พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. แสดงความกระฟัดกระเฟียด ท่าทีขึ้นขังเอาจริงเอาจังถึงขนาดหลุดคำว่า “แม่ง” ออกมา หลังจาก สวป.สน.ทองหล่อ พยายามจัดฉากส่งแพะเข้ามารับบาป คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา บุตรชายนายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารเครื่องดื่มชูกำลังชื่อก้องโลก ขับรถชนด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต
ใครเห็นอาการของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ วันที่ลงพื้นที่ไปดูแลคดีลูกผู้บริหารเครื่องดื่ม “กระทิงแดง” แล้ว อาจรู้สึกว่า ตำรวจนายนี้ช่างเป็นคนที่เคร่งครัดต่อหน้าที่ สมเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เสียจริงๆ
แต่ธาตุแท้ของนายตำรวจผู้นี้เป็นอย่างไร เจ้าตัวได้เปิดโปงตัวเองแล้ว
เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า การได้รับตำแหน่งผบช.น.ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เพราะไฟเขียวจากพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายตำรวจที่ทำงานเข้าตา
การจะบงการให้ใครมีตำแหน่งใหญ่โตทั้งทางการเมืองและวงราชการ พ.ต.ท.ทักษิณต้องมั่นใจว่า คนที่จะแต่งตั้ง ต้องซื่อสัตย์ ภักดี และพร้อมทำงานรับใช้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
ไม่ว่านักการเมืองหรือข้าราชการคนนั้นจะชั่วร้ายขนาดไหน ไม่ว่าจะหาความดีติดตัวไม่ได้ หรือไม่ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างไร แต่เพียงยอมก้มหัวรับใช้เท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณชุบเลี้ยงให้เป็นใหญ่หมด
จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมนักการเมืองทั้งแก่เฒ่า ข้าราชการตัวโตๆ วิ่งไปเลียแข้งเลียขาพ.ต.ท.ทักษิณถึงดูไบและฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม คนที่คลานไปกราบเท้าพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อขอตำแหน่ง ส่วนใหญ่มักจะเหนียมอาย ไม่กล้าประกาศตัวว่า ตำแหน่งที่ได้มาพ.ต.ท.ทักษิณจัดให้ แต่สำหรับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ไม่มีความรู้สึกอายแต่อย่างใด และเปิดตัวต่อสาธารณชนว่า
ตำแหน่งผบช.น.ที่ได้มาวันนี้ เป็นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมสดุดีด้วยข้อความ “มีวันนี้เพราะพี่”
รูปพ.ต.ท.ทักษิณที่ประดับยศพล.ต.ท.ให้ และแขวนไว้ในห้องทำงานของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ซึ่งถ่ายเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2555 พร้อมข้อความลายมือของพ.ต.ท.ทักษิณที่เขียนว่า “ขอแสดงความยินดีกับแจ๊สน้องรัก ขอให้มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นที่รักของประชาชนและเพื่อนตำรวจ” และลงท้ายด้วยลายเซ็น “รักพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เป็นสิ่งที่พิสูจน์ทราบในธาตุแท้ของนายตำรวจคนนี้
ไม่ต้องอายฟ้าอายดิน ไม่ต้องเกรงใครจะครหานินทา เพราะพล.ต.ท.คำรณวิทย์คิดว่าชั่วโมงนี้ไม่มีใครใหญ่กว่าพ.ต.ท.ทักษิณอีกแล้ว
