xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“คำรณวิทย์” ฮีโร่มัยซิน ตร.มะเขือเทศตัวพ่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-
“ขอแสดงความยินดีกับแจ๊ดน้องรัก
ขอให้มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน
เป็นที่รักของประชาชนและเพื่อนตำรวจ”
รัก

นั่นคือข้อความที่เขียนด้วยลายมือของนักโทษชายหนีคดี “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งปรากฏอยู่บนภาพถ่ายขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีกำลังประดับยศพลตำรวจโทให้กับ “บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) และประดับเอาไว้ในห้องทำงานด้วยความภาคภูมิใจ

แถมเหนือป้ายชื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ซึ่งติดอยู่ข้าง ๆ ภาพดังกล่าว ยังมีแผ่นป้ายจารึกข้อความ “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ประดับหราเป็นประจักษ์พยานสำแดงถึงจุดยืนทางการเมืองของผู้เป็นเจ้าของห้องอย่างโจ่งแจ้งชนิดที่ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ภาพของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก่อนหน้านี้ที่เคยเป็น “ฮีโร่” ในสายตาประชาชนจากผลงานที่เข้าตากรรมการก่อนหน้านี้ ทั้งการสั่งห้ามตั้งด่านตรวจวินัยจราจรในพื้นที่นครบาล การจัดทำใบเตือนหรือใบบันทึกว่ากล่าวตักเตือนผู้ขับขี่ที่ทำผิดกฎหมายจราจร การเอาจริงเอาจังกับแท็กซี่ซึ่งปฏิเสธการรับผู้โดยสาร รวมถึงคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ลูกชายของ นายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี เสียชีวิตที่ “บิ๊กแจ๊ส” ออกตัวล้อฟรีทำ “เอาจริง - เอาจัง” กับคดีทายาทกระทิงแดง จนได้รับความชื่นชนจากประชาชนทั่วบ้านทั่วเมืองว่าเป็น “ตงฉิน” เปลี่ยนไปในฉับพลันทันที

เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว ความผิดของนายวรยุทธนั้นเทียบไม่ได้กับความผิดที่นช.ทักษิณ ชินวัตร คนที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เทิดทูนทำไว้กับบ้านนี้เมืองนี้โดยมีคำพิพากษาของศาลเป็นเครื่องยืนยัน ทั้งคดีทุจริตที่ดินรัชดา ฯ หรือคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านเนื่องจากได้มาโดยมิชอบระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ที่สำคัญคือ การออกอาการขึงขังของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ต่อ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ กระทั่งมีคำสั่งให้ออกจากราชการ ก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำต่อตำรวจที่มิได้ดำรงตนเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มิใช่ความวิเศษวิโสอะไร เพียงแต่ที่ผ่านมา ตำรวจไม่ได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น และถ้าหาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีความชัดเจนและไม่เอนเอียงจริง ทำไมถึงไม่ลากคอผู้ที่ตนเองเคารพเทิดทูนมาเข้าคุกเข้าตะราง

วันนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นได้เพียง “ฮีโร่มัยซิน”ที่ประพฤติตน 2 มาตรฐานให้สังคมเห็นชัดเจนจนไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่ทำให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เปลี่ยนจากฮีโร่เป็นฮีโร่มัยซิน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา เมื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้เปิดห้องทำงานให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ความคืบหน้าคดีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ลูกชายของ นายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี อดีตผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ทำให้ภาพ 2 ภาพคือ ภาพที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประดับยศพล.ต.ท.ให้ และภาพ พ.ต.ท.ทักษิณจับมือแสดงความยินดี ปรากฏสู่สายตาของสาธารณชน

จริงอยู่ แม้จะเป็นที่รับรู้กันมาโดยตลอดว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อดีตหวานใจ เจ๊ปิ๊ก-ปวีณา หงสกุล คือ “ตำรวจมะเขือเทศ” ทั้งตัวและหัวใจ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเทิดทูนบูชาผู้เป็นประมุขของคนเสื้อแดงโดยสำแดงความเป็นมะเขือเทศชัดแจ้งถึงเพียงนี้

