00 ข่าวคราว “พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์” แม่ทัพภาค 4 เข้าเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จว.ชายแดนใต้ เพื่อหาข้อยุติจากเหตุความรุนแรงดูผิวเผินอาจจะทำให้ รัฐบาล และประชาชน พอใจชื้นได้บ้าง แต่ก็ไม่มีใคร “คาดหวัง” กับผลที่จะออกมา เนื่องจากสังคมเคยมีบทเรียนจาก “โจรเก๊หน้าจอ” ที่ “พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร” ซึ่งเคยนำ “แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ” มาร่วมกันเซ็นสัญญาหยุดก่อเหตุ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่ “มวยล้มต้มคนดู”
00 นอกจากนี้ยังมีข่าว “แกนนำ-นักรบ” ในพื้นที่เตรียมเข้ามอบตัวอีก 100 คน แต่ “ผู้บริหารประเทศ” ยังไม่ยืนยันสถานะ “แกนนำ-นักรบ” กลับใจ ได้ว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ ระบุสถานะเพียงว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม “บีอาร์เอ็น” ซึ่งมีชื่อเป็นกลุ่มหลักที่ก่อเหตุในพื้นที่ แต่ระยะหลังภายในกลุ่ม “บีอาร์เอ็น” เอง เริ่มมีการแย่งชิงกันขึ้นเป็น “หัวขบวน” จึงแบ่งแยกกันเป็น “หลายขั้ว” มากขึ้น ถึงขั้นบางคนก็อยู่ใน “ขั้ว” เดียวกัน แต่แยกกันอยู่คนละสาย มองหน้าไม่รู้ว่าในใจเหมือนเก่าหรือไม่
00กลุ่มก่อการหลายคน เริ่มคิดจะเดินทาง “สายพิราบ” เพราะเริ่มมีการตั้งคำถามกันเองว่า ที่ทำๆไปนั้นได้อะไร และตรงกับหลักศาสนาจริงหรือไม่ สมัย “รัฐบาลประชาธิปัตย์” ซึ่งได้รับมีรายงานจาก “หน่วยงานความมั่นคง” ว่ามีความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น จึงพยายามส่งคนเข้าไป “เจรจา” ทำความเข้าใจกับ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” พร้อมสนับสนุนปัจจัยต่างๆ โดยมีการตกลงเงื่อนไขกันลับๆ ให้ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” แฝงตัวอยู่ในเครือข่ายของ “บีอาร์เอ็น” ต่อไป มีภารกิจโน้มน้าว “สมาชิก” ให้เข้ามาร่วมกับ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” ให้มากที่สุด เพื่อเป็นการลดจำนวนพวก “หัวรุนแรง”
00 ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือ เมื่อบรรดา “หัวรุนแรง” ลดจำนวนลงขบวนการ-แผนการ-เป้าหมาย ของกลุ่ม “บีอาร์เอ็น” จะอ่อนตัวลงไปเอง แต่ต้องใช้เวลาเยอะหน่อย ซึ่งมีการประเมินกันในวงลับแล้วว่า ผลที่ออกมาค่อนข้างมีเสียงตอบรับที่ดีพอสมควร กระทั่งเกิดการเปลี่ยนรัฐบาลจาก “ประชาธิปัตย์” มาเป็น “เพื่อไทย” จุดหักเหจึงเกิดขึ้น
00 กลุ่ม “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” เริ่มไม่มั่นใจใน “สถานภาพ” ของตัวเอง ไม่มั่นใจว่ารัฐบาล “เพื่อไทย” จะดำเนินการต่ออย่างที่รัฐบาล “ประชาธิปัตย์” ทำหรือไม่ จึงมีคนในกลุ่มบางส่วนต้องเข้ามาสอบถามรัฐบาล เพราะโดนกดดันหนักจากกลุ่ม “บีอาร์เอ็น” สายอื่น ที่เริ่มรู้ความเคลื่อนไหว สุดท้ายมีรายงานว่าแผนการทั้งหมดต้อง “ล่ม” ไป เพราะรัฐบาลไม่ไว้ใจ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” ทำให้บางส่วนต้องเปลี่ยนสถานะมา “มอบตัว” กับรัฐบาลแทน
00 การ “มอบตัว” ที่น่าจะเป็นเรื่องลับ แต่รัฐบาลกลับทำให้เป็นข่าวปลุกกระแส ทั้ง “ยุทธศักดิ์ ศศิประภา – เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกฯ ต่างเอามาคุยโวโออวด ว่าเป็นผลงานอันเอกอุ ส่งผลกระเทือนต่อ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” ที่ยังฝังตัวอยู่ในพื้นที่ เพราะ “บีอาร์เอ็น” สายอื่น จะรู้ทันทีว่า “ใคร” หายตัวไป แล้ว “ใคร” ที่ยังอยู่มีความสัมพันกับ “คน” ที่หายตัวไปอย่างไร จากนี้ไปหากจะมีข่าว “โจรฆ่าโจร” ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่ “รัฐบาลเพื่อไทย” จะรับผิดชอบอย่างไร ถ้าทุกอย่างต้องพังไปกับมือของตัวเอง เพียงเพื่อต้องการสร้างกระแส-สร้างข่าว ให้ดูดีมีราคาไปวันๆ
