xs
xsm
sm
md
lg

“ทุจริตเสรี”ซีรีย์รบ.ปู ปูด!พาณิชย์ตบตาขายข้าวลม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(21 ส.ค.55) นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมแถลง 1 ปีของจริงไม่อิงละคร ตอนที่ 2 ต่อจาก นโยบายพลังงานล้มเหลว โดยตอนที่สองชื่อ หายนะโครงการจำนำข้าวและมันสำปะหลัง
นายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า ช่วงนี้ครบรอบหนึ่งปีของโครงการจำนำได้สร้างความเจ็บปวดให้เกษตรกรจากการเอาเปรียบและการทุจริตในโครงการ ซึ่งในโครงการจำนำข้าวนั้นชาวนาถูกเอาเปรียบเรื่องโกงความชื้น ตาชั่ง มีสิงเจือปน ได้รับเงินช้า ทุจริตทุกขั้นตอน สวมสิทธิ เอาข้าวเก่าเวียนเทียน เอาข้าวเสื่อมสภาพมาจำนำ ยอดรวมการจำนำ 17.2 ล้านตันใช้งบ 2.6 แสนล้านบาท มีตัวเลขขาดทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่การขาดทุนดังกล่าวชาวนาไป 37,250 ล้านบาท โรงสี 18,000 ล้าน ผู้ส่งออกที่ใกล้ชิดรัฐบาลได้ 23,400 ล้านบาท โกดังและเซอเวเยอร์ 4,200 ล้านบาท นักการเมืองเจ้าหน้าที่รัฐได้ประโยชน์ 17,150 ล้านบาท ทั้งที่เงินทั้งหมดควรเป็นของชาวนา
สำหรับโครงการจำนำมันสำปะหลังมีการชุมนุมประท้วงของเกษตรกรเกือบทุกจังหวัดที่ปลูกมันสำปะหลัง รัฐบาลใช้งบประมาณ 27,000 ล้านบาท ซึ่งปกติจะเริ่ม พ.ย.จบ เม.ย. แต่รัฐบาลตัดสินใจช้าขยายเวลาออกไปถึง มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ปริมาณมันสำปะหลังเหลือน้อย แต่ยอดจำนำรวม 9.43 ล้านตัน ตัวเลขการนำมันเข้าจำนำหลังสงกรานต์สูงถึง 5.03 ตัน ขณะที่ช่วงที่มีมันสำปะหลังมากมีการจำนำเพียง 4.40 ล้านตัน ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมามันมาจากไหน จึงสรุปว่ารัฐบาลสร้างนิยามใหม่โครงการจำนำ ทุจริตเสรีโกงตามใจชอบ
ด้านนายสรรเสริญ กล่าวว่า โครงการจำนำของรัฐบาลมีผลต่อเศรษฐกิจมหภาค กระทบการส่งออกโดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 55 เทียบกับปี 54 ระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลอภิสิทธิ์ ถือว่าการส่งออกมีปัญหา โดยในภาพรวมจะส่งออกในส่วนอุตสาหกรรมและเกษตร ครึ่งปีแรกภาคอุตสาหกรรมเป็นบวกกว่า 1 แสนล้านบาทจึงไม่เป็นปัญหา ต้องชื่นชมนักธุรกิจที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งนำรายได้มาสู่ประเทศ แต่ภาคส่งออกการเกษตรมีปัญหาในครึ่งปีแรกตัวเลขลดลงกว่า 8 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว โดยสัดส่วนที่ลดลงเกิดจากการส่งออกข้าวและยางพารา ข้าวลดลง 3.8 หมื่นล้าน ส่วนยางพาราลดลง 4.8 หมื่นล้าน เชื่อว่ารัฐบาลคงจะออกมาตอบโต้ว่าการส่งออกที่ลดลงเป็นผลจากตลาดโลกที่ซบเซาทั้งที่ความจริงไม่ใช่ เพราะถ้าเกิดจากตลาดโลกปริมาณการส่งออกกับมูลค่าการส่งออกต้องลดลงไล่เลี่ยกัน แต่สิ่งที่ปรากฏคือปริมาณการส่งออกข้าวลดลง 48 % แต่มูลค่าลดลง 36 % มาจากราคาข้าวที่ขายแพงขึ้น ติดลบดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดครั้งแรกในรอบ 15 ปี จะกระทบรายได้ประชาชนของประเทศ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เงินสำรองระหว่างประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยน เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนนโยบายจำนำข้าวก่อนที่ความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจและรายได้ประชาชนจะลดลง