และอาจปักใจเชื่อว่า อำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณคงไม่มีใครโค่นล้มได้ จึงเชิดชูสรรเสริญ และประกาศตัวชัดเจนว่า เป็นเด็กในคาถาของพ.ต.ท.ทักษิณ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นตำรวจประเภทไหน สังคมต้องจัดหมวดหมู่เอาเอง แต่ในห้วงเวลาเดียวกัน ก็ยังมีเรื่องดีๆ ของตำรวจดีๆ มาเปรียบเทียบ
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นนายตำรวจเลือดดีที่ควรนำมาเปรียบเทียบ
พ.ต.อ.ดุษฎีกำลังต้องหลุดจากตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท. เพราะตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐ พบข้าราชการจำนวนมากกระทำความผิด และอาจเชื่อมโยงถึงนักการเมือง จึงถูกรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรหมายหัว
ป.ป.ท.ในยุคพ.ต.อ.ดุษฎี เกาะติดปัญหาทุจริตหลายเรื่อง และไม่ยอมทำตัวเป็นต้นอ้อลู่ตามลมเพื่อความอยู่รอด หรือเพื่อรักษาตำแหน่งเหมือนข้าราชการที่ไร้จิตสำนึกจำนวนมาก โดยปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
และเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ไม่ว่าข้าราชการทุจริตจะเป็นเด็กของใคร หรือร่วมขบวนการปล้นประเทศกับนักการเมืองหน้าไหน
การปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่ดครัด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ผลที่ได้รับวันนี้คือ ถูกเด้งพ้นจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ขบวนการปล้นประเทศดำเนินต่อไปอย่างสะดวก เพราะไม่มีข้าราชการดีมาขวางทาง
ตำรวจเหมือนกัน แต่ระหว่างพล.ต.ท.คำรณวิทย์กับพ.ต.อ.ดุษฎี สำนึกในการปฏิบัติหน้าที่คงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ประกาศตัวชัดเจนแล้ว ยอมเป็นตำรวจที่ดีของพ.ต.ท.ทักษิณ และเครื่องแบบที่สวมอยู่สำหรับชีวิตราชการที่เหลือ คงมุ่งตรงไปที่การรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ตราบที่ยังมีอำนาจบงการรัฐบาลได้
ตำรวจที่ไม่ยอมก้มหัวให้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เห็นแก่ตำแหน่ง ไม่เอาตัวรอด ไม่แสวงหาประโยชน์ใส่ตัว และตระหนักถึงบุญคุณของแผ่นดิน บุญคุณของประชาชนซึ่งเป็นเจ้านายที่แท้จริงอย่างพ.ต.อ.ดุษฎี มีน้อยเต็มที จนอาจพูดได้เต็มปากว่า แทบไม่มีเหลืออยู่เลย
เพราะไม่ใช่พล.ต.ท.คำรณวิทย์เพียงคนเดียวที่ประกาศตัวขึ้นตรงกับพ.ต.ท.ทักษิณจนถึงขั้นยกย่องสรรเสริญในบุญคุณ แต่ตำรวจแทบทั้งสำนักงานฯ ยอมศิโรราบกันหมดแล้ว
เงินเดือนตำรวจ เครื่องแบบสีกากีที่สวมใส่ล้วนมาจากภาษีของประชาชนทั้งสิ้น แต่วันนี้ตำรวจกลับเห็นผู้ร้ายที่หนีคดีเป็นนายใหญ่ และคงพร้อมสนองคำบงการกันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่ต้องสำนึกต่อหน้าที่ ไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้อง หรือตระหนกถึงความดีงามกันแล้ว
คงไม่มีใครเรียกสำนึกจากตำรวจได้ เพราะถ้าตำรวจมีสำนึก เมื่อซื่อสัตย์ภักดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ และพร้อมจะรับใช้อย่างสุดตัว ก็คงมีความละอายแก่ใจ ไม่กินบนเรือนขี้บนหลังคา ไม่อยู่กินเงินเดือนภาษีของประชาชน แต่กลับทำงานรับใช้นักโทษตัวฉกาจที่สร้างความปั่นป่วนให้สังคมไทย
