นายก ส.ผู้ส่งออกข้าวไทยเผยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2555 ไทยส่งออกข้าวรวม 3.45 ล้านตัน ปริมาณการส่งออกลดลงทุกตลาดรวมกันร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งขัน ซึ่งไทยกลายเป็นผู้ส่งออกตกลงมาเป็นอันดับ 3 รองจากอินเดีย และเวียดนาม
น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2555 ไทยส่งออกข้าวรวม 3.45 ล้านตัน ปริมาณการส่งออกลดลงทุกตลาดรวมกันร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งขัน ส่วนมูลค่าส่งออกรวม 71,438 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่มีมูลค่ารวมกว่า 107,644 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 หากคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงร้อยละ 35 สำหรับตลาดส่งออกสำคัญคือ แอฟริกาใต้ ร้อยละ 55 รองลงมาคืออาเซียน ร้อยละ 14 และตะวันออกกลาง ร้อยละ 12
ส่วนสถานการณ์ตลาดข้าวโลก ผู้ส่งออกรายใหญ่ 5 รายจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าอินเดียส่งออกมากกว่าไทยเล็กน้อย โดยส่งออกได้ 3.61 ล้านตัน และเวียดนามส่งออกข้าวได้ 3.52 ล้านตัน ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 3.05 ล้านตัน มูลค่ารวมประมาณ 50,000 ล้านบาท รวมแล้วตลออดปี 2555 ไทยจะส่งออกข้าวได้รวม 6.5 ล้านตัน ปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 39 มูลค่ารวม 120,000 ล้านบาท จากที่ปี 2554 ส่งออกข้าวรวม 10.65 ล้านตัน ไทยจึงกลายเป็นผู้ส่งออกตกลงมาเป็นอันดับ 3 รองจากอินเดีย และเวียดนาม ที่คาดว่าจะส่งออกได้มากถึง 8 และ 7 ล้านตัน ตามลำดับ ส่วนปี 2556 คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้รวม 8 ล้านตัน
น.ส.กอบสุขกล่าวว่า ปัจจัยลบต่อตลาดส่งออกข้าวไทย ได้แก่ สต๊อกข้าวของอินเดียมีมากเพียงพอต่อการส่งออกได้ทั้งปี ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลง ความต้องการข้าวจากอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ลดลงทำให้เวียดนามหันมาชิงตลาดข้าว โดยลดราคาเพื่อแข่งขันกับอินเดียฉุดให้ราคาตลาดโลกยิ่งต่ำลงโดยเฉพาะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาราคาต่ำกว่าอินเดีย
สำหรับข้อเสนอแนะที่มีต่อภาครัฐคือ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยยินดีที่จะร่วมหารือกับภาครัฐเพื่อหาแนวทางในการบริหารจัดการสต๊อกข้าวรัฐบาล หากรัฐบาลจะสามารถลดความคาดหวังในการบังคับควบคุมตลาดโลกลง และรับฟังความคิดเห็นของสมาคมผู้ส่งออกที่มีแต่ความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ เชื่อว่าจะสามารถบรรเทาเรื่องการระบายข้าวได้ระดับหนึ่ง
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ในส่วนของข้าวในสต๊อกของรัฐบาลซึ่งมีประมาณ 10 ล้านตัน หากจะระบายออกสู่ตลาดโลก ราคาขายจำเป็นต้องลดลงอยู่ในระดับที่แข่งขันกับเวียดนามได้ที่ตันละ 430-450 ดอลลาร์สหรัฐ จากที่ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้รัฐบาลมีผลขาดทุนตันละ 350 ดอลลาร์สหรัฐ
นายชูเกียรติกล่าวว่า แม้รัฐบาลตั้งราคารับจำนำข้าวเปลือกสูงกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก เพื่อดึงราคาข้าวสารทั้งในประเทศและส่งออกให้สูงขึ้น แต่ขณะนี้ราคาภายในประเทศก็ยังไม่ได้สูงขึ้นตามต้องการเพราะไม่มีแรงหนุนซื้อในตลาด เนื่องจากการส่งออกที่ลดลง