โพลชี้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยผล คอป. แนะให้รัฐบาลศึกษาอย่างละเอียด ด้านนักวิชาการแดงเปิดเวทีถล่มรายงานคอป. อ้างคนที่ใส่ชุดดำ มีทั้งการ์ดแดงและ จนท.รัฐ "ชวนนท์ " จี้ 5 คำถามเกี่ยวกับผลสรุป คอป. ที่ "ยิ่งลักษณ์" ต้องตอบให้ชัดเจน "สุริยะใส" ชี้เสื้อแดงฉีกรายงาน คอป.สะท้อนวิธีคิดเอาแต่ได้ จิตวิญญาณเผด็จการ น่ากลัวพอๆ กับชายชุดดำ แนะเปิดคลิปย้อนหลัง อ่านบทสัมภาษณ์แกนนำแดง ชี้ชัดม็อบฝักไฝ่ความรุนแรง
วานนี้ (23 ก.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชน กรณี รายงานสรุปของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. พบว่า ประชาชนร้อยละ 27.23 เห็นว่า รายงานดังกล่าวเป็นรายงานสรุปที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย ร้อยละ 53.70 เห็นด้วยกับรายงาน เพราะใช้เวลาในการศึกษานานพอสมควร มีการชี้แจงอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอนการทำงาน การรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะที่ร้อยละ 42.74 มองว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ที่รายงาน คอป.จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองของชาติ
นอกจากนี้ ร้อยละ 54.21 เห็นว่า ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ หากรัฐบาลศึกษารายละเอียด และนำข้อเสนอแนะของ คอป.ไปปฏิบัติ ร้อยละ 44.78 มองว่า ฝ่ายค้านควรให้ความร่วมมือกับรัฐบาลตามคอป. เสนอ ร้อยละ 48.34 พบว่า ประชาชนควรรับฟังการวิจารณ์รายงาน คอป. อย่างมีสติ และส่วนใดที่สามารถดำเนินการได้ ก็ควรให้การสนับสนุน
**อ้างมีทั้งการ์ดแดง-จนท.รัฐใส่ชุดดำ
วานนี้ (23 ก.ย.) ที่ห้องประกอบหุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารเอนกประสงค์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค. 53 (ศปช.) ได้จัดงานเสวนาในหัวข้อ "รัฐประหาร 19 กันยา กับอาชญากรรมรัฐ : กรณีสลายชุมนุมเมษา -พฤษภา 2553" มีการแสดงความเห็นต่อรายงานแสวงหาข้อเท็จจริงของ คอป. โดยเข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นมวลชนคนเสื้อแดง
นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และผู้ประสานงาน ศปช. กล่าวว่า จากรายงานของ คอป. มีหลายส่วนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจาก คอป.ได้ทำให้เกิดความชอบธรรม กับการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเน้นไปที่เรื่องของชายชุดดำ ที่ปรากฏตัวอยู่แทบทุกจุดที่มีความรุนแรง ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-19พ.ค.53 เพื่อมีนัยยะให้ดูว่า การชุมนุมของ นปช.เป็นไปด้วยความไม่ชอบธรรม และสร้างความชอบธรรมให้เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมชายชุดดำได้เลย ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 หลายฝ่ายอาจจะเห็นว่า ชายชุดดำได้เข้ามาช่วยเสื้อแดง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถจับตัวมาได้เช่นกัน ฉะนั้นอยากจะตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ว่า การชุมนุมที่ผ่านมา กลุ่มการ์ดเสื้อแดงจำนวนมาก ได้ใส่ชุดดำ แต่อีกด้านหนึ่งทางเจ้าหน้าที่รัฐนอกเครื่องแบบจำนวนมาก ก็ใส่ชุดดำเช่นกัน
นางพวงทอง กล่าวว่า แม้ทาง คอป.จะบอกว่า รัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการ โดยไม่ใช้ความรุนแรง แต่จากข้อมูลพบว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่จัดการกับผู้ชุมนุม ไม่ได้เพื่อตอบโต้ชายชุดดำ แต่อย่างใด แต่เป็นการยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมแทน โดยที่ผ่านมา มีภาพถ่ายการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารมากมายในโลกออนไลน์ แต่ทางคอป.