ASTVผู้จัดการรายวัน – พีดีเฮ้าส์ฯ ผุด “เอคิวโฮม” แฟรนไชส์แบรนด์ใหม่เจาะลูกค้ารับสร้างบ้านตลาดล่าง1.5-2.5 ลบ.ขายสมาชิกแฟรนไชส์เดิม หวังอุดช่องว่างทางการตลาดผลักดันยอดขายโตต่อเนื่องในอนาคต คาดทั้งปีเปิด3สาขา วางเป้ารายได้แบรนด์ใหม่ปีแรก 90-100 ล้านบาท ประเดิมสาขาแรกนครปฐม พร้อมเดินหน้าเปิดสาขาพีดีเฮ้าส์ เพิ่ม10สาขา ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี1,400 ล้านบาท
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จะเปิดตัวแฟรนไชส์รับสร้างบ้านแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ "เอคิวโฮม" เจาะตลาดระดับล่าง ราคา1.5-2.5 ล้านบาท มีพื้นที่เริ่มต้น 80-160ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยแฟรนไชส์แบรนด์ใหม่ จะเปิดขายเฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกแฟรนไชส์ พีดีเฮ้าส์เดิม ไม่เปิดขายให้แก่บุคคลทั่วไป เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันกันเองของทั้ง 2 แบรนด์
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการเปิดแบรนด์ใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าลงสู่ตลาดล่างราคาไม่เกิน 2.5ล้านบาท ขณะเดียวกันจะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทให้เติบโต รวมถึงเป็นการอุดช่องว่างทางการตลาด ปัจจุบันบริษัท ยังไม่มีสินค้าในตลาดดังกล่าวไว้รองรับความต้องการลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัด ที่มีกำลังซื้อไม่สูงเท่ากับกลุ่มลูกค้าในส่วนกลาง
“ ปัจจุบัน บ้านที่ พีดีเฮ้าส์ ก่อสร้างให้แก่ลูกค้านั้น มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ล้านบาท หรือมีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาทขึ้นไป เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีส่วนแบ่งในตลาดรวม 20-30% ขณะที่ตลาดระดับราคา1.5-2.5 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดรวมสูงถึง 60% ดังนั้น เพื่อเป็นการอุดช่องว่างทางการตลาด จึงตัดสินใจเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ขณะนี้มีสมาชิกสนใจซื้อแล้ว 3-4 ราย คาดว่าจะเปิดสาขาแรกในจังหวัดนครปฐมกลางปี55 และทั้งปีจะเปิด3สาขา ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ 90-100ล้านบาท”
นายสิทธิพร กล่าวถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 54 ว่า ชะลอตัวลง 25-30% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ทำให้ลูกค้ายกเลิกและชะลอการก่อสร้างบ้านออกไป โดยในส่วนของบริษัทนั้นได้รับผลกระทบในระดับเดียวกับตลาดรวม ทำให้มียอดขายต่ำกว่าเป้า 30% หรือมียอดขายรวม 700 ล้านบาทเศษ จากเป้า 1,000 ล้านบาท ส่วนในปี 55 นี้เชื่อว่าตลาดรวมจะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตได้ใกล้เคียงกับปี2553
ด้านนายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดีเฮ้าส์ฯ กล่าวว่า กลยุทธ์ทางการตลาดในปีนี้ นอกจากการเปิดตัวแฟรนไชส์น้องใหม่เอคิวโฮม แล้ว ยังเน้นการขยายสาขาแฟรนไชส์ พีดีเฮ้าส์ เพิ่มอีก 10 สาขา ซึ่งปีนี้จะต่างไปจากที่ผ่านๆมา โดยจะเปิดรับบริษัทรับสร้างบ้านในท้องถิ่นขนาดเล็ก ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพของบริษัท ทั้งในด้านเทคโนโลยี โนฮาวน์ และมาตรฐานก่อสร้าง รวมถึงยกระดับการบริหารจัดการและแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ เพื่อง่ายในการทำตลาด ได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของพีดีเฮ้าส์
ล่าสุดได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับบริษัทรับสร้างบ้านรายเล็กที่จะเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ โดยมอบส่วนลดค่าธรรมเนียมแรกเข้าจาก 5 แสนบาทเหลือ 3.5 แสนบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ 2-3ราย นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสแรกนี้ พีดีเฮ้าส์ ยังได้จัดแคมเปญพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสร้างบ้าน ซึ่งกังวลกับปัญหาน้ำท่วม โดยให้สิทธิพิเศษลูกค้าที่จองสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์ ในไตรมาสแรกสามารถสร้างบ้านแบบยกพื้นสูงจากพื้นดิน 80-105 เซนติเมตร(ซม.)จากแบบบ้านเดิมที่มีให้เลือกทั้งหมด200แบบ
“ลูกค้าที่สร้างบ้านกับเราในไตรมาสแรกและต้องการยกพื้นสูงเพื่อหนีน้ำ สามารถเลือกแบบบ้านใดก็ได้จากแบบบ้าน 200 แบบเดิม โดยบริษัทจะยกพื้นให้สูงกว่าปกติ 80-105 เซนติเมตรโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม และเพื่อรองรับความต้องการลูกค้ากังวลปัญหาน้ำท่วม จึงออกแบบบ้านยกสูงจาพื้น150 ซม.2แบบให้ลูกค้าเลือก”
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม1,400 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากยอดขายปีที่ผ่านมา ที่มียอดขายรวม 700 ล้านบาทเศษ หรือเติบโตขึ้น 50% โดยเป็นรายได้จากสาขาแฟรนไชส์พีดีเฮ้าส์ เดิมที่มีอยู่ 26สาขาและสาขาที่จะเปิดใหม่10สาขาในปีนี้รวม1,300ล้านบาท และเป็นยอดรายได้จากแฟรนไชส์เอคิวโฮม ประมาณ 90-100ล้านบาท คาดว่าในไตรมาสแรกนี้จะมียอดขายรวม 300 ล้านบาท.