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประมาณการตัวเลขการส่งออกของสภาพัฒน์ที่ลดลงจาก 15 % เหลือ 7.3 % ว่า เป็นสัญญาณที่ไม่ดีในทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ภาพรวมการส่งออกครึ่งปีแรกติดลบ 2 % การส่งออกสินค้าเกษตรลดลง 9.1 % สะท้อนว่าประเทศกำลังมีปัญหา แม้ว่าวิกฤตยูโรโซนยังมาไม่ถึงเมืองไทย แต่ถ้ากระทบมาถึงไทยก็เชื่อว่าในสถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลไม่มีฦูมิคุ้มกันเพียงพอที่จะป้องกันประเทศไทยจากวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าวได้ โดยในขณะนี้มีแค่กระทรวงพาณิชย์ที่ยังหลอกตัวเองและหลอกประชาชนว่าจะส่งออกได้ 15 % ทั้งนี้ที่น่าเป็นห่วงคือ ยังไม่ชัดเจนด้วยว่าในไตรมาสสุดท้ายตัวเลขจะต่ำลงไปอีกหรือไม่ นอกจากนี้รัฐบาลยังมีปัญหาเรื่องการใช้จ่ายโดยภายในปีเดียวกู้เงินถึง 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งพวกตนต้องเรียกรัฐบาลชุดนี้ว่าเป็น พี่ เพราะกู้เก่งกว่าสองเท่าของรัฐบาลอภิสิทธิ์ในปี 2552 ที่กู้เงิน 7.662 แสนล้านบาท ดังนั้นคำว่า เก่งแต่กู้ ที่เคยกล่าวหารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ขอให้เก็บไว้ให้พรรคเพื่อไทยใช้กันเอง ซึ่งหากรัฐบาลยังสร้างหนี้โดยที่ยังไม่เห็นแนวทางการสร้างรายได้เข้าประเทศ ก็คิดว่าสถานการณ์ของไทยจะเกิดวิกฤตไม่แตกต่างจากปี 2540 ถ้าหากรัฐบาลยังมุ่งหน้าทำลายระบบเศรษฐกิจและพื้นฐานทางการเกษตรด้วยการหว่านประชานิยมไม่คำนึงถึงอนาคตประเทศ ตนเชื่อว่าบ้านเมืองพังพินาศแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะออก ซีรีส์ “1 ปี ของจริง ไม่อิงละคร” ตอนที่ 2 “ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ” ต่อเนื่องในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ราคายางพารา น้ำมันปาล์ม และมะพร้าว โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ (เงา)นาย ชินวรณ์ บุณยเกียรติ
อีกด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประกาศเกณฑ์ประมูลข้าวจำนวน 753,000 ตัน ในสัปดาห์หน้า เพื่อระบายข้าวออกจากสต็อก ก่อนกำหนดกรอบระบายข้าวใหม่อีกครั้งในเดือนตุลาคม
รัฐบาลไทย ได้ใช้นโยบายประชานิยม ในการเข้าไปแทรกแซงตลาดค้าข้าว ด้วยการรับจำนำข้าวของชาวนาในราคาตันละ 15,000 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 9,000 บาท ทำให้ข้าวราคาสูงจนไม่อาจแข่งขันในตลาดโลกได้ ขณะที่ราคาข้าวของเวียดนาม และอินเดียอยู่ที่ราวตันละ 170 ดอลลาร์ หรือราว 5,100 บาท ถูกกว่าข้าวของไทยกว่าครึ่ง และทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระข้าวล้นสต็อคอยู่ถึง 17 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวที่ผ่านการสีแล้วราว 10 ล้านตัน
