ASTVผู้จัดการรายวัน - ซี.พี.จี้รัฐเร่งปรับวิสัยทัศน์การพัฒนาภาคเกษตรใหม่หันมาใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตควบคู่ดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาการเป็นครัวของโลก ฟุ้งโครงการไก่ไข่ 3ล้านตัวที่ผิงกู่ภายใต้นโยบาย 4ประสานได้รับความสนใจรัฐบาลท้องถิ่นมฑณฑลอื่นๆของจีน จีบซี.พี.เข้าร่วม รวมทั้งประเทศในตะวันออกกลาง แย้มมีโปรเจ็กต์การเกษตรในจีนกว่า 10 โครงการพร้อมลุย มูลค่ารวม 3 หมื่นล้านหยวน
นายสารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) เปิดเผยว่า ทิศทางการพัฒนาการเกษตรของโลกกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกจะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ในการพัฒนาภาคเกษตร โดยคำนึงถึงการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ข้อจำกัดและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยเองก็มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นครัวของโลก จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ในการพัฒนาภาคเกษตรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตควบคู่ดูแลสิ่งแวดล้อม วางแผนผลิตสินค้าเกษตร และจัดการพื้นที่เพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาภาคเกษตรให้ทันสมัย มิฉะนั้นในอนาคตประเทศไทยอาจไม่ได้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลกอีกต่อไป
สิ่งท้าทายสำคัญของภาคการเกษตร คือ การเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ในสิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มผลผลิตควบคู่กับการประหยัดการใช้ทรัพยากร และแรงงานคนน้อยลง หรือกล่าวได้ว่าเกษตรในอนาคตต้องมีนวัตกรรม ใช้เทคโนโลยี ทุน การตลาด และบริหารจัดการที่ทันสมัย ที่สำคัญภาครัฐ เอกชนองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรจำเป็นต้องรวมมือกันบูรณาการเกษตรใหม่
ล่าสุดบริษัทฯได้เข้าไปดำเนินโครงการไก่ไข่ 3 ล้านตัวที่เขตผิงกู่ นครปักกิ่ง มูลค่าการลงทุน 720 ล้านหยวนหรือ 3.6 พันล้านบาท เป็นโครงการเกษตรกรรมทันสมัยแห่งแรกของซี.พี.ที่ดำเนินการร่วมกับรัฐบาลจีน โดยใช้โมเดล 4 ประสาน ระหว่างรัฐบาล เกษตรกร บริษัทเอกชนและธนาคาร โดยมีเกษตรกรได้รับประโยชน์โครงการนี้ 1,900 ครอบครัว รูปแบบการทำธุรกิจนั้น ทางซี.พี.จะเข้าไปดูแลรับผิดชอบการออกแบบโครงการ ควบคุมการผลิตและทำการตลาดภายใต้แบรนด์CP เพื่อให้แบงก์กล้าปล่อยกู้สินเชื่อ โดยซี.พี.เช่าที่ดินเกษตรกร และจ่ายค่าเช่าที่ปีละ 63 ล้านหยวนเพื่อคืนหนี้ให้กับแบงก์ โดยเกษตรกรยังมีเงินเหลือบางส่วน เมื่อครบ 8 ปีโรงงานในโครงการนี้จะเป็นของเกษตรกร โดยบริษัทฯได้สิทธิ์รับจ้างบริหารโรงงานต่อเป็นรายแรก
โครงการไก่ไข่ 3 ล้านตัวที่ผิงกู่นี้ถือเป็นโครงการไก่ไข่ครบวงจรที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้จะเริ่มมีไข่ไก่ออกสู่ท้องตลาด และภายใน 2ปีนี้จะผลิตไข่ไก่ได้ 2 ล้านฟอง/วัน ต้นทุนราคาไข่ไก่แข่งขันในท้องตลาดได้ บริษัทฯประเมินว่าโครงการนี้สร้างรายได้จากการขายไข่ไก่ปีละ 700 ล้านหยวน ขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 500-600 ล้านหยวนและยังช่วยทำแบรนด์ Food Saftyให้CP ทำให้ตั้งราคาขายสินค้าได้สูงกว่าท้องตลาด ล่าสุดมีรัฐบาลท้องถิ่นหลายมณฑลชักชวนให้ซี.พี.เข้าไปลงทุนโครงการรูปแบบนี้ด้วย รวมทั้งประเทศในแถบตะวันออกกลาง
นายสารสิน กล่าวต่อไปว่า ซี.พี.ยังมีโครงการเกษตรปศุสัตว์ที่ใช้นวัตกรรมอีกกว่า 10 โครงการในจีนที่พร้อมจะลงทุน มูลค่าโครงการรวม 3 หมื่นกว่าล้านหยวน โดยจะค่อยทยอยลงทุน เนื่องจากขาดแคลนบุคลากรที่เหมาะสม ซึ่งรูปแบบโครงการไก่ไข่ 3ล้านตัวที่ผิงกู่นี้ถ้ารัฐบาลจีนนำไปต่อยอดในต่างประเทศ เชื่อว่าจีนจะกลายเป็นผู้นำการเกษตรโลกภายใน 10ปีข้างหน้า สำหรับการนำโมเดลการพัฒนาดังกล่าวมาใช้กับไทยนั้นจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่ผ่านมาภาครัฐไม่เคยสนับสนุนด้านการเงินให้กับภาคเอกชน ทำให้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยกู้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องลงทุนสูง