ถ้าซาบซึ้งซื่อสัตย์ และถวายชีวิตให้พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ทำไมไม่ลาออกไปกินเงินเดือนพ.ต.ท.ทักษิณให้รู้แล้วรู้รอดไป
จะอยู่กินเงินเดือนภาษีของประชาชนทำไม จะทำให้เครื่องแบบสีกากีแปดเปื้อนไปถึงไหน ไม่อายตำรวจดีอย่างพ.ต.อ.ดุษฎีบ้างเชียวหรือ
ใครเห็นอาการของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ วันที่ลงพื้นที่ไปดูแลคดีลูกผู้บริหารเครื่องดื่ม “กระทิงแดง” แล้ว อาจรู้สึกว่า ตำรวจนายนี้ช่างเป็นคนที่เคร่งครัดต่อหน้าที่ สมเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เสียจริงๆ
แต่ธาตุแท้ของนายตำรวจผู้นี้เป็นอย่างไร เจ้าตัวได้เปิดโปงตัวเองแล้ว
เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า การได้รับตำแหน่งผบช.น.ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เพราะไฟเขียวจากพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายตำรวจที่ทำงานเข้าตา
การจะบงการให้ใครมีตำแหน่งใหญ่โตทั้งทางการเมืองและวงราชการ พ.ต.ท.ทักษิณต้องมั่นใจว่า คนที่จะแต่งตั้ง ต้องซื่อสัตย์ ภักดี และพร้อมทำงานรับใช้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
ไม่ว่านักการเมืองหรือข้าราชการคนนั้นจะชั่วร้ายขนาดไหน ไม่ว่าจะหาความดีติดตัวไม่ได้ หรือไม่ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างไร แต่เพียงยอมก้มหัวรับใช้เท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณชุบเลี้ยงให้เป็นใหญ่หมด
จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมนักการเมืองทั้งแก่เฒ่า ข้าราชการตัวโตๆ วิ่งไปเลียแข้งเลียขาพ.ต.ท.ทักษิณถึงดูไบและฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม คนที่คลานไปกราบเท้าพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อขอตำแหน่ง ส่วนใหญ่มักจะเหนียมอาย ไม่กล้าประกาศตัวว่า ตำแหน่งที่ได้มาพ.ต.ท.ทักษิณจัดให้ แต่สำหรับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ไม่มีความรู้สึกอายแต่อย่างใด และเปิดตัวต่อสาธารณชนว่า
ตำแหน่งผบช.น.ที่ได้มาวันนี้ เป็นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมสดุดีด้วยข้อความ “มีวันนี้เพราะพี่”
รูปพ.ต.ท.ทักษิณที่ประดับยศพล.ต.ท.ให้ และแขวนไว้ในห้องทำงานของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ซึ่งถ่ายเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2555 พร้อมข้อความลายมือของพ.ต.ท.ทักษิณที่เขียนว่า “ขอแสดงความยินดีกับแจ๊สน้องรัก ขอให้มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นที่รักของประชาชนและเพื่อนตำรวจ” และลงท้ายด้วยลายเซ็น “รักพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” เป็นสิ่งที่พิสูจน์ทราบในธาตุแท้ของนายตำรวจคนนี้
ไม่ต้องอายฟ้าอายดิน ไม่ต้องเกรงใครจะครหานินทา เพราะพล.ต.ท.คำรณวิทย์คิดว่าชั่วโมงนี้ไม่มีใครใหญ่กว่าพ.ต.ท.ทักษิณอีกแล้ว
และอาจปักใจเชื่อว่า อำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณคงไม่มีใครโค่นล้มได้ จึงเชิดชูสรรเสริญ และประกาศตัวชัดเจนว่า เป็นเด็กในคาถาของพ.ต.ท.ทักษิณ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นตำรวจประเภทไหน สังคมต้องจัดหมวดหมู่เอาเอง แต่ในห้วงเวลาเดียวกัน ก็ยังมีเรื่องดีๆ ของตำรวจดีๆ มาเปรียบเทียบ
