ASTVผู้จัดการรายวัน – ไอ.ซี.ซี. เตรียมขยายฐานผลิตลงพม่า ลาว เขมร ปีหน้า หวังแก้ปัญหาค่าแรงพุ่ง รับความต้องการต้องการในประเทศ เออีซี และตลาดโลกในอนาคต เผยครึ่งปีแรกรายได้รวมยังห่างเป้า แต่ทั้งปียังฝันโต 30-40% ทะลุ 15,000 ล้านบาท ล่าสุดวาโก้เร่งโหมแคมเปญใหญ่ “Must-Haves” เจาะ 4 เดือนนี้ มั่นใจดันรายได้สิ้นปีทะลุ 3,000 ล้านบาท เติบโต 20%
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมแผนที่จะขยายฐานการผลิตในกลุ่มแบรนด์สินค้าเสื้อผ้าและแฟชั่นต่างๆไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว พม่า และเขมร เนื่องจากปัจจุบัน ในไทยกำลังประสบปัญหาค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น จึงต้องมองหาแหล่งผลิตใหม่ที่มีค่าแรงถูกลง เพื่อป้อนความต้องการในประเทศต่อไป รวมถึงเพื่อต้องการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ในปี 2558 และตลาดโลกในอนาคต ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่ว่าจะไปลงทุนในลักษณะใดต่อไป คาดว่าภายในปีหน้าจะได้เห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมรายได้ของไอ.ซี.ซี. ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่ายังห่างจากเป้าหมายที่วางไว้ค่อนข้างมาก จากเป้ารายได้รวมในปีนี้วางไว้ที่ 14,000-15,000 ล้านบาท เติบโต 40-50% แต่ทั้งนี้มองว่าทั้งปีน่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20-25% ขึ้นไป โดยมองว่ากำลังซื้อตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังดีอยู่ เพียงแต่ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าฟุ่มเฟือยมากนัก จะเน้นใช้จ่ายกับสินค้าที่จำเป็นเป็นหลักก่อน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่ปลายปีก่อนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในส่วนของแบรนด์ชุดชั้นในวาโก้ ปีนี้ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งปีวางงบการตลาดไว้ที่ 100 ล้านบาท ล่าสุดตั้งแต่วันนี้-สิ้นเดือนส.ค.นี้ ได้จัดแคมเปญ ใหญ่“Must-Haves ให้ทุกอย่างที่ผู้หญิงอยากได้” ภายใต้งบ 40 ล้านบาท โดยลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในวาโก้ Must Haves ครบ 4 ตัว สามารถรับคูปองลุ้นรางวัลพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น แพ็คเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่น 5 วัน 3 คืน, กระเป๋า Louis Vuitton, กระเป๋า Prada, ไอโฟน 4s, นิว ไอแพด และแพ็คเกจทัวร์จังหวัดภูเก็ต 5 วัน 3 คืน รวมมูลค่าของรางวัลกว่า 1,575,900 บาท มั่นใจว่าตลอด 4 เดือนหลังจากนี้ จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติอีก 20%
โดยภาพรวมรายได้ของวาโก้จนถึงสิ้นปีนี้ มั่นใจว่าจะเติบโตขึ้นอีกกว่า 20% คิดเป็นมูลค่ารวมได้ที่ 3,000 ล้านบาท มาจากการจำหน่ายในประเทศกว่า 98% และอีก 1-2% เป็นการจำหน่ายยังต่างประเทศ ราว 150-200 ล้านบาท โดยรายได้ของวาโก้ คิดเป็น 30% ของภาพรวมไอ.ซี.ซี. ทั้งหมด ส่วนภาพรวมตลาดชุดชั้นใน เฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรดพบว่า ปีนี้น่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากมูลค่ารวมที่ 5,000-6,000 ล้านบาท
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมแผนที่จะขยายฐานการผลิตในกลุ่มแบรนด์สินค้าเสื้อผ้าและแฟชั่นต่างๆไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว พม่า และเขมร เนื่องจากปัจจุบัน ในไทยกำลังประสบปัญหาค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น จึงต้องมองหาแหล่งผลิตใหม่ที่มีค่าแรงถูกลง เพื่อป้อนความต้องการในประเทศต่อไป รวมถึงเพื่อต้องการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ในปี 2558 และตลาดโลกในอนาคต ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่ว่าจะไปลงทุนในลักษณะใดต่อไป คาดว่าภายในปีหน้าจะได้เห็นความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมรายได้ของไอ.ซี.ซี. ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่ายังห่างจากเป้าหมายที่วางไว้ค่อนข้างมาก จากเป้ารายได้รวมในปีนี้วางไว้ที่ 14,000-15,000 ล้านบาท เติบโต 40-50% แต่ทั้งนี้มองว่าทั้งปีน่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20-25% ขึ้นไป โดยมองว่ากำลังซื้อตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังดีอยู่ เพียงแต่ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าฟุ่มเฟือยมากนัก จะเน้นใช้จ่ายกับสินค้าที่จำเป็นเป็นหลักก่อน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่ปลายปีก่อนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในส่วนของแบรนด์ชุดชั้นในวาโก้ ปีนี้ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งปีวางงบการตลาดไว้ที่ 100 ล้านบาท ล่าสุดตั้งแต่วันนี้-สิ้นเดือนส.ค.นี้ ได้จัดแคมเปญ ใหญ่“Must-Haves ให้ทุกอย่างที่ผู้หญิงอยากได้” ภายใต้งบ 40 ล้านบาท โดยลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในวาโก้ Must Haves ครบ 4 ตัว สามารถรับคูปองลุ้นรางวัลพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น แพ็คเกจทัวร์ประเทศญี่ปุ่น 5 วัน 3 คืน, กระเป๋า Louis Vuitton, กระเป๋า Prada, ไอโฟน 4s, นิว ไอแพด และแพ็คเกจทัวร์จังหวัดภูเก็ต 5 วัน 3 คืน รวมมูลค่าของรางวัลกว่า 1,575,900 บาท มั่นใจว่าตลอด 4 เดือนหลังจากนี้ จะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติอีก 20%
โดยภาพรวมรายได้ของวาโก้จนถึงสิ้นปีนี้ มั่นใจว่าจะเติบโตขึ้นอีกกว่า 20% คิดเป็นมูลค่ารวมได้ที่ 3,000 ล้านบาท มาจากการจำหน่ายในประเทศกว่า 98% และอีก 1-2% เป็นการจำหน่ายยังต่างประเทศ ราว 150-200 ล้านบาท โดยรายได้ของวาโก้ คิดเป็น 30% ของภาพรวมไอ.ซี.ซี. ทั้งหมด ส่วนภาพรวมตลาดชุดชั้นใน เฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรดพบว่า ปีนี้น่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากมูลค่ารวมที่ 5,000-6,000 ล้านบาท
