ASTVผู้จัดการรายวัน-โพลสำรวจนโยบายรัฐบาล 1 ปี นักธุรกิจ ประชาชน ให้รัฐบาล “ปู” สอบตกแก้โกง ขณะที่การป้องกันน้ำท่วม คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่น ผงะ! มือปืนโหดลอบสังหารแกนนำเรียกร้องเงินชดเชยน้ำท่วมกรุงเก่า และหัวคะแนนใหญ่อำเภอบางไทร
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนะต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการธุรกิจจำนวน 1,200 ตัวอย่าง ตั้งแต่วันที่ 16-21 ส.ค.2555 ว่า ภาพรวม ถือว่ารัฐบาลสอบผ่านในเรื่องของความตั้งใจทำงาน โดยผู้ประกอบการให้คะแนนความพอใจอยู่ที่ 6.80 คะแนน ขณะที่ประชาชนให้ 7.42 เต็ม 10 คะแนน แต่ในด้านความสำเร็จในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ถือว่าผ่านเกณฑ์แบบฉิวเฉียด ผู้ประกอบการให้คะแนน 6.28 ประชาชนทั่วไปให้ 5.47 เต็ม 10 คะแนน
สำหรับคะแนนความพอใจ ความสำเร็จจากการดำเนินงาน 16 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลชุดนี้ โดยรวมอยู่ที่ 7 คะแนน ถือว่าสอบผ่าน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ แต่ในเรื่องการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ถือว่าสอบตก เพราะประชาชนส่วนใหญ่ให้คะแนนเพียงแค่ 4.6 เต็ม 10 คะแนนเท่านั้น ขณะที่การแก้ปัญหาความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้
การสร้างความปรองดองและโครงการแจกแท็บเล็ตถือว่าผ่านแบบคาบเส้น
”การประเมินผลงานรัฐบาลช่วง 1 ปีที่ผ่านมาถือว่ายากมาก เพราะมีเรื่องของปัญหาน้ำท่วมช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยถึง 4% และเมื่อช่วงต้นปี ก็มาเจอวิกฤตยูโรโซนอีก แต่ผลโพลส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตอยู่ในกรอบ 5.5-6% จึงถือว่ารัฐบาลสอบผ่าน ที่สามารถประคองเศรษฐกิจไทยให้กลับมาโตได้ในระดับเกิน 5%
โดยที่ยังสามารถดูแลราคาสินค้าไม่ให้เงินเฟ้อเกินกรอบ 3% ได้”นายธนวรรธน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจไทยยังโตได้อยู่ แลกมาจากการที่รัฐบาลใช้รายได้จากเงินภาษีรวมเบ็ดเสร็จกว่า 4 แสนล้านบาท ไปกับโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร การลดหย่อนภาษีต่างๆ ทั้งภาษีนิติบุคคล ภาษีบ้านและรถคันแรก รวมทั้งยังไม่มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อช่วยตรึงราคาขายปลีกน้ำมันไว้
นายธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ภาคประชาชนและผู้ประกอบการต่างมีความเห็นสอดคล้องไปทางเดียวกันว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น เพราะยังไม่เห็นรัฐบาลออกมายืนยันชัดเจนว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมอีก และการทำงานเตรียมการของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ล่าช้า ไม่เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งคะแนนโดยรวมอยู่ที่ระดับ 6 เต็ม 10 คะแนน ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้เห็นภาพชัดขึ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่น
ส่วนการทำงานช่วงปีที่ 2 ของรัฐบาล ประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลเน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันผ่านการสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ระบบการศึกษา การบริหารจัดการน้ำ และการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
*ผงะ!ยิงแกนนำร้องเงินน้ำท่วม
