xs
xsm
sm
md
lg

ทรงห่วงน้ำจะท่วมมาก สุโขทัยเอาไม่อยู่ จวกทุ่มแสนล.แก้ไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ในหลวง"ทรงพระวรกายดีขึ้นตามลำดับ พร้อมทรงห่วงปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมประเทศไทยปีนี้ ขณะที่บิ๊กแบ็กเอาไม่อยู่! น้ำทะลักใต้กำแพงกั้นน้ำยมเข้าท่วมตัวเมืองสุโขทัยไม่หยุด ทำให้เขตเศรษฐกิจยังจมใต้บาดาลอยู่ “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” สั่งใช้เกเบรียล 2 พันชุดจากลำปางสกัดน้ำแทนบิ๊กแบ็ก ปชป.อัดรัฐบาลใช้งบกว่าแสนล้านยังแก้น้ำท่วมไม่ได้ ด้าน "นายกฯปู" สั่งทุกหน่วยงานช่วยเหลือประชาชน "อยุธยา" อ่วมชาวบ้านสวดยับรัฐเตือนช้า

วานนี้ ( 11 ก.ย.55) เวลา 15.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในฐานะองค์ประธานจัดงานหารายได้วันมหิดล เสด็จไปทรงบันทึกแถบวีดิทัศน์ในรายการพิเศษเนื่องในวันมหิดล ณ ห้องทรงานส่วนพระองค์ อาคารศรีสวรินทิรา โรงพยาบาลศิริราช การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นายวุฒิธร มิลินทจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์ โดยทรงมีเนื้อหาบางตอนดังนี้

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ รับสั่งถึงพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่ออีกว่า พระอาการล่าสุดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ขณะนี้ทรงมีพระอาการดีขึ้น แต่ยังทรงพระดำเนินลำบาก ใช้แขนขาลำบาก เพราะพระเจ้าอยู่หัวมีหลายพระโครที่ต้องถวายการดูแล ตอนนี้ทางคณะแพทย์กำลังถวายการดูแลเรื่องการใช้แขนขาและเรื่องพระสมองด้วย และมีหลายเรื่องที่ต้องคอยถวายการดูแล เพราะเป็นพระอาการเกี่ยวกับน้ำในโพรงใต้พระสมอง ทางคณะแพทย์ต้องคอยถวายพระโอสถเพื่อไม่ให้เลือดออกที่ใต้โพรงสมองอีก ซึ่งคณะนี้ไม่มีพระอาการเลือดออกในพระสมองแล้ว

“ ทุกวันนี้สมเด็จพระบรมโอราสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี รวมทั้งตัวข้าพเจ้าเองถ้าว่าจากการปฎิบัติพระกรณียกิจก็จะมาเข้าเฝ้าฯพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำเพื่อถวายพระกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งคณะแพทย์ที่ถวายการรักษาก็จะเข้ามาเข้าเฝ้าฯและถวายกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดเวลา”

รวมไปถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถที่ตอนนี้พระอาการประชวรดีขึ้นมากแล้ว ก็จะทรงพระดำเนินไปถวายการเยี่ยมพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกือบทุกวัน

นอกจากนี้ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯยังแผยรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า พระองค์ทรงเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วมมากที่สุด ก่อนหน้านี้ที่ท่านจะทรงพระประชวรได้เสด็จฯไปทรงเปิดเขื่อนทั้ง 5 แห่งที่กรมชลประทาน และทรงมีประราชประสงค์ที่จะเสด็จฯไปทรงเยี่ยมพสกนิกรที่ จ.ราชบุรี ด้วยแต่ทรงพระประชวรเสียก่อนจึงไม่ได้เสด็จฯไป

“พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งถามถึงสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ตลอดเวลาว่าปีนี้น้ำจะท่วมมากกว่าปีที่แล้วหรือไม่”

พร้อมกันนี้ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ยังได้พระราชทานกำลังใจให้กับคนไทยทุกคนว่า ขอให้ใช้การดำเนินชีวิตอยู่ในปัจจุบันให้ดีที่ที่สุด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่ากังวลกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว และแก้ไขไม่ได้ อย่าคาดหวังกับอนาคตที่มาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วชีวิตเราจะดีเอง สำหรับแพทย์พยาบาล ปัจจุบันให้ดีที่สุด คือ การดูแลผู้ป่วยให้ดีที่สุด

