xs
xsm
sm
md
lg

ไอ้ชาติโง่ มันไม่รู้จักความถูกต้อง (7)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ตอนที่ 5-6 ได้พูดแล้วว่า นักวิชาการขายตัวไทย+เครือข่ายและบริษัทล็อบบี้อเมริกัน สร้างความเข้าใจผิดใหญ่หลวงกระพือไปทั่วโลกว่าพระเจ้าแผ่นดินกับอำมาตย์ไทยร่วมมือกันขัดขวางและทำลายประชาธิปไตยที่ประชาชนสร้างขึ้น

ข้อกล่าวหานี้ยึดการเลือกตั้งเป็นหลัก ทึกทักเอาว่าประชาชนเป็นผู้สร้างประชาธิปไตยเพราะไปเลือกตั้ง และสรุปเอาดื้อๆ ว่าการเลือกตั้งนั้นคือประชาธิปไตย

ไอ้ชาติโง่มัน(แกล้ง)ไม่รู้ว่าคอมมิวนิสต์จีน โซเวียต เวียดนาม คิวบา ฯลฯ ก็ล้วนแต่มีการเลือกตั้ง นอกนั้นการเลือกตั้งที่เยอรมนี อิตาลี และฟิลิปปินส์ก็เคยผลิตจอมเผด็จการผลาญชาติและโลก คือ ฮิตเลอร์ มุสโซลินี และมาร์กอส มาแล้ว

สิงคโปร์ทักษิณก็มีเลือกตั้ง แต่ถูกขับออกจากสมาชิกภาพสังคมประชาธิปไตยสากล SI เพราะเขาสรุปว่าสิงคโปร์เป็นเผด็จการหาได้เป็นประชาธิปไตยไม่ สิงคโปร์เป็นระบอบเจ้าพ่อตามหนังสือ Economist

ทักษิณเคยบอกว่าไม่สนว่าการเมืองไทยจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็น ขอให้มันสัมฤทธิผลก็แล้วกัน

สัมฤทธิผลสมัยทักษิณเป็นนายกฯ คือประหารชีวิตคนโดยไม่ต้องขึ้นศาลหรือจับกุมสอบสวน ใช้เงินสลากกินแบ่งรัฐบาลเหมือนตนเป็นเจ้ามือกินรวบเสียเอง และโกงกินสารพัด จนต้องหนีคุกและคดีอีกเป็นพรวน

การเลือกตั้งของไทยตั้งแต่ปี 2490 มาแทบไม่มีที่ไม่สกปรกเลย

คำว่าเลือกตั้งสกปรกเกิดในปทานุกรมการเมืองไทยในปี 2500 ผมกับเพื่อนนักศึกษาไปพังประตูทำเนียบฯ ประท้วง โดยไม่เฉลียวใจว่าจะได้เผด็จการยิ่งกว่าเดิมขึ้นมา

การเลือกตั้งสกปรกผลิตสภาแบบใดขึ้นมา ขอให้ไปอ่านประกาศยุสภาของม.ร.ว.คึกฤทธิ์และของพลเอกเปรม เป็นตัวอย่าง สำหรับสภาปัจจุบันสืบมาจากการเลือกตั้งปี 2544 เป็นสภาจกเปรต เพราะมันซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า แถมใช้การตลาดประชานิยมมอมเมาประชาชน ขนเอาจกเปรตเข้ามาเต็มสภา

กระนั้นในหลวงก็ไม่เคยทำลายหรือขัดขวางการเลือกตั้งอย่างที่ฝรั่งกล่าวหาเลย

อำมาตย์ทหารที่เป็นตัวการสร้าง “วงจรอุบาทว์” คงต้องยอมรับว่าทำแท้งจนประชาธิปไตยไม่มีโอกาสเกิด รวมทั้งที่หัวหน้า รสช.ชื่อพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ที่ทักษิณประกาศว่าเคารพปานประหนึ่งบิดา เดินกรอกระดุมตามหน้าตามหลังจนขอสัมปทานสำเร็จ กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีและอภิมหาอำมาตย์ขึ้นมา

