ASTVผู้จัดการรายวัน-โฆษกฯผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้ กระทรวงการต่างประเทศคืนพาสปอร์ตให้ “ทักษิณ” ผิดระเบียบ ทำราชการเสียหาย เผย ใช้ข้อมูลเก่าพิจารณา ชี้เป็นจำเลยในคดีอาญา มีหมายจับแล้ว ศาลสั่งห้ามออกนอกประเทศ แต่กลับอ้างว่าไม่เข้าข่าย ถือว่าทำไม่ถูกต้อง จี้ทบทวนปฏิบัติตามระเบียบ ใน 30 วัน
วานนี้ (13 ก.ย.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่เดินทางมาสอบถามถึงความคืบหน้าผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมถึงระยะเวลาในการติดตามดำเนินการหลังจากที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการพิจารณาคำร้องที่ยื่นขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ พร้อมหน่วยงานราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ในการคืนหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ พบว่า หนังสือที่ทางผู้ตรวจการแผ่นดินตอบกลับ บางส่วนมีการเขียนแบบเกรงใจกฎหมายอยู่บ้าง
โดยขอเสนอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้สั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกเหนือจากเพียงการส่งคำแนะนำไปยังกระทรวงการต่างประเทศว่าขอให้พิจารณาดำเนินการทบทวนการออกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางพ.ศ.2548 และแนวทางวิธีปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศอย่างเคร่งครัด เพราะหากจะรอการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว ก็ต้องถามว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน จะรอจนถึงเมื่อไหร่ เพราะตามรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ระบุระยะเวลาที่ชัดเจน และเรื่องนี้ก็มีความชัดเจนว่ามีส่วนการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
"กรณีนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนเพราะก่อนหน้านี้ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเคยมีการเรียกคืนมาแล้ว แต่มาการเมืองยุคนี้ก็มีการคืนให้ จึงเห็นได้ว่าอำนาจการเมืองมีมากสามารถทำให้ข้าราชการปฏิบัติตามทั้งที่ไม่ถูกต้อง และหากผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตามที่แจ้งไว้ในหนังสือตอบกลับ อาจจะมีการดึงเรื่องให้ จึงหวังว่าการฟ้องกับศาลปกครองจะสามารถดำเนินการกับคนที่กระทำความผิดได้"หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ระบุ
ด้านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ผู้ตรวจฯพยายามที่จะให้ได้ข้อเท็จจริงมากที่สุด มีการพูดคุยและส่งหนังสือตอบกันไปมาหลายครั้งระหว่างผู้ตรวจฯกับกระทรวงการต่างประเทศที่ยืนยันว่า การคืนหนังสือเดินทางให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าข้อมูลที่กระทรวงการต่างประเทศใช้เป็นฐานในการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นข้อมูลเก่า ซึ่งปัจจุบันในส่วนของพ.ต.ท.ทักษิณ มีข้อมูลใหม่แล้ว จึงมีความเห็นให้กระทรวงต่างประเทศทบทวนเรื่องการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงต่างประเทศอย่างเคร่งครัด ส่วนในเรื่องระยะเวลาการให้หน่วยงานปฎิบัตินั้น โดยปกติในเรื่องทั่วไปผู้ตรวจการแผ่นดินจะให้ระยะเวลาหน่วยงานดำเนินการประมาณ 30 วัน หากไม่ดำเนินการกฎหมายได้กำหนดขั้นตอนปฎิบัติไว้เป็นลำดับคือให้รายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี และรัฐสภา ส่วนจะดำเนินการส่งศาลปกครองอย่างที่นายสมศักดิ์ เสนอหรือไม่ ก็ต้องรอผลการดำเนินการในแต่ละชั้นก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าสำหรับหนังสือของผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีถึงนายสมศักดิ์ ที่ได้แจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินมีเนื้อหาว่า จากกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการออกหนังสือเดินทางของบุคคลที่มีสัญชาติไทยที่ใช้ในการเดินทางในต่างประเทศ อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ที่จะเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาออกหนังสือเดินทางแก่ผู้ร้องขอ และพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถที่จะปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอ ยกเลิก และเรียกหนังสือเดินทางได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นบุคคลที่ไม่สามารถออกหนังสือเดินทางได้ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงแนวปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศที่กำหนดให้กรมการกงสุลปฏิเสธรับคำขอหนังสือเดินทางเมื่อพบว่าบุคคลที่ร้องขอเป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีต้องห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
และจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยในคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกหมายจับไว้แล้ว และเป็นบุคคลที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และยังเป็นบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีต้องห้ามเดินทางออกนอกประเทศตามฐานข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นหลักสำคัญของการออกหนังสือเดินทาง แต่กระทรวงการต่างประเทศกลับพิจารณาว่ากรณีดังกล่าวไม่เข้าข่ายที่จะใช้ดุลยพินิจยับยั้งการออกหนังสือเดินทาง และแม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศอ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของรมว.การต่างประเทศก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศก็พบว่า ระเบียบดังกล่าวไม่ได้ให้รมว.การต่างประเทศมีอำนาจในเรื่องนี้ นโยบายของรมว.การต่างประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับประกอบการพิจารณาตัดสินใจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการออกหนังสือเดินทางเท่านั้น แต่การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องยึดระเบียบกระทรวงการต่างประเทศเป็นสำคัญ
ข้อเท็จจริงดังกล่าว พิจารณาแล้วเห็นว่าการที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ยับยั้งคำขอหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ ไว้เสียก่อน เพื่อดำเนินการตรวจสอบประวัติหรือพฤติการณ์ของบุคคลดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำยืนยันสถานะบุคคลและคดี ซึ่งเป็นวิธีที่จะได้มาซึ่งข้อเท็จจริงสำหรับการพิจารณาออกหนังสือเดินทางให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้เพื่อให้การออกหนังสือเดินทางแก่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นไปอย่างถูกระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง และแนวปฏิบัติที่กระทรวงการต่างกำหนดไว้ การไม่พิจารณาตามข้างต้นจึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการได้ ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินจึงอาศัยตามมาตรา 32 ของพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2552 ขอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการทบทวนการออกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางพ.ศ.2548 และแนวปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดต่อไป
**กต. ยังแทงกั๊ก ทบทวน
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบในช่วงบ่ายกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อได้รับแล้วก็จะพิจารณารายละเอียดต่างอย่างรอบคอบก่อนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพิ่งส่งมาถึงสำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศในช่วงเย็นวันนี้โดยเป็นการส่งทางไปรษณีย์ด้วยระบบอีเอ็มเอส
วานนี้ (13 ก.ย.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่เดินทางมาสอบถามถึงความคืบหน้าผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมถึงระยะเวลาในการติดตามดำเนินการหลังจากที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการพิจารณาคำร้องที่ยื่นขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ พร้อมหน่วยงานราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ในการคืนหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ พบว่า หนังสือที่ทางผู้ตรวจการแผ่นดินตอบกลับ บางส่วนมีการเขียนแบบเกรงใจกฎหมายอยู่บ้าง
โดยขอเสนอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้สั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกเหนือจากเพียงการส่งคำแนะนำไปยังกระทรวงการต่างประเทศว่าขอให้พิจารณาดำเนินการทบทวนการออกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางพ.ศ.2548 และแนวทางวิธีปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศอย่างเคร่งครัด เพราะหากจะรอการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว ก็ต้องถามว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน จะรอจนถึงเมื่อไหร่ เพราะตามรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ระบุระยะเวลาที่ชัดเจน และเรื่องนี้ก็มีความชัดเจนว่ามีส่วนการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
"กรณีนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนเพราะก่อนหน้านี้ในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเคยมีการเรียกคืนมาแล้ว แต่มาการเมืองยุคนี้ก็มีการคืนให้ จึงเห็นได้ว่าอำนาจการเมืองมีมากสามารถทำให้ข้าราชการปฏิบัติตามทั้งที่ไม่ถูกต้อง และหากผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตามที่แจ้งไว้ในหนังสือตอบกลับ อาจจะมีการดึงเรื่องให้ จึงหวังว่าการฟ้องกับศาลปกครองจะสามารถดำเนินการกับคนที่กระทำความผิดได้"หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ระบุ