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นนายตำรวจเลือดดีที่ควรนำมาเปรียบเทียบ
พ.ต.อ.ดุษฎีกำลังต้องหลุดจากตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท. เพราะตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐ พบข้าราชการจำนวนมากกระทำความผิด และอาจเชื่อมโยงถึงนักการเมือง จึงถูกรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรหมายหัว
ป.ป.ท.ในยุคพ.ต.อ.ดุษฎี เกาะติดปัญหาทุจริตหลายเรื่อง และไม่ยอมทำตัวเป็นต้นอ้อลู่ตามลมเพื่อความอยู่รอด หรือเพื่อรักษาตำแหน่งเหมือนข้าราชการที่ไร้จิตสำนึกจำนวนมาก โดยปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา
และเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ไม่ว่าข้าราชการทุจริตจะเป็นเด็กของใคร หรือร่วมขบวนการปล้นประเทศกับนักการเมืองหน้าไหน
การปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่ดครัด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ผลที่ได้รับวันนี้คือ ถูกเด้งพ้นจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ขบวนการปล้นประเทศดำเนินต่อไปอย่างสะดวก เพราะไม่มีข้าราชการดีมาขวางทาง
ตำรวจเหมือนกัน แต่ระหว่างพล.ต.ท.คำรณวิทย์กับพ.ต.อ.ดุษฎี สำนึกในการปฏิบัติหน้าที่คงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ประกาศตัวชัดเจนแล้ว ยอมเป็นตำรวจที่ดีของพ.ต.ท.ทักษิณ และเครื่องแบบที่สวมอยู่สำหรับชีวิตราชการที่เหลือ คงมุ่งตรงไปที่การรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ตราบที่ยังมีอำนาจบงการรัฐบาลได้
ตำรวจที่ไม่ยอมก้มหัวให้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เห็นแก่ตำแหน่ง ไม่เอาตัวรอด ไม่แสวงหาประโยชน์ใส่ตัว และตระหนักถึงบุญคุณของแผ่นดิน บุญคุณของประชาชนซึ่งเป็นเจ้านายที่แท้จริงอย่างพ.ต.อ.ดุษฎี มีน้อยเต็มที จนอาจพูดได้เต็มปากว่า แทบไม่มีเหลืออยู่เลย
เพราะไม่ใช่พล.ต.ท.คำรณวิทย์เพียงคนเดียวที่ประกาศตัวขึ้นตรงกับพ.ต.ท.ทักษิณจนถึงขั้นยกย่องสรรเสริญในบุญคุณ แต่ตำรวจแทบทั้งสำนักงานฯ ยอมศิโรราบกันหมดแล้ว
เงินเดือนตำรวจ เครื่องแบบสีกากีที่สวมใส่ล้วนมาจากภาษีของประชาชนทั้งสิ้น แต่วันนี้ตำรวจกลับเห็นผู้ร้ายที่หนีคดีเป็นนายใหญ่ และคงพร้อมสนองคำบงการกันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่ต้องสำนึกต่อหน้าที่ ไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้อง หรือตระหนกถึงความดีงามกันแล้ว
คงไม่มีใครเรียกสำนึกจากตำรวจได้ เพราะถ้าตำรวจมีสำนึก เมื่อซื่อสัตย์ภักดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ และพร้อมจะรับใช้อย่างสุดตัว ก็คงมีความละอายแก่ใจ ไม่กินบนเรือนขี้บนหลังคา ไม่อยู่กินเงินเดือนภาษีของประชาชน แต่กลับทำงานรับใช้นักโทษตัวฉกาจที่สร้างความปั่นป่วนให้สังคมไทย
ถ้าซาบซึ้งซื่อสัตย์ และถวายชีวิตให้พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ทำไมไม่ลาออกไปกินเงินเดือนพ.ต.ท.ทักษิณให้รู้แล้วรู้รอดไป
จะอยู่กินเงินเดือนภาษีของประชาชนทำไม จะทำให้เครื่องแบบสีกากีแปดเปื้อนไปถึงไหน ไม่อายตำรวจดีอย่างพ.ต.อ.ดุษฎีบ้างเชียวหรือ