"สำหรับคนทั่วไป ก็สามารถทำปัจจุบันให้ดีที่สุด โดยการสร้างบุญ สร้างกุศล เช่น รายการมหิดล เป็นรายการที่หาทุน ให้โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุด และเป็นโรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วย ผู้ยากไร้มากมาย ซึ่งในช่วงเช้า 6 -7 โมง จะมีคนไข้มานอนรอหมอเยอะมาก มาจากต่างจังหวัด หวังจะพึ่งหมอที่ศิริราช คนไข้เหล่านี้ล้วนเป็นคนไข้ที่ไม่มีเงิน ซึ่งทางโรงพยาบาลต้องรับดูแล โดยรับภาระค่าใช้จ่ายของคนไข้ตรงนี้ จึงอยากเชิญชวนผู้มีอันจะกิน และอยากทำกุศล อยากให้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลศิริราช เพื่อดูแลผู้ป่วยผู้ยากไร้ คนมีมากก็บริจาคมาก คนมีน้อย ถ้าอยากบริจาคน้อยก็ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวเสียหน้า เพราะว่าบุญที่ได้อยู่ที่เจตนาของเรา สมมุติเรามีเงินอยู่แค่ สิบบาท เราอยากทำบุญ จึงแบ่งเงินมาทำบุญห้าบาท ซึ่งบุญที่ได้จะสนองเยอะ เราจะได้บุญเต็มร้อยแน่ๆ เพราะฉะนั้นขอเชิญชวนทุกท่านทำบุญ เพื่อช่วยเหลือคนไข้ที่ยากไร้ และตัวท่านเองจะได้รับอานิสงส์ในรูปแบบที่มีอายุยืน มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีความสุข ความเจริญกันถ้วนหน้า ถ้าทุกคนช่วยกันบริจาค

**เขตศก.สุโขทัยยังจมกว่า1ม.

รายงานข่าวแจ้งถึงสถานการณ์น้ำท่วมในตัวเมืองสุโขทัย ที่น้ำยมทะลักเข้ารอยรั่วใต้กำแพงริมน้ำตั้งแต่คืนวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จนถึงเช้าวานนี้ (11 ก.ย.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถอุดรอยรั่วดังกล่าวได้ แม้จะพยายามนำบิ๊กแบ็กไปอุดตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.แต่เมื่อทำงานไปได้ประมาณ 50% จนถึง 04.00 น.วันนี้ก็ต้องหยุดลงชั่วคราว เนื่องจากบิ๊กแบ็กน้ำหนักถุงละ 1.5 ตันถูกกระแสน้ำพัดออกไปตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถอุดรอยรั่วดังกล่าวได้จนถึงขณะนี้

นายพิสิฐ หาญธนพงษ์ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางจังหวัดได้ตั้งศูนย์บัญชาการที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และตอนนี้น้ำยังคงทะลักเข้าท่วมพื้นที่เขตเศรษฐกิจของสุโขทัยในระดับ 0.50-1 เมตรเศษ โดยระดับน้ำยังไม่ลดลงเนื่องจากยังไม่สามารถอุดรอยรั่วใต้กำแพงกั้นน้ำยมที่รั่วได้ ซึ่งทำให้ตลาดและย่านเศรษฐกิจที่สำคัญรวมถึงศาลากลางจังหวัดฯ อบจ. เทศบาลฯ ฯลฯ ยังคงถูกน้ำท่วมต่อ

นายพิเชษฐ์ ไทยกล้า นายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี เผยว่า พื้นที่บริเวณฟุตบาทที่อยู่ใต้พนังกั้นน้ำถูกกัดเซาะจนเกิดโพรงขึ้น ทำให้น้ำค่อยๆ ซึมและดันตัวมาจากด้านล่างส่งผลให้พนังกั้นน้ำแตกจนน้ำไหลทะลักเข้ามายังพื้นที่ตลาดริมน้ำและบ้านเรือน ซึ่งทางเทศบาลได้นำบิ๊กแบ๊กบรรจุหินวางบริเวณที่มีรอยรั่วแต่เกิดปัญหากระแสน้ำเชี่ยวกรากเพราะมีแรงดันมาก ทำให้เมื่อวางบิ๊กแบ๊กไปแล้วกลับถูกน้ำพัดไปจนไม่สามารถวางเป็นแนวบล็อกน้ำไว้ได้

