ASTVผู้จัดการรายวัน- “ส.อ.ท.”สายงานต่างจังหวัดเตรียมตบเท้าพบนายกฯยื่น 6 ข้อเสนอกรณีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300บาทต่อวันทั่วประเทศโดยให้คงสำหรับ 70 จังหวัดที่เหลือไว้จนถึงปี 2558 จวกยับการเมืองหาเสียงโดยไม่ใช้เงินแต่โยนบาปให้เอกชนรับเละ เสนอให้กกต.คำนึงถึงการออกนโยบายพรรคการเมืองที่หาเสียงโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบผู้อื่นผวาใช้เป็นนโยบายหาเสียงระยะยาวต่อไปอีก
นายวีระยุทธ สุขวัฑฒโก รองประธานและประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับสายงานต่างจังหวัดทั่วประเทศและการประชุมประธานภาคและเลขาภาคทั้ง 5 ภาคถึงกรณีที่รัฐบาลจะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศมีผลวันที่ 1 มกราคม 2556 ทั้งหมดได้แสดงจุดยืนที่จะขอเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดก่อนที่กระทรวงแรงงานจะนำเสนอประเด็นดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)โดยจะเสนอแนวทางทั้งหมด 6 ข้อที่สำคัญดังนี้
1.ให้รัฐบาลชะลอการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศสำหรับ 70 จังหวัดที่เหลือและให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้จนถึงปี 2558 เท่ากับ 7 จังหวัดนำร่อง 2. การพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดเป็นผู้นำเสนอต่อคณะกรรมการค่าจ้างกลาง โดยปราศจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม 3. ลูกจ้างที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ(หากมี)จะต้องจบการศึกษาขึ้นต่ำประถมศึกษาปีที่ 4 โดยได้รับใบประกาศนียบัตรหรือเอกสารรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ
4.ขอให้รัฐบาลยกเลิกอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยให้ใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำแบบลอยตัว 5. หากรัฐยืนยันที่จะคงบังคับใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบค่าจ้างส่วนต่างตามอัตราที่จะประกาศใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2556 และ 6. ให้คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) คำนึงถึงความสำคัญและตรวจสอบอย่างเคร่งครัดในนโยบายของพรรคการเมืองที่นำนโยบายประชานิยมหาเสียงโดยกำหนดและให้สัญญาเช่น การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ
“ ก็จะพยายามให้ทางประธานส.อ.ท.ประสานพบนายกรัฐมนตรีให้เร็วที่สุดซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ขอเข้าพบในระหว่างการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนหรือกรอ.ที่จะมีขึ้นที่เกาะสมุยเร็วๆ นี้ก็ได้ ซึ่งเราเห็นว่าประเด็นหนึ่งที่น่ากลัวคือพรรคการเมืองหาเสียงโดยไม่ใช้เงินแต่ถึงเวลาผู้ประกอบการต้องจ่ายเพิ่มเช่นนี้พอไม่ปฏิบัติตามก็กลายเป็นผู้ร้ายอีกมันไม่ยุติธรรมเลยซึ่งเรากลัวว่าต่อไปพรรคการเมืองจะเพิ่มการขึ้นค่าจ้างหาเสียงไปอีกเรื่อยๆ แล้วภาระเหล่านี้ก็ตกมาอยู่กับเรา”นายวีระยุทธกล่าว
นายวีระยุทธ สุขวัฑฒโก รองประธานและประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับสายงานต่างจังหวัดทั่วประเทศและการประชุมประธานภาคและเลขาภาคทั้ง 5 ภาคถึงกรณีที่รัฐบาลจะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศมีผลวันที่ 1 มกราคม 2556 ทั้งหมดได้แสดงจุดยืนที่จะขอเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดก่อนที่กระทรวงแรงงานจะนำเสนอประเด็นดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)โดยจะเสนอแนวทางทั้งหมด 6 ข้อที่สำคัญดังนี้
1.ให้รัฐบาลชะลอการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศสำหรับ 70 จังหวัดที่เหลือและให้คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้จนถึงปี 2558 เท่ากับ 7 จังหวัดนำร่อง 2. การพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดเป็นผู้นำเสนอต่อคณะกรรมการค่าจ้างกลาง โดยปราศจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม 3. ลูกจ้างที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ(หากมี)จะต้องจบการศึกษาขึ้นต่ำประถมศึกษาปีที่ 4 โดยได้รับใบประกาศนียบัตรหรือเอกสารรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ
4.ขอให้รัฐบาลยกเลิกอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โดยให้ใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำแบบลอยตัว 5. หากรัฐยืนยันที่จะคงบังคับใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบค่าจ้างส่วนต่างตามอัตราที่จะประกาศใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2556 และ 6. ให้คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) คำนึงถึงความสำคัญและตรวจสอบอย่างเคร่งครัดในนโยบายของพรรคการเมืองที่นำนโยบายประชานิยมหาเสียงโดยกำหนดและให้สัญญาเช่น การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ
“ ก็จะพยายามให้ทางประธานส.อ.ท.ประสานพบนายกรัฐมนตรีให้เร็วที่สุดซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ขอเข้าพบในระหว่างการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนหรือกรอ.ที่จะมีขึ้นที่เกาะสมุยเร็วๆ นี้ก็ได้ ซึ่งเราเห็นว่าประเด็นหนึ่งที่น่ากลัวคือพรรคการเมืองหาเสียงโดยไม่ใช้เงินแต่ถึงเวลาผู้ประกอบการต้องจ่ายเพิ่มเช่นนี้พอไม่ปฏิบัติตามก็กลายเป็นผู้ร้ายอีกมันไม่ยุติธรรมเลยซึ่งเรากลัวว่าต่อไปพรรคการเมืองจะเพิ่มการขึ้นค่าจ้างหาเสียงไปอีกเรื่อยๆ แล้วภาระเหล่านี้ก็ตกมาอยู่กับเรา”นายวีระยุทธกล่าว