ผลพวงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกระทบส่งออกและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ส.ค.อยู่ที่ 98.5 ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน แถมยังผวาน้ำท่วมต่อ แนะรัฐเร่งสร้างความมั่นใจแผนป้องกันน้ำด่วน วอนช่วยเอสเอ็มอีหลังค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศมีผล 1 ม.ค. 56
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือนสิงหาคม (ส.ค.) 2555 จำนวน 1,099 รายครอบคลุม 42 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นในเดือน ส.ค.ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 98.5 โดยลดลงเล็กน้อยจากระดับ 98.7 ในเดือนกรกฎาคม และเป็นค่าดัชนีที่ปรับลดลงต่ำกว่า 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และต่ำสุดในรอบ 8 เดือนซึ่งเกิดจากปัจจัยความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาวะส่งออกและเป้าหมายอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ลดลง
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 105.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ 104.8 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งค่าดัชนีที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบด้านยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิตที่มีแนวโน้มน่าจะปรับไปในทิศทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปีที่จะมีแรงซื้อหรือออเดอร์เข้ามาเพิ่มเติม
“เดือนสิงหาคมนี้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรมมากสุดคือ ความกังวลต่อผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลก รองลงมาคือ ระดับราคาน้ำมันที่สูง และสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตามลำดับ” นายพยุงศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนนี้คือ ต้องการให้ภาครัฐสร้างความมั่นใจแผนป้องกันน้ำท่วม เร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ 1 มกราคม 2556 พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน และมีการกระตุ้นการส่งออกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