**ปรับแผนซ่อมรอยรั่วใต้พนังกั้นน้ำ

นายนพพร ภู่เจริญ รองนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี กล่าวว่า การวางบิ๊กแบ็กสกัดน้ำยม ทำไปได้เพียง 50% ก็ต้องหยุด เพราะกระแสน้ำแรงมากพัดบิ๊กแบ็กปลิวตลอดเวลา รวมทั้งรถบรรทุก 6 ล้อของเทศบาลที่ขนบิ๊กแบ็กเข้าไปก็ถูกน้ำท่วมพังไปแล้ว 3 คัน จึงต้องวางแผนหาวิธีการป้องกันใหม่

นายปรีชา พดด้วง ปภ.สุโขทัย เปิดเผยว่า ตอนนี้ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวมาก วันนี้จึงมีการปรับแผนกันใหม่ ซึ่งหากสามารถอุดรอยรั่วของพนังกั้นน้ำได้ก็จะไม่มีน้ำทะลักเข้ามายังเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานีเพิ่มและจะทำให้ระดับน้ำทรงตัวอีก 1-2 วันแล้วจะเริ่มลดระดับ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้น้ำจาก อ.วังชิ้น จ.แพร่ จะเข้ามาเสริมน้ำยมในเขต จ.สุโขทัยอีก แต่เชื่อว่าจะไม่ล้นตลิ่ง แต่สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้ คือ รอยรั่วจะซ่อมได้แล้วเสร็จก่อนน้ำใหม่จะเข้ามาหรือไม่ ซึ่งหากซ่อมได้ทันคาดว่าระดับน้ำจะลดลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ภาวะปกติ"

สำหรับผลกระทบล่าสุดพบมีประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี เดือดร้อนแล้วกว่า 4,000 ครอบครัว หรือกว่า 12,000 คน (จากทั้งจังหวัด 6,288 ครอบครัว 12,618 คน) และได้มีการเตรียมศูนย์อพยพผู้ประสบภัยไว้ที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุโขทัย ส่วนความเสียหายทั้งหมดคาดเป็นเงินถึง 1,000 ล้านบาท

**"ปรีชา"สั่งใช้เกเบรียลแทนบิ๊กแบ็ก

ขณะที่นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่ จ.สุโขทัย โดยเดินทางไปตรวจสอบรอยรั่วตรงบริเวณพนังกั้นแม่น้ำยม ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้บิ๊กแบ็กอุดแล้วแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ซึ่งนายปรีชา ได้สั่งการให้ปรับแผนการกู้วิกฤตน้ำท่วมเมืองสุโขทัยครั้งนี้ โดยให้ใช้เกเบรียล หรือกล่องหินแทนบิ๊กแบ็ก ซึ่งมีขนาดความยาว 2 เมตร สูง 50 ซม.จำนวน 2,000 ชุด ที่สั่งมาจาก จ.ลำปาง และจะมาถึงสุโขทัยช่วงเย็นวันนี้ เพื่อนำไปวางปิดล้อมบริเวณจุดที่น้ำทะลัก แต่ให้ห่างออกมาจากจุดที่วางบิ๊กแบ็ก เพื่อลดแรงต้านของกระแสน้ำยม

ส่วนที่ศาลาการเปรียญวัดราชธานี ทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมป์ ได้นำถุงยังชีพพระราชทานมามอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ขณะที่ทางมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ก็ได้มีการประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนแล้วเช่นกัน

**"มาร์ค"อัดใช้งบกว่าแสนล.ยังแก้ไม่ได้

เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ได้เดินทางมามอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บริเวณศาลาชุมชนราชธานี อ.เมืองสุโขทัย ก่อนนั่งเรือไปเยี่ยมชาวตลาดเทศบาลฯและตรวจดูความเสียหายบริเวณจุดที่น้ำยมทะลักเข้ามาท่วมตัวเมืองครั้งนี้

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า น้ำท่วมในหลายพื้นที่แต่สถานการณ์ที่ จ.สุโขทัยหนักกว่าที่อื่น เพราะน้ำทะลักเข้ามาในระดับค่อนข้างสูง ซึ่งตนเป็นห่วงเพราะไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดเหตุอย่างนี้ แต่หลายพื้นที่น้ำท่วม จึงอยากเร่งรัดให้รัฐบาลดูแลช่วยเหลือประชาชนและเร่งประเมินว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการจัดระบบในเรื่องการเตือนภัย และอพยพ เพราะเป็นสิ่งที่เกิดปัญหาในปีที่แล้ว ควรจะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในปีนี้ โดยเห็นว่ารัฐบาลต้องไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากเคยมีบทเรียนจากปีที่แล้ว แม้ในขณะนี้ยังไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์จะย้อนรอยเหมือนปีที่แล้วทั้งหมด แต่รัฐบาลใช้เงินไปกว่า 1 แสนล้านในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยบอกว่าจะปรับปรุงทุกอย่างอย่างเป็นระบบ เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดเหตุก็ต้องไปดูและแก้ไขไม่ใช่แก้ตัว

