ASTVผู้จัดการรายวัน - ส.การตลาดฯ มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้จีดีพีโต 5% แม้ว่าเริ่มมีปัจจัยลบน้ำท่วมบางจังหวัด ยันการบริโภคในครัวเรือนโต 5-6% ธุรกิจรถยนต์ อุปโภคบริโภคโตพรวด แนะเปิดเออีซี กลุ่มผู้ประกอบการต้องศึกษาข้อมูลลึกซึ้ง สร้างแบรนด์แข็งแกร่งโอกาสรุ่ง ชงกลยุทธ์การตลาดดิจิตอลบูม ระบุบริษัทไทยต้องปรับตัวรับมือคู่แข่งทะลักทำตลาด ล่าสุดส.การตลาดฯเผย 4แนวทาง พร้อมปรับตัวสู่ยุคดิจิตอลหวังสร้างนักการตลาดรับศึกเออีซี
นายอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยปีนี้ว่า แม้ว่าขณะนี้จะเริ่มมีน้ำท่วมในบางจังหวัดบ้างแล้ว แต่เชื่อว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจีดีพีแทบจะติดลบ โดยพบว่าปีนี้อัตราการบริโภคในครัวเรือนเติบโต 5-6% ใกล้เคียงกับจีดีพี
อย่างไรก็ตามไทยจัดว่าเป็นประเทศที่ฟื้นตัวเร็วจากปัจจัยลบที่ไม่คาดคิด เช่น ภาวะน้ำท่วมปีที่ผ่านมา อย่างกลุ่มรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และสินค้าอุปโภคบริโภค มีอัตราการเติบโตที่ดี หรือกระทั่งสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้าแบรนด์เนม ก็ยังเป็นตลาดที่ไปได้ดี ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ อสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีปัจจัยเสี่ยง แต่ขณะนี้ตัวเลขก็ยังไม่ตกลง
อย่างไรก็ดีจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 นายอนุวัตร ได้กล่าวแนะนำว่า กลุ่มผู้ประกอบการไทยต้องมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันพบว่า มีความเข้าใจกันคนละอย่าง ส่วนด้านเรื่องภาษี สินค้าบางอย่างภาษีเหลือ 0% มาตั้งแต่อาฟต้าหรือเขตการค้าเสรีอาเซียน เริ่มขึ้นเมื่อปี 2553แล้ว อาทิ กลุ่มสินค้าประเภทเซรามิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ สำหรับโอกาสแบรนด์ไทยจากการเปิดเออีซี หากแบรนด์ไทยที่มีความแข็งแกร่ง มีโพซิชั่นนิ่งที่ชัดเจน ซึ่งเชื่อเป็นโอกาสทางการตลาดของแบรนด์ไทยมากกว่า
สำหรับการใช้กลยุทธ์การตลาดด้านดิจิตอล ผู้ประกอบการไม่ควรใช้เป็นเพียงแค่เกาะกระแสหรือมองว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรง แต่ควรให้ความสำคัญกับดิจิตอลมากขึ้น เนื่องจากเป็นการลงทุนการสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งบสูง นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
**ส.การตลาดปรับตัวสู่ยุคดิจิตอล**
นายอนุวัตร กล่าวถึงวิสัยทัศน์หลังจากการเข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยระยะ 2ปี หรือ 2555-2557 ว่า ต้องการวางให้สมาคมฯ เป็นสังคมของนักการตลาดพันธ์แท้ ที่มีความทันสมัย เข้าถึงง่าย เป็นมืออาชีพ และเป็นสากลเพื่อสร้างนักการตลาดที่เก่ง รองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยได้วาง 4 แนวทางที่ต้องดำเนิน
1.การสร้างแหล่งรวมความรู้ด้านการตลาด โดยจัดอบรมเกี่ยวกับการตลาดอย่างครบเครื่อง โดยมีผู้บริหารระดับสูงด้านบริหารและการตลาดมาแบ่งปันประสบการณ์ 2.การสร้างดิจิตอลมายเซ็ต รองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เข้าสู่ดิจิตอล ประเดิมโดยสมาคมฯ เปิดตัวเว็บไซต์ เฟซบุค ทวิตเตอร์ ให้ทันสมัย โดยมีข้อมูลการตลาดให้ผู้สนใจมาค้นคว้า การจัดอบรมเพื่อให้นักการตลาดมีความรู้เรื่องดิจิตอล