ด้านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ผู้ตรวจฯพยายามที่จะให้ได้ข้อเท็จจริงมากที่สุด มีการพูดคุยและส่งหนังสือตอบกันไปมาหลายครั้งระหว่างผู้ตรวจฯกับกระทรวงการต่างประเทศที่ยืนยันว่า การคืนหนังสือเดินทางให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าข้อมูลที่กระทรวงการต่างประเทศใช้เป็นฐานในการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นข้อมูลเก่า ซึ่งปัจจุบันในส่วนของพ.ต.ท.ทักษิณ มีข้อมูลใหม่แล้ว จึงมีความเห็นให้กระทรวงต่างประเทศทบทวนเรื่องการคืนหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงต่างประเทศอย่างเคร่งครัด ส่วนในเรื่องระยะเวลาการให้หน่วยงานปฎิบัตินั้น โดยปกติในเรื่องทั่วไปผู้ตรวจการแผ่นดินจะให้ระยะเวลาหน่วยงานดำเนินการประมาณ 30 วัน หากไม่ดำเนินการกฎหมายได้กำหนดขั้นตอนปฎิบัติไว้เป็นลำดับคือให้รายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี และรัฐสภา ส่วนจะดำเนินการส่งศาลปกครองอย่างที่นายสมศักดิ์ เสนอหรือไม่ ก็ต้องรอผลการดำเนินการในแต่ละชั้นก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าสำหรับหนังสือของผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีถึงนายสมศักดิ์ ที่ได้แจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินมีเนื้อหาว่า จากกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการออกหนังสือเดินทางของบุคคลที่มีสัญชาติไทยที่ใช้ในการเดินทางในต่างประเทศ อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ที่จะเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาออกหนังสือเดินทางแก่ผู้ร้องขอ และพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถที่จะปฏิเสธหรือยับยั้งคำขอ ยกเลิก และเรียกหนังสือเดินทางได้ หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นบุคคลที่ไม่สามารถออกหนังสือเดินทางได้ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงแนวปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศที่กำหนดให้กรมการกงสุลปฏิเสธรับคำขอหนังสือเดินทางเมื่อพบว่าบุคคลที่ร้องขอเป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีต้องห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
และจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยในคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกหมายจับไว้แล้ว และเป็นบุคคลที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และยังเป็นบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีต้องห้ามเดินทางออกนอกประเทศตามฐานข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นหลักสำคัญของการออกหนังสือเดินทาง แต่กระทรวงการต่างประเทศกลับพิจารณาว่ากรณีดังกล่าวไม่เข้าข่ายที่จะใช้ดุลยพินิจยับยั้งการออกหนังสือเดินทาง และแม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศอ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของรมว.การต่างประเทศก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศก็พบว่า ระเบียบดังกล่าวไม่ได้ให้รมว.การต่างประเทศมีอำนาจในเรื่องนี้ นโยบายของรมว.การต่างประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับประกอบการพิจารณาตัดสินใจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการออกหนังสือเดินทางเท่านั้น แต่การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องยึดระเบียบกระทรวงการต่างประเทศเป็นสำคัญ
ข้อเท็จจริงดังกล่าว พิจารณาแล้วเห็นว่าการที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ยับยั้งคำขอหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ ไว้เสียก่อน เพื่อดำเนินการตรวจสอบประวัติหรือพฤติการณ์ของบุคคลดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำยืนยันสถานะบุคคลและคดี ซึ่งเป็นวิธีที่จะได้มาซึ่งข้อเท็จจริงสำหรับการพิจารณาออกหนังสือเดินทางให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้เพื่อให้การออกหนังสือเดินทางแก่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นไปอย่างถูกระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง และแนวปฏิบัติที่กระทรวงการต่างกำหนดไว้ การไม่พิจารณาตามข้างต้นจึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการได้ ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินจึงอาศัยตามมาตรา 32 ของพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2552 ขอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการทบทวนการออกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางพ.ศ.2548 และแนวปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดต่อไป
**กต. ยังแทงกั๊ก ทบทวน
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบในช่วงบ่ายกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อได้รับแล้วก็จะพิจารณารายละเอียดต่างอย่างรอบคอบก่อนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพิ่งส่งมาถึงสำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศในช่วงเย็นวันนี้โดยเป็นการส่งทางไปรษณีย์ด้วยระบบอีเอ็มเอส