“บีโอไอ” อัดสิทธิประโยชน์ใหม่ 6 นิคมอุตฯ ปทุมธานี-อยุธยา หวังปลอบขวัญ นลท. ไม่ย้ายหนี พร้อมลงทุนเพิ่ม
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการด้านภาษีสำหรับโครงการลงทุนใหม่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ และผู้ประกอบการรายเดิมยังคงลงทุน หรือขยายการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมในจังหวัดปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา โดยมาตรการดังกล่าวจะเป็นมาตรการระยะสั้น ผู้ประกอบการต้องยื่นรองรับส่งเสริมการลงทุนภายในวันที่ 31 ธ.ค.2555 เท่านั้น
ทั้งนี้ โครงการลงทุนใหม่ หรือโครงการขยายการลงทุนในนิคมฯในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งอยู่ในเขต 1 จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี จากเดิมที่ยกเว้น 3 ปี โดยจำกัดมูลค่าภาษีที่ได้รับยกเว้น 150% ของมูลค่าเงินลงทุน จากเดิมที่ได้รับการยกเว้น 100% ของมูลค่าเงินลงทุน
ขณะที่โครงการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในเขต 2 จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี จากเดิม 7 ปี โดยจำกัดมูลค่าเงินลงทุนที่ได้รับยกเว้น 150% ของมูลค่าเงินลงทุน และได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 3 ปี ภายหลังจากได้รับการยกเว้นภาษีครบ 8 ปี
นอกจากนี้ โครงการลงทุนใหม่ และโครงการขยายการลงทุนจะได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรทั้งเครื่องจักรใหม่และเครื่องจักรที่ใช้แล้วจากต่างประเทศอายุไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่ปีที่ผลิตถึงปีที่นำเข้า
“นโยบายใหม่ที่ให้ จะให้เฉพาะโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตนิคมฯและเขตประกอบการอุตสาหกรรม จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ นิคมฯสหรัตนนคร นิคมฯไฮเทค นิคมฯบางปะอิน เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ เขตฯนวนคร สวนอุตสาหกรรมบางกะดี เท่านั้น เพราะเป็นเขตที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน และอยู่ในเขตแนวคันกั้นน้ำของรัฐบาล เมื่อผู้ประกอบการตั้งโรงงานในนิคมฯ จะมีการควบคุมดูแลกระบวนการจัดการสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามกฎหมายด้วย”
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการจำนวน 11 โครงการ มูลค่า 8.38 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา มูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาท โดยสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ใหม่ได้ทันที