กลับไม่ดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ รวมถึงในรายงานไม่มีการกล่าวชัดเจนเลยว่า เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังเกินกว่าเหตุในกรณีไหนบ้าง หรือไม่มีการวิจารณ์ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการขนอาวุธหนัก ที่ใช้กระสุนกว่า 1 - 2 แสนนัด และใช้กำลังทหารมากมาย เป็นสิ่งที่เหมาะสมถูกต้องหรือไม่ และจากรายงานบางส่วนของคอป. พบว่ามีการสัมภาษณ์พยานเพียง 1-3 เดือน ก่อนที่คอป.จะหมดอายุ ตรงนี้ถือว่า เป็นการทำงานที่ใช้ไม่ได้ ทั้งนี้จากหลักฐานของ ศปช. พบว่าแม้ไม่มีเหตุการณ์เผายาง หรือชายชุดดำ แต่ทางเจ้าหน้าที่ทหารก็ยิงปืนเข้าใส่ผู้ชุมนุม อย่างเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 ซึ่งจากเหตุการณ์เมื่อวันนั้น ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ที่แยกบ่อนไก่ พระราม 4
นางพวงทอง กล่าวว่า ทาง ศปช.อยากจะฝากไปถึง คอป.ว่า การที่สรุปเหตุการณ์รุนแรงเมื่อปี 53 ว่าเป็นความผิดทั้ง 2 ฝ่ายนั้น อาจจะทำให้ภาพของ คอป. ดูดีขึ้น โดยเฉพาะจากฝ่ายที่สนับสนุนทางเจ้าหน้าที่ทหารนั้น แต่ในความจริง เรื่องความเป็นกลางนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากโดยจะชี้แจงว่า เมื่อปี 53 คนเสื้อแดงแค่มาเรียกร้องให้มีการยุบสภาเท่านั้น แต่ถ้ามีใครมาทำร้ายเรา คนเสื้อแดงก็ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆได้ แต่กลับมีกลุ่มที่คอยจับผิดคนเสื้อแดงอยู่ตลอด แทนที่จะเข้ามาช่วยต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
"คอป.ควรไปดูรายละเอียดว่า ที่สี่แยกคอกวัว และหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ประชาชนถูกยิงเสียชีวิตก่อนที่ชายชุดดำจะปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ โดยคอป.มักจะพูดในลักษณะเห็นอกเห็นใจทหาร อย่างการที่บอกว่า เมื่อผู้บังคับบัญชาถูกยิงตาย ส่งผลทำให้ทหารระดับล่างเกิดความระส่ำระสาย ไร้การควบคุม ยิงอย่างสับสนเข้าใส่ผู้ชุมนุม ตรงนี้ คอป.ควรตรวจสอบว่า มีผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตจำนวนมาก ก่อนที่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม จะเสียชีวิตหรือไม่ ไม่ควรโยนความผิดทั้งหมดให้ชายชุดดำ" นางพวงทอง กล่าว
***ปชป.จี้ 5 คำถาม คอป.ให้ปูตอบ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง แสดงท่าที่ไม่ยอมรับผลสรุปรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่า เป็นการไม่ยอมรับความจริง และขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสนี้แสดงจุดยืนว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะลอยตัวเหนือปัญหา อ้างว่าให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) อย่างเดียวไม่ได้
ทั้งนี้ขอตั้งคำถามไปที่สังคมยังมีความสงสัยไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใน5 ประเด็น ประกอบไปด้วย
1.กรณีที่รายงานคอป. ระบุว่า จุดที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิพล (เสธ.แดง) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกถูกยิง จากนั้นมีลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ วิ่งเข้าไปในเต็นท์ เพื่อหยิบปืนเล็กยาวยิงไปทางโรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงแรมดุสิตนั้น จริงหรือไม่
2.ในวันที่13-18 พ.ค.53 ที่ คอป.สรุปว่า มีผู้เสียชีวิต 42 คน และส่วนใหญ่เป็นผู้ชุมนุม ชาวบ้าน และอาสาพยาบาล ซึ่งพบว่ามีหลักฐานเป็นกระสุนปืน ลูกกรด กระสุนปืนแม็กนั่มอยู่ด้วย โดยที่หน่วยราชการ ไม่มีกระสุนดังกล่าวใช้ปฏิบัติการ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร 3.กรณีที่วัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นที่ซ่องสุมของชายชุดดำ โดยวันที่ 19 พ.ค.53 ชายชุดดำ ยิงปืนขึ้นมาที่รางรถไฟฟ้า จนมีรอยแตก จริงหรือไม่ ทั้งนี้อยากให้มีการตรวจสอบว่า มีการยิงมาจากวัดปทุมวนารามหรือไม่