จะอ้างว่า เป็นภาพหลุดเหมือนกับดารานักร้องนักแสดงก็คงจะไม่ได้ เพราะเป็นภาพที่ติดเอาไว้ในห้องทำงานที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งนั่นแสดงว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ต้องการประกาศจุดยืนทางการเมืองและความเป็นมะเขือเทศให้ผู้ที่พบเห็นได้รับรู้ ไม่เช่นนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์คงไม่ทำเช่นนี้

ยิ่งถ้าหากตรวจสอบวัน น.และ เวลา น.ที่บันทึกเอาไว้ด้านล่างของภาพการประดับยศ ก็ยิ่งเห็นชัดในท่าทีของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ว่า หนักแน่นและมั่นคงต่อ “พี่แม้ว” สักเพียงใด เนื่องจากวันที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เดินทางไปให้ นช.ทักษิณติดยศถึงฮ่องกงนั้นคือวันที่ 29 มิถุนายน 2555 ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า สถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณคือนักโทษชายหนีคดี และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีหน้าที่ที่จะต้องจับกุมคุมขังตามกระบวนการยุติธรรม

แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะถ้าจะว่าไปแล้ว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก็มีวันนี้เพราะ นช.ทักษิณจริงๆ โดยย้อนหลังกลับไปก่อนหน้านี้คือวันที่ 1 มิถุนายน 2555 หลายคนคงจำเหตุการณ์สำคัญสะท้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงนามในคำสั่งย้ายคนกันเองชื่อ “พล.ต.ท.วินัย ทองสอง” ให้พ้นจากตำแหน่งจากข้อหาไม่สามารถหยุดยั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อเรียกร้องให้รัฐสภายุติการพิจารณาร่างกฎหมายปรองดองฉบับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พร้อมมีคำสั่ง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เข้ามารักษาราชการ และปฏิบัติหน้าที่แทน โดยให้มีผลทันที จากนั้นก็ได้มีการเลื่อนยศ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้เป็นพลตำรวจโท

ต่อมา ไม่นานนักพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดผลผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการ นอกวาระประจำปี ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบตามบัญชีที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสนอ ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการคัดเลือก (บอร์ดกลั่นกรอง) จำนวน 4 ตำแหน่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพล.ต.ท.คำรณวิทย์ที่รั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

และเมื่อผ่านพิธีกรรมจาก ก.ตร.เรียบร้อยแล้ว พล.ต.ท.คำรณวิทย์จึงแต่งชุดเต็มยศบินไปขอบคุณผู้เป็นนาย พร้อมทั้งเอียงบ่าข้างซ้ายให้ นช.ทักษิณติดยศด้วยความยินดีปรีดาหลังจากทุ่มเทถวายการรับใช้อย่างยอมตายถวายชีวิตมาอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นก็มีประจักษ์พยานยืนยันอีกว่า วันคล้ายวันเกิดของ นช.ทักษิณเมื่อวันที่ 26กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์คือหนึ่งในนายตำรวจซึ่งประกอบด้วย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่บินไปอวยพรนายใหญ่ถึงฮ่องกง

ขณะเดียวกัน การโชว์ภาพคู่ดังกล่าวก็เป็นหลักประกันความมั่นคงในตำแหน่งหน้าที่การงานได้เป็นอย่างดี เพราะใครเล่าจะไปกล้ามีปัญหากับสายตรงของ นช.ทักษิณในยามที่เขารุ่งเรืองในอำนาจวาสนา

ที่สำคัญคือถ้าหากฟังคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัวจากกรณีดังกล่าวก็จะเห็นว่า แม้ในช่วงแรกจะมีการออกตัวอยู่บ้าง

