xs
xsm
sm
md
lg

ปลัด พณ.หวังไทยรักษาแชมป์ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีผู้ประกอบการค้าข้าวออกมาระบุว่าไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวจากอันดับ 1 เป็นอันดับ 3 ของโลกว่า เนื่องจากไทยปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าข้าวในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการผลักดันราคาให้ขยับสูงขึ้น เพราะต้องการดูแลเกษตรกรชาวนาให้มีรายได้สูง
นายยรรยง กล่าวว่า หลังจากปรับเปลี่ยนนโยบายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาไทยยังเป็นผู้นำส่งออก โดย ส่งออกได้ถึง 3.7 ล้านตัน แต่ขณะนี้อินเดียและเวียดนามเร่งส่งออกจึงทำปริมาณเพิ่มขึ้น ส่วนไทยต้องการขยับราคาข้าวให้สูงขึ้น เพื่อเน้นการขายข้าวที่มีคุณภาพ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลประมูลข้าวในสต๊อกภาคเอกชนกลับพากันกดราคาจึงต้องล้มประมูล และเมื่อรัฐบาลพยายามระบายข้าวออก เพื่อขายแบบจีทูจี เอกชนมักจะอ้างว่า ทำให้ตลาดข้าวได้รับความเสียหาย เพราะที่ผ่านมาเอกชนผู้ส่งออกได้รับประโยชน์จากการขายข้าวพอแล้ว จากนี้ไปต้องการให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น จึงกำหนดราคารับจำนำสูงโดยปีที่ผ่านมาไทยส่งออกข้าวได้ถึง 10.6 ล้านตัน เวียดนามส่งออก 6 ล้านตัน ต่อไปรัฐบาลจะเน้นขายข้าวคุณภาพที่ได้ราคา ไม่เน้นการส่งออกเพื่อหวังปริมาณให้สูง อย่างไรก็ตาม ทั้งปีคาดว่าไทยยังเป็นแชมป์ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก
นายยรรยง กล่าวต่อไปว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลของภาคเอกชนในช่วงนี้เป็นเพียงการนำสถิติ ระยะสั้นออกมาเปิดเผยเท่านั้น โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก ที่ผ่านมารัฐบาลสามารถขยับราคาข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นจาก 8,000-9,000 บาทต่อตัน เป็น 11,000 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวส่งออกขยับจาก 400-500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เป็น 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันสำหรับข้าวขาว
สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการประชาคมเศรษฐอาเซียน (เออีซี) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันนี้ (26 ก.ค.) นายยรรยง กล่าวว่า เตรียมเสนอที่ประชุมจับมือกับประเทศผู้ผลิตข้าวทั้งไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า ที่มีสัดส่วน การส่งออกข้าว 2 ใน 3 ของโลก เพราะเป็นฐานการผลิตข้าวและส่งออกรายใหญ่ของโลก เพื่อจับมือเป็นพันธมิตรไม่ใช่มาเป็นคู่แข่งร่วมกันพัฒนาข้าวแบ่งเกรดข้าวตามราคา ข้าวคุณภาพดีต้องขายราคาสูง ข้าวคุณภาพปานกลางจะมีราคาลดลง เพื่อให้ตลาดโลกและผู้บริโภคมีโอกาสเลือกและการจับมือกันจะสามารถผลักดันราคาข้าว สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
ส่วนการขาดดุลการค้า 6 เดือนแรกปีนี้ 360,000 ล้านบาทนั้น นายยรรยง กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเรื่องน่าตกใจ เพราะในช่วงที่ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นขยายกิจการขยายการลงทุน จึงต้องนำเข้าวัตถุดิบ อุปกรณ์ เครื่องจักรเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ใช่เป็นการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าสำเร็จรูป เมื่อนำเข้ามาแล้วจะนำมาผลิตก่อให้เกิดการส่งออกในช่วง 4 เดือนข้างหน้า ดังนั้นการขาดดุลการค้าเพื่อการลงทุนถือเป็นเรื่องไม่น่าตกใจ เพราะเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก
กำลังโหลดความคิดเห็น