4. การเผาห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ และห้างเซน ซึ่งในช่วงที่ไฟเริ่มไหม้ มีรายงานว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
5. กรณีที่มีการระบุว่า ชายชุดดำที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุหลายครั้ง มีความใกล้ชิดกับพล.ต.ขัตติยะ และได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากการ์ดนปช. จริงหรือไม่
" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ควรลอยตัวเหนือปัญหา แล้วโยนเรื่องไปให้ ปคอป.ดำเนินการต่อ ควรจะพิสูจน์ความจริงดังกล่าวมาให้คนไทยได้รับทราบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสวนทางกับการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยประกาศ ระหว่างการหาเสียงที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานว่า พร้อมจะให้การสนับสนุนการค้นหาความจริง อย่าให้มีพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอก ควรเอาความจริงมาพิสูจน์กัน จะได้รู้ว่าใครกันแน่ ที่ควรจะต้องเข้าไปอยู่ในคุก" นายชวนนท์ กล่าว
นอกจากนี้ขอฝากไปยัง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ตั้งธงเอาผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้อำนวยการศอฉ. ข้อหาเจตนาฆ่าคนตาย ว่า ถ้านายธาริต ไม่เห็นด้วยกับรายงาน คอป. แล้ว ไปเซ็นคำสั่งตั้งพนักงานสอบสวนกับ 26 ผู้ก่อการร้ายก่อนหน้านี้ทำไม และจนบัดคดีดังกล่าวนี้ก็มีการสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลไปแล้ว 19 ราย โดยผลการสอบสวนดังกล่าว สอดคล้องกับผลสรุปของ คอป.ด้วย
ทั้งนี้หากนายธาริต ลืม ตนจะเอาผลการสอบสวนดังกล่าวไปมอบให้นายธาริต เพื่อป้องกัน อาการความจำสั้น ที่เกิดขึ้น จึงอยากให้นายธาริต ร่วมกันพิสูจน์ความจริงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยว่ารายงานคอป.เป็นอย่างไร
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เขียนจดหมายเชิดชูการเสียชีวิตของ 98 ศพ ว่าเป็นการเสียสละเพื่อประชาธิปไตย โดยจะดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมด ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่รู้ว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 98 ศพ เป็นใครบ้าง เพราะในจำนวนนั้น มีทั้งทหาร ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ ที่โดนลูกหลง และยังมี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รวมอยู่ด้วย ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถามครอบครัวคนเหล่านี้แล้วหรือยังว่าต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูแลหรือไม่ ที่สำคัญ นางนิชา ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า เองก็เพิ่งโดนข้ามหัวจากการแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งนี้บุคคลทั้งหมดเสียชีวิต และได้รับผลกระทบจากการกระทำของพวกท่าน แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยสนใจว่าใคร จะตายในแผ่นดินนี้ เอาแต่พูดโก้ๆ เขียนจดหมายเท่ๆไปวันๆ เท่านั้น แต่กลับไม่รู้ความจริง
**แดงฉีกรายงาน คอป.คิดเอาแต่ได้
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่าความพยายามของนปช. ที่กำลังสร้างกระแสบิดเบือนเพื่อทำลายความน่าเชื่อรายงานของคอป.ในขณะนี้ ถิอเป็นพฤติกรรมที่เป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง เพราะเป็นพฤติกรรมที่เอาแต่ได้ อะไรที่ไม่ถูกใจ หรือไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตนเองก็จะทำลายทิ้ง นี่เป็นจิตวิญญาณของเผด็จการอำนาจนิยม ไม่ใช่จิตวิญญาณประชาธิปไตย จิตวิญญาณแบบนี้น่ากลัว และอันตรายพอๆกับชายชุดดำ ที่ก่อความรุนแรงในช่วงเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อปี 2553
