ASTVผู้จัดการรายวัน-ฟิทช์ เรทติ้งส์ จับตา 3 ธุรกิจ “โรงกลั่น ปิโตรเคมี พลังงาน”เหตุราคาสินค้าปรับตัวลดลง เหตุได้รับผลกระทบจากเศรษฐโลก –จีน –ยุโรป ชะลอตัว ชี้ หากฟื้นตัวนานกว่าคาด อาจถูกปรับอันดับความน่าเชื่อถือหากบริษัทมีฐานะการเงินอ่อนแอ “เลิศชัย”แจง ปัจจุบันฐานการเงิน3 ธุรกิจยังแข็งแกร่ง
นายเลิศชัย กอเจริญรัตนกุล หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับเครดิต บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจที่ทางฟิทช์ เฝ้าติดตามขณะนี้มี 3 กลุ่มธุรกิจ ที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีน และ ยุโรป คือ ธุรกิจ โรงกลั่น ปิโตรเคมี และพลังงาน รวมจำนวน 6-7 บริษัท เนื่องจาก เศรษฐกิจโลก จีน ยุโรป ที่ชะลอตัวนั้นมีผลทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ของ3 กลุ่มธุรกิจนั้นมีการปรับตัวลดลง ซึ่งมีผลต่อผลประกอบการ และฐานะทางการเงินของบริษัทได้ แต่จากที่บริษัทดังกล่าวนั้นเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และปัจจุบันมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งเชื่อว่าจะสามารถรองรับกับความผันผวนของราคาสินค้าได้
ทั้งนี้ประเด็นที่ฟิทซ์ฯติดตามในเรื่องของวัฎจักรของธุรกิจว่าราคาผลิตภัณฑ์นั้นจะอยู่ในระดับต่ำนานแค่ไหน และ จะฟื้นตัวเมื่อไร โดยหากราคาผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับต่ำนานเกินกว่าที่คาด หรือ หากไม่สามารถฟื้นตัวได้ภายใน 12-24 เดือน นั้นอาจมีผลกระทบต่อทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทดังกล่าวเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงมีผลทำให้จะต้องมีการปรับอันดับเครดิต และ แนวโน้มของบริษัทได้ ที่จะมีการถูกปรับลดลงได้
“การทำเรทติ้งนั้นเป็นการมองอนาคต หากแนวโน้มอนาคตธุรกิจยังไม่ฟื้น นั้นจะมีผลกระทบต่อเทรติ้งของบางบริษัทได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการแข่งขัน ฐานะทางการเงินของแต่ละ บริษัท แต่บริษัทที่ถูกปรับลดอันดับลงนั้นไม่ได้หมายความว่าบริษัทไม่ดี จะเจ๊ง แต่จะสะท้อนว่าความยืดหยุ่นของฐานะทางการเงินจะหายไปเท่านั้น”นายเลิศชัย กล่าว
สำหรับกลุ่มบริษัทที่พึ่งพึงการเติบโตจากเศรษฐกิจในประเทศนั้น มองว่าไม่น่าจะมีปัญหาหรือได้ผลกระทบ ทำให้จะต้องมีการติดตาม เพราะ เศรษฐกิจในประเทศยังมีการขยายตัวที่ดี ทำให้ผลประกอบการของธุรกิจมีการเติบโตที่ดี ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก สื่อสาร เป็นต้น แต่อาจมีบางกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเช่น กลุ่มอุตสาหกรรม ที่อิงกับเศรษฐกิจโลกไม่เยอะ เช่น กลุ่มปูน แม้จะได้ผลกระทบทางอ้อมในการส่งออกไม่ได้ แต่เศรษฐกิจในประเทศนั้นมีการเติบโตนั้นหนุนให้ธุรกิจมีการเติบโตมากขึ้น ทำให้ผลกระทบที่มีนั้นไม่แรง และ โรงแรม ที่อิงกับจำนวนนักท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งคงจะมีการจับตาเป็นปกติ
นายเลิศชัย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรก2555 ทางฟิทช์ยังไม่ได้มีการลดอันดับเครดิตบริษัทลูกค้าแต่อย่างใด มีแต่การคงอันดับเรทติ้งลูกค้า จำนวน 2-3 ราย โดยลูกค้าของบริษัทปัจจุบันนี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่อันดับเครดิตจะกระจุกตัวอยู่ในอันดับ A และ BBB โดยมีระดับAA ไม่ได้มากนัก เพียง 3-4 บริษัท โดยจะเป็นบริษัทในกลุ่มปตท.