“เรื่องภาพที่นำมาติดคิดว่าไม่มีความผิดอะไร เพราะเป็นภาพของคนที่รัก ที่เคารพ และยึดเป็นแบบในการทำงาน อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นความภูมิใจของนักเรียนนายร้อยตำรวจอีกด้วย เนื่องจากสามารถก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากความรู้ความสามารถ การนำภาพมาติดก็เพราะเกิดจากความเคารพนับถือ

“ที่ติดไว้ก็เพื่อให้เตือนตัวเองกับคำสอนต่างๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกผมไว้ ทั้งเรื่องที่ต้องทำงานให้ประชาชนรัก และทำงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเคารพ ส่วนใครจะมองอย่างไร หรือให้ความเห็นต่างๆ ว่าไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ผมไม่สนใจ และยืนยันว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ติดรูปไว้เตือนใจถึงคำสอนของ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น

“ส่วนป้ายคำที่ติดไว้ระหว่างรูปว่า มีวันนี้ เพราะพี่ให้ไม่ได้หมายความว่าได้มานั่งตำแหน่ง ผบช.น.เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นวลีที่ชอบ และมาจากบทเพลงที่ร้องอยู่เป็นประจำคือเพลงพี่มีแต่ให้ แต่หากจะให้สอดคล้องก็คงเป็นเพราะคำสอนต่างๆ ที่พ.ต.ท.ทักษิณให้มาเท่านั้น ไม่มีความหมายอื่นแอบแฝงแน่นอน”

แต่ถ้าหากวิเคราะห์ถ้อยคำระหว่างบรรทัดให้ดีก็จะพบว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ตัดสินใจท้าชนซึ่งๆ หน้าอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ดังนั้นน้ำเสียงเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวราวปรอทแตกและไม่ย่นระย่อต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไรในท่าทีอันแข็งกร้าวของบิ๊กแจ๊ส เพราะเสียงเหล่านั้นมิต่างอะไรจากเสียงนกเสียงกาซึ่งมิได้มีผลอันใดต่อหน้าที่และการงานของเขา นช.ทักษิณต่างหากคือผู้ที่ดลบันดาลวันนี้ให้กับเขา

“ผมรักเคารพใคร ผมก็นำมาภาพคนนั้นมาติดไว้ มันจะเดือดร้อนอะไรกันนักกันหนา”

ที่สำคัญคือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ประกาศชัดเจนว่า ไม่กลัวกระทบต่อหน้าที่การงานถ้าหากการเมืองเปลี่ยนขั้ว และทำให้ระบอบทักษิณต้องกลับไปเป็นฝ่ายค้าน

“ผมไม่เคยเนรคุณคน ถ้าการเมืองเปลี่ยนขั้ว ขอออกทันที ไม่ต้องให้ใครมาย้าย”

นช.ทักษิณได้ยินคำถวายสัตย์แล้วคงยิ้มชนิดปากแทบจะฉีกถึงหูเลยทีเดียว เพราะไม่เคยมีข้าราชการตำรวจระดับสูงคนใด ไม่ว่าจะพี่เมีย-พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน หรือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ จะมีความจงรักภักดีทั้งตัว หัวใจและคำพูดเช่น พล.ต.ท.คำรณวิทย์

แม้ทั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์และพล.ต.อ.อดุลย์จะเคยบินไปพบ นช.ทักษิณที่ฮ่องกง แต่ทั้งสองคนยังไม่กล้าสำแดงตนเช่นนี้

เฉกเช่นเดียวกับคนเสื้อแดงที่ได้ยินวาทกรรมของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์แล้ว ก็คงจัดเข้าทำเนียบวีรบุรุษของคนเสื้อแดงกันเลยทีเดียว ดังคำให้สัมภาษณ์เกรียนๆ ของโจกแดงชื่อนายวิภูแถลง พัฒนะภูมิไทย ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า “ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เขาจะนับถืออะไรใคร ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ทราบจะหยิบเป็นประเด็นทำไม อย่างผม ถ้าที่บ้านมีรูปนายปรีดี พนมยงค์ รูปเหมา เจ๋อ ตุง รูป เช กูวารา บ้าง แล้วใครจะทำไม ท่านคำรณวิทย์ อาจจะแสดงให้เห็นว่า ก็เขาชอบ เขารักอย่างนี้”

