ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-หากจะยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ซุบซิบข่าวบันเทิงชื่อดังของสหรัฐฯ อย่าง “TMZ” ได้เรียกเสียงฮือฮาครั้งใหญ่ ด้วยการเผยแพร่ชุดภาพถ่ายเปลือยของ เจ้าชายแฮร์รีย์แห่งเวลส์ ขณะเสด็จไปพักผ่อนที่นครลาส เวกัส มลรัฐเนวาดาของสหรัฐฯ โดยภาพหลุดชุดดังกล่าวถูกบันทึกไว้ในขณะที่เจ้าชายแฮร์รีย์ ทรงเล่นเกม “บิลเลียดเปลือยกาย” และทรงหยอกล้อกับหญิงสาวเปลือยรายหนึ่งภายในห้องพักของโรงแรม “ Wynn Las Vegas”
หลังการเผยแพร่ภาพหลุดเจ้าชายแฮร์รีย์ของเว็บไซต์ดังกล่าวไม่ถึง 24 ชั่วโมง บรรดาสื่อกระแสหลักจากทั่วโลกต่างพากันประโคมข่าวดังกล่าวกันอย่างสนุก ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมายถึงความไม่เหมาะสมของการนำเสนอข่าว และมีการตั้งคำถามถึง “จริยธรรมสื่อมวลชน” อย่างขนานใหญ่
ท่ามกลางกระแสข่าวที่ระบุว่า องค์รัชทายาทลำดับที่ 3 ของราชวงศ์อังกฤษ วัย 28 ชันษา ทรงถูกตำหนิจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบ็ธที่ 2 อย่างรุนแรงจากผลพวงของภาพหลุดดังกล่าวรวมถึงไลฟ์สไตล์ของเจ้าชายเพลย์บอยรักสนุก ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษ แม้ผลสำรวจความคิดเห็นโดย “ยูกอฟ โพลล์” ซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านทางหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทม์ส พบว่า ประชาชนในสหราชอาณาจักรร้อยละ 68 หรือกว่า 2 ใน 3 มีความเห็นว่า เจ้าชายแฮร์รีซึ่งยังทรงหนุ่มแน่นและเป็นโสด จึงย่อมมีสิทธิ์ที่จะสนุกสนานในช่วงวันหยุดของพระองค์เองบ้าง ขณะที่อีกร้อยละ 22 เห็นว่าพฤติกรรมของเจ้าชายเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
ข่าวภาพหลุดของเจ้าชายแฮร์รีย์แห่งเวลส์ยังไม่ทันจางหาย ทางสำนักพระราชวังของอังกฤษก็ต้องเผชิญกับข่าวชวนปวดหัวชิ้นใหม่ขึ้นอีก เมื่อนิตยสารแนวบันเทิงรายสัปดาห์ชื่อดังภาคภาษาฝรั่งเศสอย่าง “Closer” ที่มีเจ้าของเป็น กลุ่มสื่อ “Mondadori ” ของตระกูล “แบร์ลุสโคนี” จากอิตาลี ได้ตีพิมพ์ภาพถ่ายเปลือยพระวรกายท่อนบนของพระชายา เคท มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งถูกแอบถ่ายโดยช่างภาพอิสระ ที่ดักซูมภาพของพระองค์จากระยะทางห่างออกไปกว่า 1 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหญิงเคท พร้อมด้วยเจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ ทรงเสด็จไปพักผ่อนเป็นการส่วนพระองค์ที่ “ชาโต ดอเตต์” ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
ถือเป็นข่าวที่สร้างความมัวหมองให้แก่คู่รักแห่งราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งในขณะที่ภาพฉาวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมานั้น ทั้ง 2 พระองค์อยู่ระหว่างการเสด็จเยือนหลายประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวโรกาสมหามงคลที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