เวลา 15.00 น.วานนี้ (23 ส.ค.) พ.ต.ท.เทิดศักดิ์ นัยนา พนักงานสอบสวน สภ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดเหตุลอบสังหารแกนนำเรียกร้องเงินชดเชยน้ำท่วมปี 2554 อย่างโหดเหี้ยมที่หน้าร้านรับจ้างถ่ายภาพนริศโฟโต้ เลขที่ 63/1 ม.2 ต.บางไทร อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ตั้งอยู่กลางตลาดอำเภอบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดแต่เป็นชนิดปืนลูกโม่ 3 นัดยิงใส่นายนริศ พรหมพงศ์ อายุ 49 ปี เจ้าของร้านเสียชีวิต คมกระสุนเข้าที่ศีรษะจำนวน 2 นัด สีข้างซ้าย 1 นัด ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่กลางชุมชนเมืองของอำเภอบางไทร และอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น
หลังกระหน่ำยิงคนร้ายได้รีบขึ้นรถเก๋งโตโยต้า วีออส ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลัง แต่แผ่นหน้าติดหมายเลข ณช-6198 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป จากนั้นผ่านไป 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถไล่จับรถเก๋งของคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ที่บ้านเลขที่ 10 ม.7 ต.โคกช้าง อ.บางไทร พร้อมจับกุมนายเอกชัย ดารา อายุ 29 ปี ซึ่งรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถ
ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุยิง คือ นายขันทอง โกสะ อายุ 40 ปี อดีตลูกจ้างเทศบาลตำบลบางไทร ซึ่งลงจากรถหลบหนีไประหว่างทาง พร้อมกับปืนที่ก่อเหตุ ส่วนสาเหตุการสังหารนายเอกชัย ที่เป็นคนขับรถ อ้างว่าไม่ทราบ เพียงแต่ถูกร้องขอให้ขับรถมาเท่านั้น
สำหรับผู้เสียชีวิตเป็นแกนนำเรียกร้องเงินชดเชยน้ำท่วมปี 2554 ด้วยการขับไล่ผู้บริหารเทศบาลตำบลบางไทร และยังเป็นหัวคะแนนใหญ่ของการเลือกตั้ง ส.อบจ.พระนครศรีอยุธยา เขต อ.บางไทร จนทำให้ผลคะแนนเลือกตั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมามีการล้มแชมป์เก่าเกิดขึ้น โดยทั้ง 2 ประเด็นของปมการสังหาร ชาวบ้านวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เน้นความสำคัญ และเร่งดำเนินการจับกุมมือปืน ที่ยังหลบหนีอีก 1 คนและคนจ้างวานให้เร็วที่สุด เพราะหลักฐานชัดเจน มีภาพวงจรปิดและจับคนร่วมก่อเหตุได้
นายเฉลิม เกตุสุนทร อายุ 60 ปี หนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า ปมการสังหารไม่พ้นสองเรื่องที่ชาวบ้านสงสัย เพราะแกนนำทุกคนรู้ตัวมาก่อนหน้านี้เพราะมีการข่มขู่เอาชีวิต โดยกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ในทั้ง 2 ประเด็นเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งมีอิทธิพลในพื้นที่ มาถึงวันนี้ชาวบ้านไม่กลัวแล้ว ทำไมต้องใช้วิธีการรุนแรงถึงขนาดต้องฆ่ากันด้วย ตนเองไม่เข้าใจ เรื่องการถูกข่มขู่นั้นและความหวาดกลัวของแกนนำว่าจะถูกฆ่านั้นเลยมีการแจ้งให้ตำรวจทราบแล้วว่าอาจมีการฆ่ากัน แต่ตำรวจก็บอกว่ายังไม่เกิดเหตุ แต่ที่สุดมันเกิดเหตุขึ้นแล้ว
"ต่อไปชาวบ้านจะทำอย่างไร ขณะนี้ชาวบ้านได้บอกให้นักการเมืองท้องถิ่นที่ล้มแชมป์และมีคะแนนชนะเป็นที่หนึ่งของการเลือกตั้งเขต อ.บางไทรเขต 1 หลบซ่อนตัวแล้ว เพราะเกรงจะถูกฆ่าอีก 1 คน"
พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการจับกุมมือปืนที่หลบหนีอีก 1 รายโดยเร็วที่สุด ส่วนสาเหตุต้องให้ความสำคัญและความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในข้อขัดแย้งของคนในชุมชน และต้องรอผลการสอบปากคำอย่างละเอียดของคนขับรถที่จับกุมได้ และรอสอบปากคำมือปืนที่ลั่นกระสุน.