" ต้องถามรัฐบาลว่า 1.2 แสนล้านกับอีกเป็นหมื่นล้านในงบกลาง ได้นำไปใช้ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมหรือไม่ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้เห็นว่าพื้นที่ไหนยังมีปัญหา โดยต้องตรวจสอบว่างบประมาณที่ลงไปนำไปทำอะไรและทำไมจึงยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ในขณะที่ กบอ.ต้องใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ เพื่อประเมินว่าสอดคล้องกับการประเมินหลังน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้วและจะป้องกันอย่างไร"

**กรุงเก่าอ่วม-ชาวบ้านขนของหนีวุ่น

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มขึ้นและเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมหลายพื้นที่ในเขต อ.บางบาล 8 ตำบล ที่ อ.เสนา 4 ตำบล และที่ อ.ผักไห่ 5 ตำบล บ้านเรือนส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบเป็นบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำน้อย และแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนใหญ่มีการยกพื้นบ้านสูงขึ้นแล้ว แต่ไม่ทันได้เก็บข้าวของที่อยู่ข้างล่าง และระดับน้ำที่สูงขึ้นได้ท่วมถนนสัญจรไปมาในหมู่บ้าน มีระดับน้ำสูงกว่าผิวถนนประมาณ 40-60 ซ.ม. ชาวบ้านต้องเดินลุยน้ำ ส่วนในพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำที่สูงขึ้นได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนและบริเวณพื้นที่ ต.บ้านใหม่ และ ต.ภูเขาทอง ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำ โดยมีระดับน้ำเหนือผิวถนนในหมู่บ้าน 50-70 ซ.ม.

นายสมหมาย แสงเดือน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ไทรน้อย อ.บางบาล เปิดเผยว่า น้ำเหนือที่ไหลหลากลงมาสมทบกับฝนที่ตกตลอดวัน ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พืชไร่สวนครัว ได้รับความเสียหายอย่างมาก ประกอบกับเขื่อนเจ้าพระยาต้อง และเขื่อนพระราม ได้มีการเร่งระบายน้ำจึงทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน

"ทางราชการมีคำเตือนล่าช้าพอเตือนเสร็จน้ำถึง หมายความว่าการปล่อยระบายน้ำมาล่วงหน้าแล้ว 2 วัน ชาวบ้านจึงขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูงไม่ทัน"

**ประกาศ6อำเภอพื้นที่ภัยพิบัติ

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการส่วนหน้าพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ฯว่า ขณะนี้ได้ประกาศให้พื้นที่ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ผักไห่ บางบาล เสนา บางปะอิน บางไทร และ อ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ล่าสุดมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำล้นตลิ่งเข้าไปในพื้นที่ถึง 5,000 หลังคาเรือน โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนำเงินทดรองจ่ายไปใช้ในการป้องกันและช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนได้ พร้อมสั่งการให้คณะกรรมการใน 4 ลุ่มน้ำ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำและหาพื้นที่รองรับน้ำเข้าทุ่งโดยด่วน

**"ปู"สั่งทุกหน่วยลงพื้นที่ช่วย ปชช.

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ว่า เป็นห่วงในพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนที่ค่อนข้างมาก ในลักษณะของปริมาณที่มาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะส่วนของพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เราก็พยายามที่จะดูแลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ จ.สุโขทัย ได้ให้ทางพื้นที่และทางฝ่ายกองทัพเข้ามาช่วยเร่งรัดในการซ่อมแซม นอกจากนี้ ยังได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์ส่วนหน้าให้ได้เข้าพื้นที่โดยเร็ว พื้นที่ไหนที่เรามองว่าเป็นพื้นที่เตือนภัยเป็นพื้นที่เสี่ยงก็จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดก่อน ซึ่งในบางพื้นที่ที่เรามีการเตือนภัยและประชาชนเองก็ยังอยากจะอยู่ที่บ้านตัวเอง ก็ต้องพยายามที่จะอำนวยความสะดวกในการขนย้ายให้เร็วที่สุดเพราะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยตรงนี้เป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของ จ.สุโขทัยนั้น จะใช้เวลาในการซ่อมแซมคันดินที่พังอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า มีการรายงานมาว่าจะไม่เกิน 10 วัน ซึ่งในส่วนของคันดินก็เป็นในเรื่องของน้ำที่ลอดท่วมในส่วนของเทศบาล ซึ่งก็จะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเร็วที่สุด

