ASTVผู้จัดการรายวัน- ชี้แรงงานขาดตลาด กระทบงานก่อสร้างบ้านจัดสรรล่าช้า ดีเวลลอปเปอร์ แข่งขึ้นค่าแรงดึงแรงงานเข้าไซด์ ดันต้นทุนบ้านขยับเพิ่ม ด้านธารารมณ์ขยับเพิ่มพอร์ตบ้านดาวน์ แก้ปัญหางานก่อสร้างล่าช้า-แรงงานขาด ช่วยลดยอดแบกง์ปฏิเสธสินเชื่อลูกค้า แจง8เดือนยอดขาย1,100 ล้านบาท จากเป้า1,500ล้านบาท คาดรับรู้รายได้1,200ล้านบาท เผยปี56 ผุด 4โครงการใหม่คอนโดมิเนียม1 โครงการบ้านแนวราบ3โครงการ
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ต้นปี55 จนถึงปัจจุบันถือว่ามีการปรับตัวดีขึ้นจากช่วงปลายปี2554 พอสมควร แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีตลาดอสังหาฯ จะชะลอตัวลงไปมากหลังไดรับผลกระทบจากการประสบปัญหาน้ำท่วมหนักปลายปี54 ทำให้กลุ่มที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ซึ่งถูกน้ำท่วมมียอดขายที่หยุดชะงักไป
อย่าไรก็ตาม หลังไตรมาส2เป็นต้นมากำลังซื้อและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทำให้ความต้องการบ้านแนวราบกลับมาขยายได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้คาดว่าหลังจากไตรมาส3เป็นต้นไปตลาดแนวราบจะกลับมาขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่การขยายตัวจะเป็นการเติบโตแบบสม่ำเสมอ ไม่หวือหวาเหมือนตลาดคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้มองว่าตลาดบ้านแนวราบจะกลับมาขยายตัวเป็นปกติในช่วงครึ่งปีหลังคือ อัตราการขยายตัวขอเศรษฐกิจในประเทศที่ยังทรงตัวในทิศทางที่ดี อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ถือว่าเอื้อต่อการตัดสินใจซื้อและเป็นส่วนเสริมให้ผู้บริโภคที่จะซื้อที่อยู่อาศัยมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามปัญหาหรือปัจจัยลบที่ยังส่งผลกระทบต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้คือ ปัญหาเรื่องค่าแรง ซึ่งปรับตัวขึ้นอย่างมาก เนื่องจากจนถึงขณะนี้แรงงานในตลาดยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกิดการแย่งชิงแรงงานกันเกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง จนเป็นที่มาของการเพิ่มค่าแรงเพื่อแยงแรงงานในตลาด ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนแรงงานในตาดสูงขึ้นไปอีก
“การแข่งขึ้นค่าแรงดึงแรงงานนั้น ทำให้ต้นทุนก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้นอีก ในบางพื้นที่ค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดให้ต้องจ่ายวันละ300บาทนั้น ยังไม่เพียงพอกับการจ้างแรงงาน เพราะค่าแรงที่มีการจ้างอยู่สูงกว่าค่าแรงานงานขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดไว้”
นายวสันต์ กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในตลาดส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา งานก่อสร้างของบริษัทมีความล่าช้าตามไปด้วย ในขณะที่ยอดขายบ้านนั้นส่วนทางกับงานก่อสร้าง ดังนั้นบริษัทจึงหันมาเน้นการเพิ่มพอร์ตบ้านดาวน์หรือบ้านสั่งสร้างเพื่อรองรับและแก้ปัญหางานก่อสร้างที่ล่าช้า และยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อลูกค้าแก้ปัญหาลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อให้ลดลงไปด้วย สำหรับช่วง8เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายบ้านแล้ว 1,100ล้านบาท จากเป้ารายได้รวมทั้งปี1,500ล้านบาท และในช่วง4เดือนสุดท้ายนี้บริษัทบริษัทต้องเร่งสร้างยอดขายเพิ่มอีก400 ล้านบาทเพื่อให้มียอดขายเป็นไปตามเป้า
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมีรายได้รับรู้ประมาณ 1,200ล้านบาท จากยอดขายรวม 1,500ล้านบาท โดยยอดรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งจะเป็นสต๊อกยอดขายบ้านของปี2554 ที่ยกมารับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 100-200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นการรับรู้จากยอดขายของปีนี้
ส่วนแผนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่นั้น ในปี2555 ในช่วงปลายปีจะยังไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ แต่จะโยกไปเปิดตัวในปี2556 โดยในปีหน้ามีแผนจะเปิดตัวโครงกรใหม่รวม 4 โครงการขณะนี้ได้ซื้อที่ดินไว้พร้อมแล้ว โดยทั้ง4โครงการที่เปิดใหม่ประกอบด้วยโครงการบ้านแนวราบ 3 โครงการ และเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในย่านสุขุมวิท 65 อีก 1โครงการ