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนะต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการธุรกิจจำนวน 1,200 ตัวอย่าง ตั้งแต่วันที่ 16-21 ส.ค.2555 ว่า ภาพรวม ถือว่ารัฐบาลสอบผ่านในเรื่องของความตั้งใจทำงาน โดยผู้ประกอบการให้คะแนนความพอใจอยู่ที่ 6.80 คะแนน ขณะที่ประชาชนให้ 7.42 เต็ม 10 คะแนน แต่ในด้านความสำเร็จในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ถือว่าผ่านเกณฑ์แบบฉิวเฉียด ผู้ประกอบการให้คะแนน 6.28 ประชาชนทั่วไปให้ 5.47 เต็ม 10 คะแนน
สำหรับคะแนนความพอใจ ความสำเร็จจากการดำเนินงาน 16 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลชุดนี้ โดยรวมอยู่ที่ 7 คะแนน ถือว่าสอบผ่าน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ แต่ในเรื่องการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ถือว่าสอบตก เพราะประชาชนส่วนใหญ่ให้คะแนนเพียงแค่ 4.6 เต็ม 10 คะแนนเท่านั้น ขณะที่การแก้ปัญหาความรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้
การสร้างความปรองดองและโครงการแจกแท็บเล็ตถือว่าผ่านแบบคาบเส้น
”การประเมินผลงานรัฐบาลช่วง 1 ปีที่ผ่านมาถือว่ายากมาก เพราะมีเรื่องของปัญหาน้ำท่วมช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยถึง 4% และเมื่อช่วงต้นปี ก็มาเจอวิกฤตยูโรโซนอีก แต่ผลโพลส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตอยู่ในกรอบ 5.5-6% จึงถือว่ารัฐบาลสอบผ่าน ที่สามารถประคองเศรษฐกิจไทยให้กลับมาโตได้ในระดับเกิน 5%
โดยที่ยังสามารถดูแลราคาสินค้าไม่ให้เงินเฟ้อเกินกรอบ 3% ได้”นายธนวรรธน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจไทยยังโตได้อยู่ แลกมาจากการที่รัฐบาลใช้รายได้จากเงินภาษีรวมเบ็ดเสร็จกว่า 4 แสนล้านบาท ไปกับโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร การลดหย่อนภาษีต่างๆ ทั้งภาษีนิติบุคคล ภาษีบ้านและรถคันแรก รวมทั้งยังไม่มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อช่วยตรึงราคาขายปลีกน้ำมันไว้
นายธนวรรธน์กล่าวว่า สำหรับความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ภาคประชาชนและผู้ประกอบการต่างมีความเห็นสอดคล้องไปทางเดียวกันว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่น เพราะยังไม่เห็นรัฐบาลออกมายืนยันชัดเจนว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมอีก และการทำงานเตรียมการของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ล่าช้า ไม่เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งคะแนนโดยรวมอยู่ที่ระดับ 6 เต็ม 10 คะแนน ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้เห็นภาพชัดขึ้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่น
ส่วนการทำงานช่วงปีที่ 2 ของรัฐบาล ประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลเน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันผ่านการสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ระบบการศึกษา การบริหารจัดการน้ำ และการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
*ผงะ!ยิงแกนนำร้องเงินน้ำท่วม
