ตรัง - เอเยนต์จำหน่ายบุหรี่ และเบียร์รายใหญ่เมืองตรัง ไม่ค้านนโยบายปรับขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ย้ำต้องดูแลระบบจัดเก็บภาษี และของหนีภาษีให้ชัดเจน ด้านสรรพสามิตชี้ผลงานทะลุเป้าแน่นอน
นายทักษิณ วิประกษิต ประธานกรรมการ บริษัท ตรังจังหวัดพาณิชย์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายบุหรี่ และเบียร์รายใหญ่ของจังหวัดตรัง และประธานที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า กรณีที่ล่าสุดได้มีการประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะบุหรี่ และเหล้านั้น ถือเป็นเรื่องปกติของทุกๆ รัฐบาลที่จะดำเนินการเมื่อมีโอกาส และที่ผ่านมา ก็จะมีการปรับขึ้นอย่างนี้ทุกๆ 2-3 ปี เพื่อจะทำให้สามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น และนำไปพัฒนาประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการอย่างพวกตนเข้าใจสภาพดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะส่วนหนึ่งยังจะช่วยลดปัญหาสังคม เนื่องจากได้ทำให้ประชาชนเข้าสู่กระบวนการเสพบุหรี่ และเหล้าลดลง
ทั้งนี้ อาจทำให้ตัวเลขรายได้ของผู้ประกอบการลดลงในช่วงแรกๆ เนื่องจากผู้บริโภคบางส่วนจะลดการเสพบุหรี่ และเหล้า เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมาก แต่หลังจากนั้น ไม่เกินระยะเวลา 6 เดือน ตัวเลขรายได้ของทางบริษัทก็จะกลับมาเหมือนเดิม อันเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมจนรู้สึกเคยชิน เพราะต้องยอมรับว่าสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้ถือเป็นสิ่งเสพติดอย่างหนึ่ง แม้หลายครั้งที่ผ่านมาจะมีการปรับขึ้นภาษีเท่าไหร่ก็ตาม
ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการที่เป็นพ่อค้าคนกลางอย่างพวกตน อาจมีผลกระทบทำให้ต้องลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ท้ายสุดแล้วกำไรก็ยังเท่าเดิม ขณะที่ผลกระทบจริงๆ กลับเป็นในส่วนของผู้บริโภคมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทางรัฐบาลได้ปรับขึ้นภาษีบุหรี่ และเหล้าแล้ว อีกทั้งในเร็วๆ นี้คงจะมีการปรับขึ้นภาษีเบียร์ และสินค้าฟุ่มเฟือยอื่นๆ ตามไปด้วยนั้น ก็ควรควบคุมระบบการจัดเก็บภาษีให้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และดูแลอย่าให้มีการลักลอบนำสินค้าหนีภาษีเข้ามาขายในท้องตลาด เนื่องจากอาจมีผู้บริโภคบางส่วนที่จะหันไปซื้อหาสินค้าที่ราคาถูกกว่า ซึ่งมีอยู่จำนวนหลายแบรนด์ หรือจำนวนหลายเกรด มิเช่นนั้นแนวคิดของการนำรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจำนวนมากเพื่อไปพัฒนาประเทศก็จะไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวังเอาไว้ เพราะยังคงมีเงินบางส่วนตกหล่นอยู่นอกระบบ จึงต้องสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นพิเศษ
นางจลกลนี บัวทอง สรรพสามิตพื้นที่ตรัง เปิดเผยว่า หลังจากได้มีการปรับขึ้นภาษีบุหรี่และเหล้า ทางกรมสรรพสามิตสั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดยเน้นเรื่องมาตรการจัดเก็บภาษีให้เป็นไปตามเป้า ซึ่งในปี 2555 นี้ ได้กำหนดตัวเลขไว้ที่จำนวน 8.4 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ คาดว่าคงไม่มีปัญหา และคงทะลุเป้าอย่างแน่นอน สำหรับในปี 2556 ทางกรมได้กำหนดตัวเลขไว้ที่ประมาณ 9.3 ล้านบาท ซึ่งผลจากการที่มีปรับขึ้นภาษีบุหรี่และเหล้าล่าสุด ก็จะช่วยให้ตัวเลขของการจัดเก็บสูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนมาตรการปราบปราม ทั้งผู้ที่หลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี และผู้ที่ลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษี ก็จะทำควบคู่กันไปเพื่อให้การจัดเก็บบรรลุเป้า