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ต้นปี55 จนถึงปัจจุบันถือว่ามีการปรับตัวดีขึ้นจากช่วงปลายปี2554 พอสมควร แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีตลาดอสังหาฯ จะชะลอตัวลงไปมากหลังไดรับผลกระทบจากการประสบปัญหาน้ำท่วมหนักปลายปี54 ทำให้กลุ่มที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ซึ่งถูกน้ำท่วมมียอดขายที่หยุดชะงักไป
อย่าไรก็ตาม หลังไตรมาส2เป็นต้นมากำลังซื้อและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทำให้ความต้องการบ้านแนวราบกลับมาขยายได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้คาดว่าหลังจากไตรมาส3เป็นต้นไปตลาดแนวราบจะกลับมาขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่การขยายตัวจะเป็นการเติบโตแบบสม่ำเสมอ ไม่หวือหวาเหมือนตลาดคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้มองว่าตลาดบ้านแนวราบจะกลับมาขยายตัวเป็นปกติในช่วงครึ่งปีหลังคือ อัตราการขยายตัวขอเศรษฐกิจในประเทศที่ยังทรงตัวในทิศทางที่ดี อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ถือว่าเอื้อต่อการตัดสินใจซื้อและเป็นส่วนเสริมให้ผู้บริโภคที่จะซื้อที่อยู่อาศัยมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามปัญหาหรือปัจจัยลบที่ยังส่งผลกระทบต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้คือ ปัญหาเรื่องค่าแรง ซึ่งปรับตัวขึ้นอย่างมาก เนื่องจากจนถึงขณะนี้แรงงานในตลาดยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกิดการแย่งชิงแรงงานกันเกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง จนเป็นที่มาของการเพิ่มค่าแรงเพื่อแยงแรงงานในตลาด ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนแรงงานในตาดสูงขึ้นไปอีก
“การแข่งขึ้นค่าแรงดึงแรงงานนั้น ทำให้ต้นทุนก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้นอีก ในบางพื้นที่ค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดให้ต้องจ่ายวันละ300บาทนั้น ยังไม่เพียงพอกับการจ้างแรงงาน เพราะค่าแรงที่มีการจ้างอยู่สูงกว่าค่าแรงานงานขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนดไว้”
นายวสันต์ กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในตลาดส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา งานก่อสร้างของบริษัทมีความล่าช้าตามไปด้วย ในขณะที่ยอดขายบ้านนั้นส่วนทางกับงานก่อสร้าง ดังนั้นบริษัทจึงหันมาเน้นการเพิ่มพอร์ตบ้านดาวน์หรือบ้านสั่งสร้างเพื่อรองรับและแก้ปัญหางานก่อสร้างที่ล่าช้า และยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อลูกค้าแก้ปัญหาลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อให้ลดลงไปด้วย สำหรับช่วง8เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายบ้านแล้ว 1,100ล้านบาท จากเป้ารายได้รวมทั้งปี1,500ล้านบาท และในช่วง4เดือนสุดท้ายนี้บริษัทบริษัทต้องเร่งสร้างยอดขายเพิ่มอีก400 ล้านบาทเพื่อให้มียอดขายเป็นไปตามเป้า
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมีรายได้รับรู้ประมาณ 1,200ล้านบาท จากยอดขายรวม 1,500ล้านบาท โดยยอดรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งจะเป็นสต๊อกยอดขายบ้านของปี2554 ที่ยกมารับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 100-200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นการรับรู้จากยอดขายของปีนี้
ส่วนแผนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่นั้น ในปี2555 ในช่วงปลายปีจะยังไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ แต่จะโยกไปเปิดตัวในปี2556 โดยในปีหน้ามีแผนจะเปิดตัวโครงกรใหม่รวม 4 โครงการขณะนี้ได้ซื้อที่ดินไว้พร้อมแล้ว โดยทั้ง4โครงการที่เปิดใหม่ประกอบด้วยโครงการบ้านแนวราบ 3 โครงการ และเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในย่านสุขุมวิท 65 อีก 1โครงการ