ทั้งนี้ ถ้าจำกันได้การเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 7.7 ล้านบาท การให้ประกันตัวคนเสื้อแดง การแยกนักโทษคดีการเมืองไปขังคุกติดแอร์ที่หลักสี่ ก็ล้วนแล้วแต่มาจากฐานคิดข้อเสนอของคอป. ที่รัฐบาลและนปช.สนับสนุน และใช้เป็นข้ออ้างกับสังคม แต่พอข้อเสนอที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ก็ปิดหูปิดตา ไม่รับฟังใดๆ
โดยเฉพาะประเด็นชายชุดดำ และการสร้างความรุนแรงโดยผู้ชุมนุมนั้น คนเสื้อแดงกำลังจะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ เพราะเป็นความจริงที่คนทั่วไปรับรู้ มีคลิปเผยแพร่ไปทั่วในยูทูป เช่น คลิปเมื่อวันที่ 23 เม.ย.53 ชื่อคลิป "เมธี ดาราเสื้อแดง ยอมเปิดปาก" ซึ่งเป็นการนั่งแถลงของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ หลังจากดีเอสไอ จับกุมนายเมธี อมรวุฒิกุล พร้อมอาวุธที่ยึดจากทหารไป และยังสารภาพถึงกลุ่มติดอาวุธในการชุมนุมเสื้อแดง ซึ่งนายธาริต ยังแถลงประณามการชุมนุมคนเสื้อแดง ว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายด้วย
หรือแม้แต่บทสัมภาษณ์ของนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายวิสา คัญทัพ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย หลังการชุมนุมยุติลง คนเหล่านี้ก็ออกมาเปิดโปงการนำที่เปลี่ยนมือไป และอิงแอบความรุนแรงไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแต่อย่างใด จนต้องถอยห่างจากเวทีชุมนุมในช่วงท้ายๆ เช่นเดียวกับ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการที่สนับสนุนคนเสื้อแดง ก็ฟันธงว่ามีชายชุดดำในที่ชุมนุม และโยงกับแกนนำเสื้อแดงบางคนจริงๆ
ส่วนที่คนเสื้อแดงพยายามเอา อนุกรรมการบางคนใน คอป. มาโยงว่าใกล้ชิดกับตนนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระ แค่หวังทำลายความน่าเชื่อถือในตัวรายงาน คอป.เท่านั้น เพราะตัวอนุฯ หรือคณะทำงานแค่ทำหน้าที่รวบรวมเอกสาร ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่าย ไม่มีอำนาจในการเขียน การวินิจฉัย หรือการจัดทำรายงานแต่อย่างใด และในตัวคณะทำงานเท่าที่ทราบ ก็มีนักวิชาการจากศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม หรือ ศปช. ซึ่งตั้งโดยนักวิชาการและคนเสื้อแดงเอง.
วานนี้ (23 ก.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชน กรณี รายงานสรุปของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. พบว่า ประชาชนร้อยละ 27.23 เห็นว่า รายงานดังกล่าวเป็นรายงานสรุปที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย ร้อยละ 53.70 เห็นด้วยกับรายงาน เพราะใช้เวลาในการศึกษานานพอสมควร มีการชี้แจงอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอนการทำงาน การรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะที่ร้อยละ 42.74 มองว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ที่รายงาน คอป.จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองของชาติ
นอกจากนี้ ร้อยละ 54.21 เห็นว่า ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ หากรัฐบาลศึกษารายละเอียด และนำข้อเสนอแนะของ คอป.ไปปฏิบัติ ร้อยละ 44.78 มองว่า ฝ่ายค้านควรให้ความร่วมมือกับรัฐบาลตามคอป. เสนอ ร้อยละ 48.34 พบว่า ประชาชนควรรับฟังการวิจารณ์รายงาน คอป. อย่างมีสติ และส่วนใดที่สามารถดำเนินการได้ ก็ควรให้การสนับสนุน
**อ้างมีทั้งการ์ดแดง-จนท.รัฐใส่ชุดดำ
วานนี้ (23 ก.ย.) ที่ห้องประกอบหุตะสิงห์ ชั้น 3 อาคารเอนกประสงค์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค. 53 (ศปช.) ได้จัดงานเสวนาในหัวข้อ "รัฐประหาร 19 กันยา กับอาชญากรรมรัฐ : กรณีสลายชุมนุมเมษา -พฤษภา 2553" มีการแสดงความเห็นต่อรายงานแสวงหาข้อเท็จจริงของ คอป. โดยเข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นมวลชนคนเสื้อแดง
นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และผู้ประสานงาน ศปช. กล่าวว่า จากรายงานของ คอป. มีหลายส่วนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจาก คอป.ได้ทำให้เกิดความชอบธรรม กับการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเน้นไปที่เรื่องของชายชุดดำ ที่ปรากฏตัวอยู่แทบทุกจุดที่มีความรุนแรง ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-19พ.ค.53 เพื่อมีนัยยะให้ดูว่า การชุมนุมของ นปช.เป็นไปด้วยความไม่ชอบธรรม และสร้างความชอบธรรมให้เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมชายชุดดำได้เลย ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 หลายฝ่ายอาจจะเห็นว่า ชายชุดดำได้เข้ามาช่วยเสื้อแดง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถจับตัวมาได้เช่นกัน ฉะนั้นอยากจะตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ว่า การชุมนุมที่ผ่านมา กลุ่มการ์ดเสื้อแดงจำนวนมาก ได้ใส่ชุดดำ แต่อีกด้านหนึ่งทางเจ้าหน้าที่รัฐนอกเครื่องแบบจำนวนมาก ก็ใส่ชุดดำเช่นกัน
นางพวงทอง กล่าวว่า แม้ทาง คอป.จะบอกว่า รัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการ โดยไม่ใช้ความรุนแรง แต่จากข้อมูลพบว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่จัดการกับผู้ชุมนุม ไม่ได้เพื่อตอบโต้ชายชุดดำ แต่อย่างใด แต่เป็นการยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมแทน โดยที่ผ่านมา มีภาพถ่ายการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารมากมายในโลกออนไลน์ แต่ทางคอป.กลับไม่ดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ รวมถึงในรายงานไม่มีการกล่าวชัดเจนเลยว่า เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังเกินกว่าเหตุในกรณีไหนบ้าง หรือไม่มีการวิจารณ์ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการขนอาวุธหนัก ที่ใช้กระสุนกว่า 1 - 2 แสนนัด และใช้กำลังทหารมากมาย เป็นสิ่งที่เหมาะสมถูกต้องหรือไม่ และจากรายงานบางส่วนของคอป. พบว่ามีการสัมภาษณ์พยานเพียง 1-3 เดือน ก่อนที่คอป.จะหมดอายุ ตรงนี้ถือว่า เป็นการทำงานที่ใช้ไม่ได้ ทั้งนี้จากหลักฐานของ ศปช. พบว่าแม้ไม่มีเหตุการณ์เผายาง หรือชายชุดดำ แต่ทางเจ้าหน้าที่ทหารก็ยิงปืนเข้าใส่ผู้ชุมนุม อย่างเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 ซึ่งจากเหตุการณ์เมื่อวันนั้น ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ที่แยกบ่อนไก่ พระราม 4
นางพวงทอง กล่าวว่า ทาง ศปช.อยากจะฝากไปถึง คอป.ว่า การที่สรุปเหตุการณ์รุนแรงเมื่อปี 53 ว่าเป็นความผิดทั้ง 2 ฝ่ายนั้น อาจจะทำให้ภาพของ คอป. ดูดีขึ้น โดยเฉพาะจากฝ่ายที่สนับสนุนทางเจ้าหน้าที่ทหารนั้น แต่ในความจริง เรื่องความเป็นกลางนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากโดยจะชี้แจงว่า เมื่อปี 53 คนเสื้อแดงแค่มาเรียกร้องให้มีการยุบสภาเท่านั้น แต่ถ้ามีใครมาทำร้ายเรา คนเสื้อแดงก็ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆได้ แต่กลับมีกลุ่มที่คอยจับผิดคนเสื้อแดงอยู่ตลอด แทนที่จะเข้ามาช่วยต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
"คอป.ควรไปดูรายละเอียดว่า ที่สี่แยกคอกวัว และหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ประชาชนถูกยิงเสียชีวิตก่อนที่ชายชุดดำจะปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ โดยคอป.มักจะพูดในลักษณะเห็นอกเห็นใจทหาร อย่างการที่บอกว่า เมื่อผู้บังคับบัญชาถูกยิงตาย ส่งผลทำให้ทหารระดับล่างเกิดความระส่ำระสาย ไร้การควบคุม ยิงอย่างสับสนเข้าใส่ผู้ชุมนุม ตรงนี้ คอป.ควรตรวจสอบว่า มีผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตจำนวนมาก ก่อนที่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม จะเสียชีวิตหรือไม่ ไม่ควรโยนความผิดทั้งหมดให้ชายชุดดำ" นางพวงทอง กล่าว