ผมใคร่ขอแก้ความเข้าใจผิดบางอย่าง ดังนี้

1. วาทกรรม “อำมาตย์” ของทักษิณและบริวารทำให้เข้าใจผิดว่าพระเจ้าอยู่หัวกับพลเอกเปรมเป็นอำมาตย์ ความจริงผิด พระมหากษัตริย์มิใช่อำมาตย์ ถึงแม้บางพระองค์ในอดีตจะเคยเป็นอำมาตย์มาก่อนปราบดาภิเษก พลเอกเปรมในฐานะองคมนตรีมิใช่อำมาตย์ถึงแม้จะเคยเป็นอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่มาก่อนสมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบกและนายกรัฐมนตรี โปรดฟังวาทกรรมอำมาตย์จากยูทุบท้ายบทความ

2. อำมาตย์คือผู้ดำรงตำแหน่งใหญ่น้อยในรัฐบาลและระบบราชการตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ผู้นำเหล่าทัพเรื่อยลงไปถึงผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาในชนบท อำมาตย์มีพฤติกรรมต่างกัน 3 พวก คือ 1. ซื่อสัตย์สุจริตรับใช้แผ่นดินและปวงราษฎร 2. ตรงบ้างคดบ้างแต่คิดว่าตนเองเป็นเจ้าบุญนายคุณสร้างความเจริญให้ประเทศเป็นที่พึ่งของราษฎร 3. ถืออำนาจบาทใหญ่เป็นนายราษฎรและผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา อาศัยอำนาจหน้าที่กอบโกยสร้างวาสนาบารมีให้ตนเองและญาติมิตรบริวาร

ทักษิณเป็นตัวอย่างของอภิมหาอำมาตย์ และบริวารของทักษิณในรัฐบาลปัจจุบันทั้งในระบบการเมืองและระบบราชการคืออำมาตย์ตัวจริง

3. วิวัฒนาการ Constitutional Monarchy ของอังกฤษเป็นประวัติการขับเคี่ยวระหว่างศาสนจักร สถาบันกษัตริย์ ศักดินา อำมาตย์ และประชาชน แต่เดิมศาสนามีอำนาจสูงสุดแล้วค่อยๆ หมดไป ก่อนการปฏิวัติอันรุ่งเรืองปี 1688 เริ่มศักราชประชาธิปไตย บางครั้งอำมาตย์กับราษฎรร่วมกันโค่นอำนาจกษัตริย์ เช่น การประหารพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่ง เป็นต้น ศักดินาและอำมาตย์อังกฤษต่างกับศักดินาไทยโดยสิ้นเชิง และเดี๋ยวนี้มีบทบาทอยู่ในสภาขุนนาง นักการเมือง และข้าราชการอังกฤษมิใช่อำมาตย์

4. สถาบันกษัตริย์ไทยอยู่เหนือและสนับสนุนพุทธศาสนาจักร อำมาตย์รับใช้และเป็นอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์แล้วแต่ยุคสมัยและสถานการณ์ทางการเมือง แต่เมื่ออำมาตย์ชนะก็มิได้ทำลายสถาบันกษัตริย์หากปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์เสียเอง แต่ต้องอาศัยศาสนา อำมาตย์และปวงราษฎรอยู่อย่างเดิม เพราะเป็น “อเนกนิกรสโมสรสมมติ” มิใช่ “สมมติเทวราช” ตะวันตก

5. แม้สถาบันกษัตริย์ไทยจะมิได้เป็นผู้นำในการสร้าง Constitutional Monarchy ก็มิได้ขัดขวาง อุปสรรคของประชาธิปไตยอยู่ที่นักการเมืองและอำมาตย์ต่างหาก