00 นอกจากนี้ยังมีข่าว “แกนนำ-นักรบ” ในพื้นที่เตรียมเข้ามอบตัวอีก 100 คน แต่ “ผู้บริหารประเทศ” ยังไม่ยืนยันสถานะ “แกนนำ-นักรบ” กลับใจ ได้ว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ ระบุสถานะเพียงว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม “บีอาร์เอ็น” ซึ่งมีชื่อเป็นกลุ่มหลักที่ก่อเหตุในพื้นที่ แต่ระยะหลังภายในกลุ่ม “บีอาร์เอ็น” เอง เริ่มมีการแย่งชิงกันขึ้นเป็น “หัวขบวน” จึงแบ่งแยกกันเป็น “หลายขั้ว” มากขึ้น ถึงขั้นบางคนก็อยู่ใน “ขั้ว” เดียวกัน แต่แยกกันอยู่คนละสาย มองหน้าไม่รู้ว่าในใจเหมือนเก่าหรือไม่
00กลุ่มก่อการหลายคน เริ่มคิดจะเดินทาง “สายพิราบ” เพราะเริ่มมีการตั้งคำถามกันเองว่า ที่ทำๆไปนั้นได้อะไร และตรงกับหลักศาสนาจริงหรือไม่ สมัย “รัฐบาลประชาธิปัตย์” ซึ่งได้รับมีรายงานจาก “หน่วยงานความมั่นคง” ว่ามีความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น จึงพยายามส่งคนเข้าไป “เจรจา” ทำความเข้าใจกับ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” พร้อมสนับสนุนปัจจัยต่างๆ โดยมีการตกลงเงื่อนไขกันลับๆ ให้ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” แฝงตัวอยู่ในเครือข่ายของ “บีอาร์เอ็น” ต่อไป มีภารกิจโน้มน้าว “สมาชิก” ให้เข้ามาร่วมกับ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” ให้มากที่สุด เพื่อเป็นการลดจำนวนพวก “หัวรุนแรง”
00 ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือ เมื่อบรรดา “หัวรุนแรง” ลดจำนวนลงขบวนการ-แผนการ-เป้าหมาย ของกลุ่ม “บีอาร์เอ็น” จะอ่อนตัวลงไปเอง แต่ต้องใช้เวลาเยอะหน่อย ซึ่งมีการประเมินกันในวงลับแล้วว่า ผลที่ออกมาค่อนข้างมีเสียงตอบรับที่ดีพอสมควร กระทั่งเกิดการเปลี่ยนรัฐบาลจาก “ประชาธิปัตย์” มาเป็น “เพื่อไทย” จุดหักเหจึงเกิดขึ้น
00 กลุ่ม “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” เริ่มไม่มั่นใจใน “สถานภาพ” ของตัวเอง ไม่มั่นใจว่ารัฐบาล “เพื่อไทย” จะดำเนินการต่ออย่างที่รัฐบาล “ประชาธิปัตย์” ทำหรือไม่ จึงมีคนในกลุ่มบางส่วนต้องเข้ามาสอบถามรัฐบาล เพราะโดนกดดันหนักจากกลุ่ม “บีอาร์เอ็น” สายอื่น ที่เริ่มรู้ความเคลื่อนไหว สุดท้ายมีรายงานว่าแผนการทั้งหมดต้อง “ล่ม” ไป เพราะรัฐบาลไม่ไว้ใจ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” ทำให้บางส่วนต้องเปลี่ยนสถานะมา “มอบตัว” กับรัฐบาลแทน
00 การ “มอบตัว” ที่น่าจะเป็นเรื่องลับ แต่รัฐบาลกลับทำให้เป็นข่าวปลุกกระแส ทั้ง “ยุทธศักดิ์ ศศิประภา – เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกฯ ต่างเอามาคุยโวโออวด ว่าเป็นผลงานอันเอกอุ ส่งผลกระเทือนต่อ “บีอาร์เอ็นสายพิราบ” ที่ยังฝังตัวอยู่ในพื้นที่ เพราะ “บีอาร์เอ็น” สายอื่น จะรู้ทันทีว่า “ใคร” หายตัวไป แล้ว “ใคร” ที่ยังอยู่มีความสัมพันกับ “คน” ที่หายตัวไปอย่างไร จากนี้ไปหากจะมีข่าว “โจรฆ่าโจร” ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่ “รัฐบาลเพื่อไทย” จะรับผิดชอบอย่างไร ถ้าทุกอย่างต้องพังไปกับมือของตัวเอง เพียงเพื่อต้องการสร้างกระแส-สร้างข่าว ให้ดูดีมีราคาไปวันๆ