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จะเปิดตัวแฟรนไชส์รับสร้างบ้านแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ "เอคิวโฮม" เจาะตลาดระดับล่าง ราคา1.5-2.5 ล้านบาท มีพื้นที่เริ่มต้น 80-160ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยแฟรนไชส์แบรนด์ใหม่ จะเปิดขายเฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกแฟรนไชส์ พีดีเฮ้าส์เดิม ไม่เปิดขายให้แก่บุคคลทั่วไป เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันกันเองของทั้ง 2 แบรนด์
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการเปิดแบรนด์ใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าลงสู่ตลาดล่างราคาไม่เกิน 2.5ล้านบาท ขณะเดียวกันจะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทให้เติบโต รวมถึงเป็นการอุดช่องว่างทางการตลาด ปัจจุบันบริษัท ยังไม่มีสินค้าในตลาดดังกล่าวไว้รองรับความต้องการลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัด ที่มีกำลังซื้อไม่สูงเท่ากับกลุ่มลูกค้าในส่วนกลาง
“ ปัจจุบัน บ้านที่ พีดีเฮ้าส์ ก่อสร้างให้แก่ลูกค้านั้น มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ล้านบาท หรือมีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาทขึ้นไป เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีส่วนแบ่งในตลาดรวม 20-30% ขณะที่ตลาดระดับราคา1.5-2.5 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดรวมสูงถึง 60% ดังนั้น เพื่อเป็นการอุดช่องว่างทางการตลาด จึงตัดสินใจเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ขณะนี้มีสมาชิกสนใจซื้อแล้ว 3-4 ราย คาดว่าจะเปิดสาขาแรกในจังหวัดนครปฐมกลางปี55 และทั้งปีจะเปิด3สาขา ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ 90-100ล้านบาท”
นายสิทธิพร กล่าวถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 54 ว่า ชะลอตัวลง 25-30% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ทำให้ลูกค้ายกเลิกและชะลอการก่อสร้างบ้านออกไป โดยในส่วนของบริษัทนั้นได้รับผลกระทบในระดับเดียวกับตลาดรวม ทำให้มียอดขายต่ำกว่าเป้า 30% หรือมียอดขายรวม 700 ล้านบาทเศษ จากเป้า 1,000 ล้านบาท ส่วนในปี 55 นี้เชื่อว่าตลาดรวมจะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตได้ใกล้เคียงกับปี2553
ด้านนายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดีเฮ้าส์ฯ กล่าวว่า กลยุทธ์ทางการตลาดในปีนี้ นอกจากการเปิดตัวแฟรนไชส์น้องใหม่เอคิวโฮม แล้ว ยังเน้นการขยายสาขาแฟรนไชส์ พีดีเฮ้าส์ เพิ่มอีก 10 สาขา ซึ่งปีนี้จะต่างไปจากที่ผ่านๆมา โดยจะเปิดรับบริษัทรับสร้างบ้านในท้องถิ่นขนาดเล็ก ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพของบริษัท ทั้งในด้านเทคโนโลยี โนฮาวน์ และมาตรฐานก่อสร้าง รวมถึงยกระดับการบริหารจัดการและแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ เพื่อง่ายในการทำตลาด ได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของพีดีเฮ้าส์
ล่าสุดได้จัดแคมเปญพิเศษสำหรับบริษัทรับสร้างบ้านรายเล็กที่จะเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ โดยมอบส่วนลดค่าธรรมเนียมแรกเข้าจาก 5 แสนบาทเหลือ 3.5 แสนบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ 2-3ราย นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสแรกนี้ พีดีเฮ้าส์ ยังได้จัดแคมเปญพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสร้างบ้าน ซึ่งกังวลกับปัญหาน้ำท่วม โดยให้สิทธิพิเศษลูกค้าที่จองสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์ ในไตรมาสแรกสามารถสร้างบ้านแบบยกพื้นสูงจากพื้นดิน 80-105 เซนติเมตร(ซม.)จากแบบบ้านเดิมที่มีให้เลือกทั้งหมด200แบบ
“ลูกค้าที่สร้างบ้านกับเราในไตรมาสแรกและต้องการยกพื้นสูงเพื่อหนีน้ำ สามารถเลือกแบบบ้านใดก็ได้จากแบบบ้าน 200 แบบเดิม โดยบริษัทจะยกพื้นให้สูงกว่าปกติ 80-105 เซนติเมตรโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม และเพื่อรองรับความต้องการลูกค้ากังวลปัญหาน้ำท่วม จึงออกแบบบ้านยกสูงจาพื้น150 ซม.2แบบให้ลูกค้าเลือก”
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม1,400 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากยอดขายปีที่ผ่านมา ที่มียอดขายรวม 700 ล้านบาทเศษ หรือเติบโตขึ้น 50% โดยเป็นรายได้จากสาขาแฟรนไชส์พีดีเฮ้าส์ เดิมที่มีอยู่ 26สาขาและสาขาที่จะเปิดใหม่10สาขาในปีนี้รวม1,300ล้านบาท และเป็นยอดรายได้จากแฟรนไชส์เอคิวโฮม ประมาณ 90-100ล้านบาท คาดว่าในไตรมาสแรกนี้จะมียอดขายรวม 300 ล้านบาท.