ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยร่วง 12 จุดโดยปัจจัยลบจากต่างประเทศกดดัน ทั้งตลาดฟิวเจอร์สต่างแดนที่วูบ และความไม่ชัดเจนของสเปนต่อการเข้าขอรับความช่วยเหลือทางการ บวกกับปัจจัยลบในประเทศที่แบงก์ชาติจ่อหั่นเป้าส่งออก โบรกฯประเมินหากต่างประเทศยังไม่ดีอาจลงต่อ
ดัชนีหุ้นไทยวานนี้(26กย.) ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,274.50 จุด ลดลง 12.91 จุด หรือ 1.00% มูลค่าการซื้อขาย 54,198.57 ล้านบาท เป็นการปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค ที่เจอแรงขายทำกำไร จากหุ้นธนาคาร กรุงศรีอยุธยา (BAY) รวมทั้งปัจจัยลบจากการจ่อปรับลดเป้าส่งออกในปี2555 ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อีกทั้งยังเจอแรงขายทำกำไร หลังหลังตลาดฟิวเจอร์ในยุโรป-สหรัฐฯเทรดไม่ค่อยดี
ภาพรวม หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 151 หลักทรัพย์ ลดลง 432 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 116 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BAY มูลค่าการซื้อขาย 3,004.03 ล้านบาท ปิดที่ 30.75 บาท ลดลง 2.50 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,520.91 ล้านบาท ปิดที่ 188.50 บาท ลดลง 4.00 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,438.50 ล้านบาท ปิดที่ 5.85 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,226.55 ล้านบาท ปิดที่ 328.00 บาท ลดลง 4.00 บาท และ BTS มูลค่าการซื้อขาย 1,192.52 ล้านบาท ปิดที่ 5.65 บาท ลดลง 0.20 บาท
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง(BLS)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยรับแรงขายทำกำไรทั้งจากหุ้น BAY ที่ราคาปรับตัวลงไป 7-8% ประเมินว่ามีผลต่อดัชนีฯ 2-3 จุด มองว่าเป็นแรงขายที่ออกมาค่อนข้างผิดปกติ นอกจากนี้ นักลงทุนอาจมองว่าดัชนีฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐไม่ดีนัก จึงส่งผลให้นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเลือกที่จะขายทำกำไรออกมาก่อน อีกทั้งบางคนยังกังวลปัญหาสเปนที่จะเข้าหรือไม่เข้าขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนของยูโรโซน
ทำให้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(27 ก.ย.) ดัชนีอาจมีการสวิงตัวลงได้บ้าง ถ้าคืนที่ผ่านมาตลาดสหรัฐและยุโรปไม่ดี อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยคงจะไม่ลงไปมากแล้ว เพราะมีการขายกันไปก่อนบ้างแล้ว ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนติดตามราคาน้ำมันในตลาดโลกว่าจะยืนเหนือระดับ 90 เหรียญฯ/บาร์เรล ได้หรือเปล่า เนื่องจากจะมีผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะพวกน้ำมัน ทั้งนี้ ได้ให้แนวรับไว้ที่ 1,270 จุด แนวต้าน 1,280 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวานนี้(26กย.) ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,274.50 จุด ลดลง 12.91 จุด หรือ 1.00% มูลค่าการซื้อขาย 54,198.57 ล้านบาท เป็นการปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค ที่เจอแรงขายทำกำไร จากหุ้นธนาคาร กรุงศรีอยุธยา (BAY) รวมทั้งปัจจัยลบจากการจ่อปรับลดเป้าส่งออกในปี2555 ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อีกทั้งยังเจอแรงขายทำกำไร หลังหลังตลาดฟิวเจอร์ในยุโรป-สหรัฐฯเทรดไม่ค่อยดี
ภาพรวม หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 151 หลักทรัพย์ ลดลง 432 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 116 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BAY มูลค่าการซื้อขาย 3,004.03 ล้านบาท ปิดที่ 30.75 บาท ลดลง 2.50 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,520.91 ล้านบาท ปิดที่ 188.50 บาท ลดลง 4.00 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,438.50 ล้านบาท ปิดที่ 5.85 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,226.55 ล้านบาท ปิดที่ 328.00 บาท ลดลง 4.00 บาท และ BTS มูลค่าการซื้อขาย 1,192.52 ล้านบาท ปิดที่ 5.65 บาท ลดลง 0.20 บาท
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง(BLS)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยรับแรงขายทำกำไรทั้งจากหุ้น BAY ที่ราคาปรับตัวลงไป 7-8% ประเมินว่ามีผลต่อดัชนีฯ 2-3 จุด มองว่าเป็นแรงขายที่ออกมาค่อนข้างผิดปกติ นอกจากนี้ นักลงทุนอาจมองว่าดัชนีฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐไม่ดีนัก จึงส่งผลให้นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเลือกที่จะขายทำกำไรออกมาก่อน อีกทั้งบางคนยังกังวลปัญหาสเปนที่จะเข้าหรือไม่เข้าขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนของยูโรโซน
ทำให้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(27 ก.ย.) ดัชนีอาจมีการสวิงตัวลงได้บ้าง ถ้าคืนที่ผ่านมาตลาดสหรัฐและยุโรปไม่ดี อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยคงจะไม่ลงไปมากแล้ว เพราะมีการขายกันไปก่อนบ้างแล้ว ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนติดตามราคาน้ำมันในตลาดโลกว่าจะยืนเหนือระดับ 90 เหรียญฯ/บาร์เรล ได้หรือเปล่า เนื่องจากจะมีผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะพวกน้ำมัน ทั้งนี้ ได้ให้แนวรับไว้ที่ 1,270 จุด แนวต้าน 1,280 จุด