6. คุณูปการของสถาบันกษัตริย์นั้นมหาศาลจนอาจกล่าวได้ว่า หากไม่มีสถาบันกษัตริย์ก็จะไม่มีประเทศไทยในปัจจุบัน จริงอยู่สถาบันกษัตริย์ก็ใช่จะประเสริฐเลิศล้ำอำไพไร้ราคีก็หามิได้ โทษานุโทษบางอย่างย่อมมีอยู่เป็นธรรมดา หากไม่มีการปฏิรูปให้สอดคล้องกับยุคสมัย สถาบันกษัตริย์ก็ย่อมตกอยู่ภายใต้กฎแห่งความเป็นอนิจจังในศาสนาพุทธเหมือนกับสถาบันอื่นๆ ประชาธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้นที่จะรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ได้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยจอมปลอมอย่างทุกวันนี้

7. ผมเป็นซ้ายมาตลอดชีวิต แต่มองเห็นชัดว่าสถาบันกษัตริย์ไม่ขัดกับสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียมและประชาธิปไตย แท้จริงเป็นสถาบันเดียวด้วยซ้ำที่จะค้ำประกันความมั่นคงของสิ่งดังกล่าว ผมมีความเชื่อเช่นเดียวกับเจ้าของยูทูบนี้ http://www.youtube.com/watch?v=SStpMqvAi7E ว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยจะต้องนองเลือดแบบสงครามกลางเมืองหากสถาบันกษัตริย์ไม่ช่วย

ในตอนต้น ท่านเห็นตารางเปรียบเทียบความมั่งคั่งและเสรีภาพประเทศต่างๆแล้ว 25 ประเทศแรกที่มั่งคั่ง มีประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์เป็นประมุข 10 และราชาธิปไตยเศรษฐีน้ำมันอีก 3 ผมเชื่อว่าอีกไม่นานราชาธิปไตยจะต้องหมดไป

สำหรับไทยหากพวกเราไม่รู้จักประวัติศาสตร์ ดีแต่จะลอกเลียนของตะวันตก โดยคิดว่าเราด้อยกว่าเขามาแต่กำเนิดก็จะเช่นเดียวกัน ผมอยากให้เรารู้จักตนเองและภูมิใจในบรรพบุรุษของเราบ้าง

สยามเป็นราชอาณาจักรเก่าแก่ อุดมมีสมบูรณ์เลี้ยงโลกมานาน ปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นที่ 16-19 ของโลกแล้วแต่ความปรวนแปรประชากร สถาบันกษัตริย์ไทยพัฒนามานับพันปี

พระพระบรมไตรโลกนาถเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของโลกในยุคนั้น 40 ปี ค.ศ. 1448-1488 ปีคาบกับกษัตริย์อังกฤษถึง 7 พระองค์ 3 ราชวงศ์จากพระเจ้าเฮนรีที่ 6 (1422-1461) ราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ถึงพระเจ้าเฮนรีที่ 7 ราชวงศ์ทิวดอร์ (1485-1509)