นายสารสิน กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนในบราซิลว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทรัฐวิสาหกิจของจีนที่จะเข้าไปลงทุนทำการเพาะปลูกข้าวโพดเพื่อผลิตเอทานอลที่บราซิล เนื่องจากบราซิลเป็นประเทศที่น่าสนใจ
นายสารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) เปิดเผยว่า ทิศทางการพัฒนาการเกษตรของโลกกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกจะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ในการพัฒนาภาคเกษตร โดยคำนึงถึงการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ข้อจำกัดและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยเองก็มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นครัวของโลก จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ในการพัฒนาภาคเกษตรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตควบคู่ดูแลสิ่งแวดล้อม วางแผนผลิตสินค้าเกษตร และจัดการพื้นที่เพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาภาคเกษตรให้ทันสมัย มิฉะนั้นในอนาคตประเทศไทยอาจไม่ได้เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลกอีกต่อไป
สิ่งท้าทายสำคัญของภาคการเกษตร คือ การเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ในสิ่งแวดล้อมที่ควบคุมได้โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อเพิ่มผลผลิตควบคู่กับการประหยัดการใช้ทรัพยากร และแรงงานคนน้อยลง หรือกล่าวได้ว่าเกษตรในอนาคตต้องมีนวัตกรรม ใช้เทคโนโลยี ทุน การตลาด และบริหารจัดการที่ทันสมัย ที่สำคัญภาครัฐ เอกชนองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรจำเป็นต้องรวมมือกันบูรณาการเกษตรใหม่
ล่าสุดบริษัทฯได้เข้าไปดำเนินโครงการไก่ไข่ 3 ล้านตัวที่เขตผิงกู่ นครปักกิ่ง มูลค่าการลงทุน 720 ล้านหยวนหรือ 3.6 พันล้านบาท เป็นโครงการเกษตรกรรมทันสมัยแห่งแรกของซี.พี.ที่ดำเนินการร่วมกับรัฐบาลจีน โดยใช้โมเดล 4 ประสาน ระหว่างรัฐบาล เกษตรกร บริษัทเอกชนและธนาคาร โดยมีเกษตรกรได้รับประโยชน์โครงการนี้ 1,900 ครอบครัว รูปแบบการทำธุรกิจนั้น ทางซี.พี.จะเข้าไปดูแลรับผิดชอบการออกแบบโครงการ ควบคุมการผลิตและทำการตลาดภายใต้แบรนด์CP เพื่อให้แบงก์กล้าปล่อยกู้สินเชื่อ โดยซี.พี.เช่าที่ดินเกษตรกร และจ่ายค่าเช่าที่ปีละ 63 ล้านหยวนเพื่อคืนหนี้ให้กับแบงก์ โดยเกษตรกรยังมีเงินเหลือบางส่วน เมื่อครบ 8 ปีโรงงานในโครงการนี้จะเป็นของเกษตรกร โดยบริษัทฯได้สิทธิ์รับจ้างบริหารโรงงานต่อเป็นรายแรก
โครงการไก่ไข่ 3 ล้านตัวที่ผิงกู่นี้ถือเป็นโครงการไก่ไข่ครบวงจรที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้จะเริ่มมีไข่ไก่ออกสู่ท้องตลาด และภายใน 2ปีนี้จะผลิตไข่ไก่ได้ 2 ล้านฟอง/วัน ต้นทุนราคาไข่ไก่แข่งขันในท้องตลาดได้ บริษัทฯประเมินว่าโครงการนี้สร้างรายได้จากการขายไข่ไก่ปีละ 700 ล้านหยวน ขณะที่ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 500-600 ล้านหยวนและยังช่วยทำแบรนด์ Food Saftyให้CP ทำให้ตั้งราคาขายสินค้าได้สูงกว่าท้องตลาด ล่าสุดมีรัฐบาลท้องถิ่นหลายมณฑลชักชวนให้ซี.พี.เข้าไปลงทุนโครงการรูปแบบนี้ด้วย รวมทั้งประเทศในแถบตะวันออกกลาง
นายสารสิน กล่าวต่อไปว่า ซี.พี.ยังมีโครงการเกษตรปศุสัตว์ที่ใช้นวัตกรรมอีกกว่า 10 โครงการในจีนที่พร้อมจะลงทุน มูลค่าโครงการรวม 3 หมื่นกว่าล้านหยวน โดยจะค่อยทยอยลงทุน เนื่องจากขาดแคลนบุคลากรที่เหมาะสม ซึ่งรูปแบบโครงการไก่ไข่ 3ล้านตัวที่ผิงกู่นี้ถ้ารัฐบาลจีนนำไปต่อยอดในต่างประเทศ เชื่อว่าจีนจะกลายเป็นผู้นำการเกษตรโลกภายใน 10ปีข้างหน้า สำหรับการนำโมเดลการพัฒนาดังกล่าวมาใช้กับไทยนั้นจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่ผ่านมาภาครัฐไม่เคยสนับสนุนด้านการเงินให้กับภาคเอกชน ทำให้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยกู้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องลงทุนสูง
นายสารสิน กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนในบราซิลว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทรัฐวิสาหกิจของจีนที่จะเข้าไปลงทุนทำการเพาะปลูกข้าวโพดเพื่อผลิตเอทานอลที่บราซิล เนื่องจากบราซิลเป็นประเทศที่น่าสนใจ