"ส่วนความเสียหายจะบานปลายไปสู่จุดอื่นหรือไม่นั้นวันนี้ ให้ดูในเรื่องของการประมาณการด้วยถ้าเกิดซ่อมแซมแล้วล่าช้าจะทำอย่างไรต่อไป และในจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียงก็ได้สั่งให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ร่วมประชุมกับทางผู้ว่าฯ เพื่อดูความคืบหน้าทั้งหมด และดูปริมาณน้ำว่าถ้าหากไม่เป็นไปตามเป้าหมายแล้วน้ำจะไปไว้ยังกลุ่มใดบ้างลงไปจังหวัดอื่นอย่างไร ก็คงจะเร่งในการที่จะเข้าไปดูแลในพื้นที่ก่อน"

ล่าสุดแหล่งข่าวใกล้ชิดนายกฯระบุว่า ในวันที่ 13ก.ย. นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุโขทัย และเช้าของวันที่14 ก.ย.จะลงพื้นที่ จ.พิจิตร และ จ.กำแพงเพชร เพื่อตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะพื้นที่บางระกำ พร้อมกับจะเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดมาเตรียมแผน พร้อมมอบนโยบายรับมือสถานการณ์น้ำ เนื่องจากนายกฯ ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาเหมือนที่ จ.สุโขทัย อาทิ คันกั้นน้ำพัง

หลังจากนั้นในช่วงบ่าย นายกฯจะเดินทางด้วยเครื่องบินไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรับฟังบรรยายสรุปความเสียหายจากไฟป่าและปัญหาภัยแล้ง ในพื้นที่ป่าพรุและแนวทางในการแก้ไขปัญหา พร้อมรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริลุ่มน้ำปากพนัง และตรวจเยี่ยมแผนการป้องกัน การกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งตามแนวพระราชดำริ จากนั้นในช่วงเย็นจะเดินทางไปพักค้างคืนที่จ.กระบี่ เพื่อปฏิบัติภารกิจในวันที่15ก.ย. โดยจะเข้าพบผู้นำศาสนาอิสลาม ณ มัสยิดกลาง จ.กระบี่ และตรวจเยี่ยมพิธีการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉินและอุบัติภัยทางธรรมชาติ เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดี และการท่องเที่ยวโรงพยาบาลกระบี่ นอกจากนี้จะมีการประชุมหารือร่วมกับผู้ว่าราชกหารจังหวัด 5 จังหวัดในกลุ่มอันดามัน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติด้านอันดามัน และร่วมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อนโยบายการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามัน

**กบอ.อ้างน้ำท่วมสุโขทัยคันกั้นน้ำเก่าพัง

นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ภาพรวมของภูมิอากาศและสถานการณ์น้ำประจำสัปดาห์ของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.เป็นต้นไป ร่องความกดอากาศต่ำจะมีกำลังแรงขึ้นและเลื่อนมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นด้วย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยกลับมามีฝนเพิ่มมากอีกครั้ง โดยมรสุมดังกล่าวเป็นตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดฝนตกในช่วง 3 - 4 วันที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้อ่อนตัวลงและกลับมามีกำลังแรงขึ้นอีกครั้ง เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงมากกว่า 3-4 วันที่ผ่านมา

ส่วนเหตุน้ำท่วมที่เกิดใน จ.สุโขทัยนั้น เป็นเพราะพนังกั้นน้ำที่สร้างตั้งแต่ปี 2544 โดยสร้างแบบไม่เสาเข็ม และมีสภาพชำรุดทำให้รับปริมาณน้ำไม่ไหว จนเกิดท่วมในเขตเศรษฐกิจของ จ.สุโขทัย ขณะที่ในจุดอื่นๆ คาดว่าจะไม่มีปัญหาและไม่มีน้ำท่วมหนักเช่นกับปีที่แล้ว

**ผบ.ทบ.ส่งพลเฝ้าระวังรับมือน้ำท่วม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้หน่วยงานของกองทัพบกเข้าไปดูแล เฝ้าระวัง และตั้งกองอำนวยการติดตามสถานการณ์น้ำตลอด ตั้งแต่ห้วงที่มีการปล่อยน้ำลงมาแล้ว เพื่อจะดูว่าตรงไหนมีปัญหาบ้างจะได้นำไปแก้ไขปัญหาในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น