นายสันติ กีระนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทต่างๆยังมีความสามารถดำเนินธุรกิจได้ดี ไม่น่ากังวลใจ ซึ่งปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป นั้นมีมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก บริษัทไทยนั้นมีการปรับตัวที่ดี ไม่มีกลุ่มธุรกิจไหนที่น่ากังวล โดยบริษัทไทยปัจจุบันนั้นมีฐานะทางการเงินที่ดี อยู่ที่A- ซึ่งในช่วง6-7 ที่ผ่านมาจะอยู่ที่ BBB
นายเลิศชัย กอเจริญรัตนกุล หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับเครดิต บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจที่ทางฟิทช์ เฝ้าติดตามขณะนี้มี 3 กลุ่มธุรกิจ ที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีน และ ยุโรป คือ ธุรกิจ โรงกลั่น ปิโตรเคมี และพลังงาน รวมจำนวน 6-7 บริษัท เนื่องจาก เศรษฐกิจโลก จีน ยุโรป ที่ชะลอตัวนั้นมีผลทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ของ3 กลุ่มธุรกิจนั้นมีการปรับตัวลดลง ซึ่งมีผลต่อผลประกอบการ และฐานะทางการเงินของบริษัทได้ แต่จากที่บริษัทดังกล่าวนั้นเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และปัจจุบันมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งเชื่อว่าจะสามารถรองรับกับความผันผวนของราคาสินค้าได้
ทั้งนี้ประเด็นที่ฟิทซ์ฯติดตามในเรื่องของวัฎจักรของธุรกิจว่าราคาผลิตภัณฑ์นั้นจะอยู่ในระดับต่ำนานแค่ไหน และ จะฟื้นตัวเมื่อไร โดยหากราคาผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับต่ำนานเกินกว่าที่คาด หรือ หากไม่สามารถฟื้นตัวได้ภายใน 12-24 เดือน นั้นอาจมีผลกระทบต่อทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทดังกล่าวเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงมีผลทำให้จะต้องมีการปรับอันดับเครดิต และ แนวโน้มของบริษัทได้ ที่จะมีการถูกปรับลดลงได้
“การทำเรทติ้งนั้นเป็นการมองอนาคต หากแนวโน้มอนาคตธุรกิจยังไม่ฟื้น นั้นจะมีผลกระทบต่อเทรติ้งของบางบริษัทได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการแข่งขัน ฐานะทางการเงินของแต่ละ บริษัท แต่บริษัทที่ถูกปรับลดอันดับลงนั้นไม่ได้หมายความว่าบริษัทไม่ดี จะเจ๊ง แต่จะสะท้อนว่าความยืดหยุ่นของฐานะทางการเงินจะหายไปเท่านั้น”นายเลิศชัย กล่าว
สำหรับกลุ่มบริษัทที่พึ่งพึงการเติบโตจากเศรษฐกิจในประเทศนั้น มองว่าไม่น่าจะมีปัญหาหรือได้ผลกระทบ ทำให้จะต้องมีการติดตาม เพราะ เศรษฐกิจในประเทศยังมีการขยายตัวที่ดี ทำให้ผลประกอบการของธุรกิจมีการเติบโตที่ดี ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก สื่อสาร เป็นต้น แต่อาจมีบางกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเช่น กลุ่มอุตสาหกรรม ที่อิงกับเศรษฐกิจโลกไม่เยอะ เช่น กลุ่มปูน แม้จะได้ผลกระทบทางอ้อมในการส่งออกไม่ได้ แต่เศรษฐกิจในประเทศนั้นมีการเติบโตนั้นหนุนให้ธุรกิจมีการเติบโตมากขึ้น ทำให้ผลกระทบที่มีนั้นไม่แรง และ โรงแรม ที่อิงกับจำนวนนักท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งคงจะมีการจับตาเป็นปกติ
นายเลิศชัย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรก2555 ทางฟิทช์ยังไม่ได้มีการลดอันดับเครดิตบริษัทลูกค้าแต่อย่างใด มีแต่การคงอันดับเรทติ้งลูกค้า จำนวน 2-3 ราย โดยลูกค้าของบริษัทปัจจุบันนี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่อันดับเครดิตจะกระจุกตัวอยู่ในอันดับ A และ BBB โดยมีระดับAA ไม่ได้มากนัก เพียง 3-4 บริษัท โดยจะเป็นบริษัทในกลุ่มปตท.
นายสันติ กีระนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทต่างๆยังมีความสามารถดำเนินธุรกิจได้ดี ไม่น่ากังวลใจ ซึ่งปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป นั้นมีมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก บริษัทไทยนั้นมีการปรับตัวที่ดี ไม่มีกลุ่มธุรกิจไหนที่น่ากังวล โดยบริษัทไทยปัจจุบันนั้นมีฐานะทางการเงินที่ดี อยู่ที่A- ซึ่งในช่วง6-7 ที่ผ่านมาจะอยู่ที่ BBB