กรุงศรีอยุธยาใหญ่กว่ากรุงลอนดอน การเมืองไทยมีความมั่นคงไม่แพ้การเมืองอังกฤษ แต่เป็นแบบของไทย ตอนนั้น ศัพท์คำว่าประชาธิปไตยหรือ Democracy เกิดขึ้นมานานแล้วในอังกฤษ โดยได้รับสืบทอดมาจากปรัชญาการเมืองของกรีก แต่อังกฤษก็ยังไม่เป็นประชาธิปไตย มีการแย่งชิงราชวงศ์กันตลอดเวลา และมีการแย่งชิงความเป็นใหญ่ระหว่างศาสนาจักร กษัตริย์ อำมาตย์กับประชาชน ครั้งหนึ่งอำมาตย์กับประชาชนจับมือกันได้ ใช้ทหารเป็นกำลัง และใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นเครื่องมือตัดสินประหารพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 (1625-1649) ในปี ค.ศ 1649 อังกฤษอยู่ภายใต้เผด็จการและสมบูรณาญาสิทธิราชย์สลับกันจนเกิดการปฏิวัติอันรุ่งเรือง Glorious Revolution ปี 1688 นำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ราชสำนักไทยคงได้ยินคำว่า Democracy มาตั้งแต่รัชกาลที่ 3 ส่วนคำว่าประชาธิปไตยเป็นศัพท์บัญญัติขึ้นมาใช้ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่ไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระนามว่าพระมหาธรรมราชาที่ 6 ของกรุงสุโขทัย (1346-74) อาจเรียกระบอบว่า “ธรรมราชาธิปไตย” คือ กษัตริย์ปกครองด้วยทศพิธราชธรรม สอดคล้องกับปรัชญาของเพลโตที่เห็นว่าการปกครองที่ดีที่สุดคือการปกครองโดยกษัตริย์ที่เป็นปราชญ์ http://en.wikipedia.org/wiki/Philosopher_king

พระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูประบบการปกครองและบริหารแผ่นดินเป็นแบบจตุสดมภ์คือเวียง-วัง-คลัง-นา ซึ่งยืนยาวมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อรัชกาลที่ 5 สมเด็จพระปิยมหาราช (1858-1910) ทรงปฏิรูปการปกครองใหญ่อีกครั้ง นักวิชาการทั่วโลกทำนายว่าสยามมีโอกาสจะเป็น Constitutional Monarchy และพัฒนาจนญี่ปุ่นตามไม่ทัน เงินบาทของราชอาณาจักรสยามเคยมีค่ามากกว่าเงินปอนด์ของกรุงอังกฤษถึง 2-3 เท่าก็มี

แต่ทำไมชาวไทยเดี๋ยวนี้จึงยากจนบักโกรก ประเทศชาติล้าหลังด้อยพัฒนา เมื่อเทียบกับประเทศประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขทุกประเทศกลับล้ำหน้าทั้งความมั่นคงมั่งคั่งและสิทธิเสรีภาพ

จริงอยู่ประชาธิปไตยอาจจะมิใช่ปัจจัยชี้ขาด ทั้งๆ ที่เรามีสถาบันและพระมหากษัตริย์อันประเสริฐ เราต่างกับเขาอยู่อย่างเดียวคือเราขาดประชาธิปไตย

อย่าปล่อยให้สื่อ นักวิชาการ และนักการเมืองหลอกลวงว่าเราเป็นประชาธิปไตย ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเราเป็นคณาธิปไตยเผด็จการมาโดยตลอด ที่จะหวังให้นักการเมืองนำประชาธิปไตยมาให้นั้นรอชาติหน้า เพราะฉะนั้น จงอย่าขายขี้โง่อีกว่า การเมืองต้องแก้ไขด้วยการเมือง

เวลาเหลืออยู่น้อยนิด โอกาสเดียวของไทยคือพึ่งปัญญาบารมีของพระเจ้าอยู่หัว การมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของปวงชนและกองทัพเท่านั้น ล้มระบบการเมืองทราม จัดระเบียบและฟื้นฟูบูรณะประเทศให้ได้

วาทกรรมอำมาตย์ในยูทูบ

แม้วหลุด อำมาตย์คือใคร
ไข “อำมาตย์ 80 กว่า”..ทักษิณหมิ่นสถาบัน
ในหลวงทรงตรัสกับสนธิบุญเกี่ยวกับทักษิณ Kings speech to Coup leader
บันทึกสีม่วง ระบอบอำมาตย์
อำมาตย์ของทักษิณ
http://www.youtube.com/watch?v=uv-cmb1lMyE
อำมาตย์คือปัญหาของชาติ Aristocrat is bad
อำมาตย์ตัวจริง
อำมาตย์ใหม่กับไพร่แดง
กำลังโหลดความคิดเห็น