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากย้อนหลังกลับไปตรวจสอบคำพูดของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่แปลกใจอะไรกับความหนักแน่นมั่นคงต่อ นช.ทักษิณดั่งขุนเขา โดยเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2555 ในการมอบนโยบายแก่ตำรวจในสังกัด บช.น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ประกาศความเป็นมะเขือเทศอย่างชัดเจนว่า

“ผมเจ็บช้ำเพราะโดนรังแก ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ เป็นเสื้อแดงและจะย้ายผมทุกปี ผมจะไม่เอาความเจ็บช้ำของผม ไปทำให้พวกท่านเจ็บช้ำ ให้ท่านทำงานให้ประชาชน...ผมมาในจุดนี้ได้ ไม่ได้ตะกละไม่ชอบแทงกั๊ก มีใจนักเลงพอ ผมแทงหวยผิดให้เจ้ามือกินไป ไม่มีไปร้องหรือฎีกาใด ๆ ทั้งสิ้น"

"อีกเรื่องที่อยู่ในความรู้สึกผม คือคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน ความเป็นธรรมต้องเกิด อย่างที่ท่านเฉลิมพูด ผมบอกได้เลยว่ามีวันนี้ได้เพราะท่านทักษิณ ผมไม่กลัวอะไร เพราะผมกล้ารับสิ่งที่มีในวันนี้...ผมพูดชัดเจน ไม่แทงกั๊ก ที่มีวันนี้เพราะท่านทักษิณ ไม่ต้องกลัวผมแกล้ง ให้ทำงานให้ประชาชน ฝากให้ทำงานเต็มที่"

เป็นคำพูดที่ตอกย้ำชัดเจนว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีวันนี้เพราะพี่แม้วให้จริงๆ

ถามว่า พฤติกรรมของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ซึ่งไปพบ นช.ทักษิณ ต่างอะไรกับ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ที่ตัดสินใจช่วยนายวรยุทธ อยู่วิทยา ลูกชายนายเฉลิม อยู่วิทยาเจ้าของอาณาจักรกระทิงแดง เพราะพฤติกรรมของทั้งสองคนก็คือ การช่วยเจ้านายที่เคยให้ข้าวให้น้ำและทั้งสองคนต่างก็ “มีวันนี้เพราะพี่ให้” เหมือนกัน เพียงแต่ต่างกันเพียงแค่เจ้านายของแต่ละคนเท่านั้น

ด้วยเหตุดังกล่าว ถ้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์สั่งตั้งกรรมการสอบ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสายตรงก็จักต้องตั้งคณะกรรมการสอบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เช่นกัน และผลที่ออกมาก็ต้องเหมือนกันคือ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว ความเสียหายที่ นช.ทักษิณกระทำต่อบ้านเมืองหนักหนาสาหัสกว่าที่นายวรยุทธขับซิ่งเฟอร์รารี่ชนตำรวจมากมายหลายเท่านัก

แน่นอน คงไม่ต้องไปไล่เบี้ยถามหาความผิดทางกฎหมาย เพราะไม่มีวันที่จะบังเกิดขึ้นในยุคที่แผ่นดินเป็นของคนเสื้อแดงเช่นนี้ จะมีตำรวจนายไหนหรือรัฐมนตรีคนใดกล้าไปยุ่งกับ “แดงแจ๊ส” อย่าง พล.ต.ท.คำรณวิทย์

มิต้องพูดถึงผู้มีหน้าที่รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรงอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะพวกเขาคือคนในคอกเดียวกัน

“คนรักเคารพกันมีปัญหาอะไร เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ถามว่าจะไปผิดอะไร พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ท่านเคารพของท่าน เหมือนภาษิตฝรั่งที่ระบุไว้ว่า หัวใจเหนือสิ่งอื่นใด เป็นสิทธิ ไม่มีอะไรผิดเลย ถูกต้องครบถ้วน สมัยตนเป็นนายตำรวจ ก็ให้คนที่ตนเคารพติดยศให้ เป็นเรื่องปกติ”

