฟู ทั้งนี้โครงสร้างพื้นฐาน ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว 80% ส่วนทางด้านยุทธภัณฑ์แล้วเสร็จไปแล้ว 80% เช่นกัน ซึ่งงบประมาณในการฟื้นฟูจะแล้วเสร็จประมาณเดือน ต.ค. 55 เรามั่นใจว่าจะดูแลป้องกันน้ำท่วมบริเวณฐานทัพอากาศดอนเมืองได้ รวมทั้งการดูแลสนามบินร่วมกับการท่าอากาศยาน โดยมีแผนงานร่วมกันในระดับผู้บริหารทุกฝ่าย ดังนั้นมั่นใจว่าแผนเผชิญเหตุจะทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้งานต่างๆอาจจะมีอุปสรรคบ้าง เนื่องจากเครื่องมือและการจราจรที่มีผลต่อการทำงาน รวมถึงวัสดุที่มีการสั่งจองหลายพื้นที่ โดยในปีนี้เราจะพยายามดำเนินการให้ดีที่สุด