นิตยสารภาคภาษาฝรั่งเศสดังกล่าวประกาศผ่านเว็บไซต์ของตน เชื้อเชิญให้ผู้อ่านซื้อนิตยสารฉบับใหม่เพื่อ ที่จะได้ชมภาพถ่ายที่โลกอยากจะเห็นจนแทบรอไม่ไหว ซึ่งเป็นภาพของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เปลือยพระวรกายท่อนบนบนระเบียงบ้านพักหลังหนึ่ง ขณะที่รูปถ่ายทั้งที่อยู่บนปกและภายในเล่ม ได้เผยให้เห็นพระชายาแคทเธอรีน ทรงสวมเพียงบิกินีสีขาวดำท่อนล่างเข้ารูป โดยนิตยสารฉบับนี้บรรยายว่า “เหล่านางฟ้า” ของแบรนด์ชุดชั้นในชื่อก้องอย่าง “Victoria's Secret” ยังต้องชิดซ้าย
แน่นอนว่า การเผยแพร่ภาพแอบถ่ายเหล่านี้เรียกความสนใจของสื่อทั่วโลกได้อย่างคึกโครม และยังสร้างความอับอายให้แก่ราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง หลังจากที่มีการตีแผ่ภาพโป๊เปลือยของเจ้าชายแฮร์รีย์ พระอนุชาในเจ้าชายวิลเลียม ที่นครลาส เวกัสของสหรัฐฯไม่ถึง 1 เดือน
แม้ในเวลาต่อมา เจ้าชายวิลเลียมและพระชายาเคทได้ทรงเริ่มดำเนินคดีอาญากับนิตยสารดังกล่าวเพื่อเอาผิดกับบรรณาธิการ ช่างภาพ หรือคณะช่างภาพที่ลักลอบถ่ายรูปส่วนพระองค์ จนนำไปสู่การที่ศาลฝรั่งเศสต้องมีคำสั่งห้ามเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมาไม่ให้นิตยสาร “Closer” ตีพิมพ์ภาพถ่ายเปลือยท่อนบน ของเจ้าหญิงแคเธอรีน พระชายาในเจ้าชายวิลเลียมเพิ่มเติมอีก รวมถึงห้ามจำหน่ายต่อ ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำภาพอื้อฉาวดังกล่าวกลับไปตีพิมพ์ซ้ำหรือเผยแพร่บนเว็บไซต์อีก จน โฆษกสำนักพระราชวังเซนต์เจมส์ของอังกฤษออกมาแถลงว่า ดยุคและดัสเชสส์แห่งเคมบริดจ์ ทรงพอพระทัยต่อคำพิพากษาของศาลแพ่งนองแตร์ ชานกรุงปารีส ที่อนุมัติคำสั่งอายัดฉุกเฉินดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาพถ่ายพระชายาเคทจากฝีมือปาปารัซซีได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต และยังถูกตีพิมพ์ซ้ำอีกโดยหนังสือพิมพ์ “เดลิ สตาร์” ของไอร์แลนด์ รวมถึงนิตยสาร “คี” ของอิตาลี
ล่าสุด นิตยสารแนวทีวี ไกด์ ชื่อดังของนอร์เวย์และเดนมาร์ก “Se og H?r”หรือ “See & Hear” ยืนยันจะตีพิมพ์ภาพเปลือยสะท้านโลกของพระชายาเคทในนิตยสารของตนฉบับวันพฤหัสบดี(20) โดยไม่สนใจต่อคำขู่ฟ้องร้องดำเนินคดีจากสำนักพระราชวังอังกฤษ
ปรากฏการณ์ของ 2 ข่าวฉาวที่เกิดขึ้นกับสมาชิกราชวงศ์อังกฤษทั้งเจ้าชายแฮร์รีย์แห่งเวลส์ และเจ้าหญิงเคท ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ภายในช่วงเวลาที่ห่างกันไม่ถึง 1 เดือน ได้ชี้ให้เห็นว่าในโลกยุคใหม่ที่มีความก้าวล้ำในด้านเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม ตลอดจนความรวดเร็วฉับไวของสื่อในการนำเสนอข่าว อาจทำให้ “โลกส่วนตัว” ของเหล่าคนดัง ไม่มีความเป็นส่วนตัวหลงเหลืออีกต่อไป ขณะที่จริยธรรมในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนก็ดูจะถูกตั้งคำถามมากยิ่งขึ้นทุกขณะ
และคงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ทุกคนคงต้องระมัดระวังตนเองให้มากขึ้นหากจะพูด จะกระทำ หรือจะแสดงสิ่งใดออกไป เพราะไม่แน่ว่า สิ่งเหล่านั้นอาจกลับมาหลอกหลอนคุณบนพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ ในวันถัดไปก็เป็นได้
หมายเหตุ : ขณะนี้ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นได้ที่ http://www.facebook.com/#!/Astvmanagerweekend