***ปชป.จี้ 5 คำถาม คอป.ให้ปูตอบ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง แสดงท่าที่ไม่ยอมรับผลสรุปรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่า เป็นการไม่ยอมรับความจริง และขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสนี้แสดงจุดยืนว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะลอยตัวเหนือปัญหา อ้างว่าให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) อย่างเดียวไม่ได้
ทั้งนี้ขอตั้งคำถามไปที่สังคมยังมีความสงสัยไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใน5 ประเด็น ประกอบไปด้วย
1.กรณีที่รายงานคอป. ระบุว่า จุดที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิพล (เสธ.แดง) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกถูกยิง จากนั้นมีลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ วิ่งเข้าไปในเต็นท์ เพื่อหยิบปืนเล็กยาวยิงไปทางโรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงแรมดุสิตนั้น จริงหรือไม่
2.ในวันที่13-18 พ.ค.53 ที่ คอป.สรุปว่า มีผู้เสียชีวิต 42 คน และส่วนใหญ่เป็นผู้ชุมนุม ชาวบ้าน และอาสาพยาบาล ซึ่งพบว่ามีหลักฐานเป็นกระสุนปืน ลูกกรด กระสุนปืนแม็กนั่มอยู่ด้วย โดยที่หน่วยราชการ ไม่มีกระสุนดังกล่าวใช้ปฏิบัติการ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร 3.กรณีที่วัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นที่ซ่องสุมของชายชุดดำ โดยวันที่ 19 พ.ค.53 ชายชุดดำ ยิงปืนขึ้นมาที่รางรถไฟฟ้า จนมีรอยแตก จริงหรือไม่ ทั้งนี้อยากให้มีการตรวจสอบว่า มีการยิงมาจากวัดปทุมวนารามหรือไม่
4. การเผาห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวิลด์ และห้างเซน ซึ่งในช่วงที่ไฟเริ่มไหม้ มีรายงานว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
5. กรณีที่มีการระบุว่า ชายชุดดำที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุหลายครั้ง มีความใกล้ชิดกับพล.ต.ขัตติยะ และได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากการ์ดนปช. จริงหรือไม่
" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ควรลอยตัวเหนือปัญหา แล้วโยนเรื่องไปให้ ปคอป.ดำเนินการต่อ ควรจะพิสูจน์ความจริงดังกล่าวมาให้คนไทยได้รับทราบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสวนทางกับการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยประกาศ ระหว่างการหาเสียงที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานว่า พร้อมจะให้การสนับสนุนการค้นหาความจริง อย่าให้มีพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอก ควรเอาความจริงมาพิสูจน์กัน จะได้รู้ว่าใครกันแน่ ที่ควรจะต้องเข้าไปอยู่ในคุก" นายชวนนท์ กล่าว
นอกจากนี้ขอฝากไปยัง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ตั้งธงเอาผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้อำนวยการศอฉ. ข้อหาเจตนาฆ่าคนตาย ว่า ถ้านายธาริต ไม่เห็นด้วยกับรายงาน คอป. แล้ว ไปเซ็นคำสั่งตั้งพนักงานสอบสวนกับ 26 ผู้ก่อการร้ายก่อนหน้านี้ทำไม และจนบัดคดีดังกล่าวนี้ก็มีการสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลไปแล้ว 19 ราย โดยผลการสอบสวนดังกล่าว สอดคล้องกับผลสรุปของ คอป.ด้วย
ทั้งนี้หากนายธาริต ลืม ตนจะเอาผลการสอบสวนดังกล่าวไปมอบให้นายธาริต เพื่อป้องกัน อาการความจำสั้น ที่เกิดขึ้น จึงอยากให้นายธาริต ร่วมกันพิสูจน์ความจริงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยว่ารายงานคอป.เป็นอย่างไร