กระทรวงพาณิชย์ ประกาศว่า จะเปิดให้มีการประมูลข้าวในวันที่ 28 สิงหาคม ทั้งขายในประเทศและส่งออก นายบุญทรง ยังให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ส ด้วยว่า ได้ขายข้าวให้จีนไปแล้ว 2 ล้านตัน และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาที่จะขายข้าวในอินโดนีเซียอีก 1 ล้านตัน โดยหวังว่าอินโดนีเซียจะตกลงซื้อข้าวจากไทยในเร็ว ๆ นี้
แต่เทรดเดอร์และเจ้าหน้าที่ในอุตสาหกรรมค้าข้าว ต่างระบุว่า ข้อตกลงกับจีนและอินโดนีเซีย เป็นเพียงบันทึกความเข้าใจ ไม่ใช่ข้อตกลงซื้อขาย ที่จะต้องมีกำหนดวันชำระเงินและการส่งมอบเจ้าหน้าที่ในรัฐบาล ที่ไม่เปิดเผยนาม เนื่องจากเป็นประเด็นอ่อนไหว ได้ยืนยันในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
อีกด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวหาเรื่องการแก้ไขปัญหาราคายางพาราไม่ได้ แต่กลับของบประมาณเพิ่มเติม ถือเป็นการทุจริตหรือไม่ว่า ฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ในการกล่าวหา ตนยืนยันทุกอย่างที่ดำเนินการเป็นไปอย่างบริสุทธิ์และตรงไปตรงมา ไม่มีแนวคิดที่จะไปหาเศษหาเลยจากเกษตรกร ทุกอย่างตรวจสอบได้ หากกล่าวหาว่าทุจริตก็อย่าพูดพล่อยๆ ขอให้เอาหลักฐานมา ถ้าพบทุจริตชั้นใดจะดำเนินการไม่ไว้หน้า ขณะนี้มีข่าวบางกระแสว่าบางพื้นที่มีการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาสวมสิทธิ์ยางพาราเพื่อมาจำหน่ายในราคาโครงการ ก็อยากเห็นหน้าว่าเป็นใคร ตนได้ส่งทีมงานจากส่วนกลางไปประสานงานกับส่วนภูมิภาค เพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนแล้ว ถ้ามีหลักฐานก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
"ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ขึ้นราคายางพารานั้น ตนได้ทำความเข้าใจกับแต่ละจังหวัดแล้ว เชื่อว่าพื้นฐานของเกษตรกรเข้าใจสถานการณ์ราคา และเห็นความตั้งใจรัฐบาลในการแก้ปัญหานี้ เรื่องนี้ตนเดินหน้าเต็มที่ และนายกรัฐมนตรีก็ดูแลอย่างใกล้ชิด การชุมนุมถ้าเดือดร้อนตนก็รับฟัง แต่เห็นหลายที่มีผู้ช่วยส.ส.พรรคฝ่ายค้าน มีทีมงานพรรคฝ่ายค้านเป็นคนมาจัดแจง ซึ่งเรื่องนี้เป็นแค่การตั้งข้อสังเกตไม่ได้กล่าวหาอะไร อย่างที่บอกว่ารัฐบาลเป็นของคนทั้งประเทศ เมื่อเป็นรัฐบาลก็ต้องดูแล"นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ปลายเดือนนี้ตนได้ประสานอินโดนีเซียกับมาเลเซียว่าจะเดินทางไปพบเพื่อกระชับความร่วมมือและประเมินสถานการณ์ร่วมกัน ถ้าปลายเดือนมาตรการที่เราออกมาไม่สามารถทำให้ราคายางขยับขึ้น คงจะหารือเพื่อมีมาตรการเพิ่ม เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาได้มีการหารือกับภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งมีปริมาณการผลิตยางรถยนต์มากที่สุดของประเทศ เขาได้พูดตรงกันว่าทางการของจีนมองปรากฎการณ์ราคายางขณะนี้ว่าตกต่ำเกินความเป็นจริง ผู้ประกอบการในจีนก็วิตกกังวลในความผันผวน เพราะมีผลสำหรับการวางแผนธุรกิจของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งในการเดินทางไปอินโดนีเซียและมาเลเซีย อาจจะใช้กลไก 3 ประเทศแสวงความร่วมมือกับรัฐบาลจีนเพื่อผลักดันราคายาง
กำลังโหลดความคิดเห็น