สำหรับแนวทางที่ 3. การสร้างเครือข่ายนักการตลาด ให้แข็งแกร่ง โดยเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ และแนวทางที่ 4 คือ การปรับภาพลักษณ์ของสมาคมฯ ประเดิมปรับโลโก้ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและสะท้อนบุคลิกใหม่ของสมาคม ที่มีความทันสมัย เข้าถึงง่าย เป็นมืออาชีพ
นายอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยปีนี้ว่า แม้ว่าขณะนี้จะเริ่มมีน้ำท่วมในบางจังหวัดบ้างแล้ว แต่เชื่อว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจีดีพีแทบจะติดลบ โดยพบว่าปีนี้อัตราการบริโภคในครัวเรือนเติบโต 5-6% ใกล้เคียงกับจีดีพี
อย่างไรก็ตามไทยจัดว่าเป็นประเทศที่ฟื้นตัวเร็วจากปัจจัยลบที่ไม่คาดคิด เช่น ภาวะน้ำท่วมปีที่ผ่านมา อย่างกลุ่มรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และสินค้าอุปโภคบริโภค มีอัตราการเติบโตที่ดี หรือกระทั่งสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้าแบรนด์เนม ก็ยังเป็นตลาดที่ไปได้ดี ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ อสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีปัจจัยเสี่ยง แต่ขณะนี้ตัวเลขก็ยังไม่ตกลง
อย่างไรก็ดีจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558 นายอนุวัตร ได้กล่าวแนะนำว่า กลุ่มผู้ประกอบการไทยต้องมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันพบว่า มีความเข้าใจกันคนละอย่าง ส่วนด้านเรื่องภาษี สินค้าบางอย่างภาษีเหลือ 0% มาตั้งแต่อาฟต้าหรือเขตการค้าเสรีอาเซียน เริ่มขึ้นเมื่อปี 2553แล้ว อาทิ กลุ่มสินค้าประเภทเซรามิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ สำหรับโอกาสแบรนด์ไทยจากการเปิดเออีซี หากแบรนด์ไทยที่มีความแข็งแกร่ง มีโพซิชั่นนิ่งที่ชัดเจน ซึ่งเชื่อเป็นโอกาสทางการตลาดของแบรนด์ไทยมากกว่า
สำหรับการใช้กลยุทธ์การตลาดด้านดิจิตอล ผู้ประกอบการไม่ควรใช้เป็นเพียงแค่เกาะกระแสหรือมองว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรง แต่ควรให้ความสำคัญกับดิจิตอลมากขึ้น เนื่องจากเป็นการลงทุนการสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งบสูง นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
**ส.การตลาดปรับตัวสู่ยุคดิจิตอล**
นายอนุวัตร กล่าวถึงวิสัยทัศน์หลังจากการเข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยระยะ 2ปี หรือ 2555-2557 ว่า ต้องการวางให้สมาคมฯ เป็นสังคมของนักการตลาดพันธ์แท้ ที่มีความทันสมัย เข้าถึงง่าย เป็นมืออาชีพ และเป็นสากลเพื่อสร้างนักการตลาดที่เก่ง รองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยได้วาง 4 แนวทางที่ต้องดำเนิน
1.การสร้างแหล่งรวมความรู้ด้านการตลาด โดยจัดอบรมเกี่ยวกับการตลาดอย่างครบเครื่อง โดยมีผู้บริหารระดับสูงด้านบริหารและการตลาดมาแบ่งปันประสบการณ์ 2.การสร้างดิจิตอลมายเซ็ต รองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เข้าสู่ดิจิตอล ประเดิมโดยสมาคมฯ เปิดตัวเว็บไซต์ เฟซบุค ทวิตเตอร์ ให้ทันสมัย โดยมีข้อมูลการตลาดให้ผู้สนใจมาค้นคว้า การจัดอบรมเพื่อให้นักการตลาดมีความรู้เรื่องดิจิตอล
สำหรับแนวทางที่ 3. การสร้างเครือข่ายนักการตลาด ให้แข็งแกร่ง โดยเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ และแนวทางที่ 4 คือ การปรับภาพลักษณ์ของสมาคมฯ ประเดิมปรับโลโก้ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและสะท้อนบุคลิกใหม่ของสมาคม ที่มีความทันสมัย เข้าถึงง่าย เป็นมืออาชีพ