แถมดอกเตอร์ทางกฎหมายอย่างกฎหมายยังอรรถาธิบายแง่มุมทางกฎหมายเอาไว้เสร็จสรรพอีกต่างหากว่า “คดีจากการปฏิวัติยึดอำนาจอย่าไปใส่ใจ และไม่ใช่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์รัก พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียว คนทั้งประเทศเขาก็รัก ไม่ผิดอะไรหรอก พวกปากพล่อยชอบพูดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคนจะละเว้นได้ต้องมีหน้าที่ แต่ที่นั่นมันสถานที่นอกราชอาณาจักร แล้วคนรักเคารพกันจะทำไม”

อย่างไรก็ดี การที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลชื่อคำรณวิทย์ทำเยี่ยงนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงในบ้านนี้เมืองนี้หลายประการด้วยกัน

หนึ่ง-พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจเหนือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหนือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญที่สามารถโยกย้าย สั่งการและควบคุมทุกองคาพยพของรัฐไทย

สอง-ไม่เพียงแค่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เท่านั้นที่เทิดทูนบูชานักโทษชายหนีคดี แต่ข้าราชการอีกจำนวนไม่น้อยก็ยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นข้าทาสของระบอบทักษิณเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาเหล่านั้นมีคติหรือสุภาษิตประจำใจว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” และระบอบทักษิณก็พร้อมที่จะให้ลาภยศสรรเสริญทุกคนที่สวามิภักดิ์และยินยอมพร้อมใจที่จะซ้ายหันขวาหันตามคำสั่ง ส่วนคนที่ยึกยักหรือใจไม่ด้านพอก็จะตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างจาก พ.ต.อ.ดุษฏี อารยะวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ที่ถูกเด้งไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม

นั่นคือความน่ากลัวของระบอบทักษิณที่กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมไทย เปลี่ยนข้าราชการไทย เปลี่ยนตำรวจไทย ให้หลีกหนีความเป็นข้าราชการของประชาชน ความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไปเป็นข้าราชการที่มีเป้าหมายเพื่อรับใช้ระบอบทักษิณ ซึ่งนำมาซึ่งตำแหน่งหน้าที่การงานและลาภยศสรรเสริญ

ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไม พล.ต.ท.คำรณวิทย์จึงไม่จับนักโทษชายหนีคดี

ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ถึงไม่สะทกสะท้านต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มกรีนของนายสุริยะใส กตะศิลา ซึ่งประกาศยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.และและร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบจริยธรรมเพื่อเอาผิดกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์

เนื่องเพราะเขาคิดว่า สิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรและเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ต่างหากที่ไม่เข้าใจสัจธรรมและความจริงที่เป็นอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐไทยใหม่

ขณะเดียวกัน การโชว์ภาพคู่ดังกล่าวก็เป็นหลักประกันความมั่นคงในตำแหน่งหน้าที่การงานได้เป็นอย่างดี เพราะใครเล่าจะไปกล้ามีปัญหากับสายตรงของ นช.ทักษิณในยามที่ระบอบทักษิณรุ่งเรืองในอำนาจวาสนา

และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ยามนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์คงไม่ได้คิดที่จะหยุดอยู่เพียงแค่เก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเท่านั้น

ปัญหามีอยู่ว่า การประกาศความเป็นตำรวจมะเขือเทศและการแสดงความจงรักภักดีต่อ นช.ทักษิณ ชินวัตรเช่นนี้ จะกระทบต่อการตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของอดีตหญิงสาวของเขาอย่างเจ๊ปิ๊ก-ปวีณา หงสกุล หรือไม่

หมายเหตุ : ตอนนี้ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญมิตรรักนักอ่านร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นกันได้ที่ http://www.facebook.com/Astvmanagerweekend
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง

กำลังโหลดความคิดเห็น