เวลา 15.00 น.วานนี้ (23 ส.ค.) พ.ต.ท.เทิดศักดิ์ นัยนา พนักงานสอบสวน สภ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดเหตุลอบสังหารแกนนำเรียกร้องเงินชดเชยน้ำท่วมปี 2554 อย่างโหดเหี้ยมที่หน้าร้านรับจ้างถ่ายภาพนริศโฟโต้ เลขที่ 63/1 ม.2 ต.บางไทร อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ตั้งอยู่กลางตลาดอำเภอบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดแต่เป็นชนิดปืนลูกโม่ 3 นัดยิงใส่นายนริศ พรหมพงศ์ อายุ 49 ปี เจ้าของร้านเสียชีวิต คมกระสุนเข้าที่ศีรษะจำนวน 2 นัด สีข้างซ้าย 1 นัด ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่กลางชุมชนเมืองของอำเภอบางไทร และอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น
หลังกระหน่ำยิงคนร้ายได้รีบขึ้นรถเก๋งโตโยต้า วีออส ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลัง แต่แผ่นหน้าติดหมายเลข ณช-6198 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป จากนั้นผ่านไป 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถไล่จับรถเก๋งของคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ที่บ้านเลขที่ 10 ม.7 ต.โคกช้าง อ.บางไทร พร้อมจับกุมนายเอกชัย ดารา อายุ 29 ปี ซึ่งรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถ
ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุยิง คือ นายขันทอง โกสะ อายุ 40 ปี อดีตลูกจ้างเทศบาลตำบลบางไทร ซึ่งลงจากรถหลบหนีไประหว่างทาง พร้อมกับปืนที่ก่อเหตุ ส่วนสาเหตุการสังหารนายเอกชัย ที่เป็นคนขับรถ อ้างว่าไม่ทราบ เพียงแต่ถูกร้องขอให้ขับรถมาเท่านั้น
สำหรับผู้เสียชีวิตเป็นแกนนำเรียกร้องเงินชดเชยน้ำท่วมปี 2554 ด้วยการขับไล่ผู้บริหารเทศบาลตำบลบางไทร และยังเป็นหัวคะแนนใหญ่ของการเลือกตั้ง ส.อบจ.พระนครศรีอยุธยา เขต อ.บางไทร จนทำให้ผลคะแนนเลือกตั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมามีการล้มแชมป์เก่าเกิดขึ้น โดยทั้ง 2 ประเด็นของปมการสังหาร ชาวบ้านวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เน้นความสำคัญ และเร่งดำเนินการจับกุมมือปืน ที่ยังหลบหนีอีก 1 คนและคนจ้างวานให้เร็วที่สุด เพราะหลักฐานชัดเจน มีภาพวงจรปิดและจับคนร่วมก่อเหตุได้
นายเฉลิม เกตุสุนทร อายุ 60 ปี หนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า ปมการสังหารไม่พ้นสองเรื่องที่ชาวบ้านสงสัย เพราะแกนนำทุกคนรู้ตัวมาก่อนหน้านี้เพราะมีการข่มขู่เอาชีวิต โดยกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ในทั้ง 2 ประเด็นเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งมีอิทธิพลในพื้นที่ มาถึงวันนี้ชาวบ้านไม่กลัวแล้ว ทำไมต้องใช้วิธีการรุนแรงถึงขนาดต้องฆ่ากันด้วย ตนเองไม่เข้าใจ เรื่องการถูกข่มขู่นั้นและความหวาดกลัวของแกนนำว่าจะถูกฆ่านั้นเลยมีการแจ้งให้ตำรวจทราบแล้วว่าอาจมีการฆ่ากัน แต่ตำรวจก็บอกว่ายังไม่เกิดเหตุ แต่ที่สุดมันเกิดเหตุขึ้นแล้ว
"ต่อไปชาวบ้านจะทำอย่างไร ขณะนี้ชาวบ้านได้บอกให้นักการเมืองท้องถิ่นที่ล้มแชมป์และมีคะแนนชนะเป็นที่หนึ่งของการเลือกตั้งเขต อ.บางไทรเขต 1 หลบซ่อนตัวแล้ว เพราะเกรงจะถูกฆ่าอีก 1 คน"
พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการจับกุมมือปืนที่หลบหนีอีก 1 รายโดยเร็วที่สุด ส่วนสาเหตุต้องให้ความสำคัญและความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในข้อขัดแย้งของคนในชุมชน และต้องรอผลการสอบปากคำอย่างละเอียดของคนขับรถที่จับกุมได้ และรอสอบปากคำมือปืนที่ลั่นกระสุน.