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เขียนจดหมายเชิดชูการเสียชีวิตของ 98 ศพ ว่าเป็นการเสียสละเพื่อประชาธิปไตย โดยจะดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมด ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่รู้ว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 98 ศพ เป็นใครบ้าง เพราะในจำนวนนั้น มีทั้งทหาร ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ ที่โดนลูกหลง และยังมี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รวมอยู่ด้วย ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถามครอบครัวคนเหล่านี้แล้วหรือยังว่าต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูแลหรือไม่ ที่สำคัญ นางนิชา ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า เองก็เพิ่งโดนข้ามหัวจากการแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งนี้บุคคลทั้งหมดเสียชีวิต และได้รับผลกระทบจากการกระทำของพวกท่าน แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยสนใจว่าใคร จะตายในแผ่นดินนี้ เอาแต่พูดโก้ๆ เขียนจดหมายเท่ๆไปวันๆ เท่านั้น แต่กลับไม่รู้ความจริง
**แดงฉีกรายงาน คอป.คิดเอาแต่ได้
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่าความพยายามของนปช. ที่กำลังสร้างกระแสบิดเบือนเพื่อทำลายความน่าเชื่อรายงานของคอป.ในขณะนี้ ถิอเป็นพฤติกรรมที่เป็นอุปสรรคต่อการปรองดอง เพราะเป็นพฤติกรรมที่เอาแต่ได้ อะไรที่ไม่ถูกใจ หรือไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตนเองก็จะทำลายทิ้ง นี่เป็นจิตวิญญาณของเผด็จการอำนาจนิยม ไม่ใช่จิตวิญญาณประชาธิปไตย จิตวิญญาณแบบนี้น่ากลัว และอันตรายพอๆกับชายชุดดำ ที่ก่อความรุนแรงในช่วงเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อปี 2553
ทั้งนี้ ถ้าจำกันได้การเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 7.7 ล้านบาท การให้ประกันตัวคนเสื้อแดง การแยกนักโทษคดีการเมืองไปขังคุกติดแอร์ที่หลักสี่ ก็ล้วนแล้วแต่มาจากฐานคิดข้อเสนอของคอป. ที่รัฐบาลและนปช.สนับสนุน และใช้เป็นข้ออ้างกับสังคม แต่พอข้อเสนอที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ก็ปิดหูปิดตา ไม่รับฟังใดๆ
โดยเฉพาะประเด็นชายชุดดำ และการสร้างความรุนแรงโดยผู้ชุมนุมนั้น คนเสื้อแดงกำลังจะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ เพราะเป็นความจริงที่คนทั่วไปรับรู้ มีคลิปเผยแพร่ไปทั่วในยูทูป เช่น คลิปเมื่อวันที่ 23 เม.ย.53 ชื่อคลิป "เมธี ดาราเสื้อแดง ยอมเปิดปาก" ซึ่งเป็นการนั่งแถลงของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ หลังจากดีเอสไอ จับกุมนายเมธี อมรวุฒิกุล พร้อมอาวุธที่ยึดจากทหารไป และยังสารภาพถึงกลุ่มติดอาวุธในการชุมนุมเสื้อแดง ซึ่งนายธาริต ยังแถลงประณามการชุมนุมคนเสื้อแดง ว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายด้วย
หรือแม้แต่บทสัมภาษณ์ของนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายวิสา คัญทัพ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย หลังการชุมนุมยุติลง คนเหล่านี้ก็ออกมาเปิดโปงการนำที่เปลี่ยนมือไป และอิงแอบความรุนแรงไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแต่อย่างใด จนต้องถอยห่างจากเวทีชุมนุมในช่วงท้ายๆ เช่นเดียวกับ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการที่สนับสนุนคนเสื้อแดง ก็ฟันธงว่ามีชายชุดดำในที่ชุมนุม และโยงกับแกนนำเสื้อแดงบางคนจริงๆ
ส่วนที่คนเสื้อแดงพยายามเอา อนุกรรมการบางคนใน คอป. มาโยงว่าใกล้ชิดกับตนนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระ แค่หวังทำลายความน่าเชื่อถือในตัวรายงาน คอป.เท่านั้น เพราะตัวอนุฯ หรือคณะทำงานแค่ทำหน้าที่รวบรวมเอกสาร ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่าย ไม่มีอำนาจในการเขียน การวินิจฉัย หรือการจัดทำรายงานแต่อย่างใด และในตัวคณะทำงานเท่าที่ทราบ ก็มีนักวิชาการจากศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม หรือ ศปช. ซึ่งตั้งโดยนักวิชาการและคนเสื้อแดงเอง.
