วานนี้(20 ส.ค. 55) นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง หารือต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ดำเนินการ กับผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งโดยด่วน เนื่องจากขณะนี้พบว่ามีผู้บุกรุกพื้นที่ป่าดังกล่าว เพื่อทำสวนปาล์มน้ำมัน นอกจากนั้นแล้วเพื่อป้องกันปัญหาควรทำแนวป่าให้ชัดเจน พิสูจน์สิทธิ์การครอบครองพื้นที่ของประชาชน ในพื้นที่เพื่อป้องกันการบุกรุกป่า นอกจากนั้นแล้วขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ เอาผิดบุคคลที่สังหารกลุ่มอนุรักษ์ป่าพรุควรเคร็งเร่งด่วนด้วย
นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฏร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพพื้นที่และได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าบริเวณพรุควนเคร็ง พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่คลองยวน จังหวัดพัทลุง พบความเสียหายมากกว่า 10,000 ไร่ สภาพป่าทั่วไปเป็นป่าพรุ และทุ่งหญ้าและกระจูด สาเหตุเกิดจาก
1.เผาป่าเพื่อสะดวกในการหาปลาโดยเมื่อไฟไหม้ป่าแล้วทำให้การเดินทางเพื่อหาปลาง่ายขึ้น และส่วนที่ไฟไม่ไหม้จะเป็นหลุมน้ำซึ่งมีปลาอยู่อาศัยและหลบภัยเป็นจำนวนมาก
2.เผาหญ้า วัชพืชในแปลงเกษตรในพื้นที่กรรมสิทธิ์หรือพื้นที่รอพิสูจน์สิทธิ์ตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 เพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรรอบใหม่ ทำให้ลุกลามมาสู่นอกแปลงซึ่งเป็นพื้นที่ สปก. เขตห้ามล่า ป่าสงวนแห่งชาติ
3.มีการกลั่นแกล้ง แย่งชิงแปลงกระจูดซึ่งมีอยู่ทั่วไปในบริเวณดังกล่าว มีความต้องการและราคาสูงเพื่อนำไปทำเสื่อและผลิตภัณฑ์จากกระจูด
จึงมีความเห็นว่าควรต้องแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวดังต่อไปนี้
1.ทำแนวกันไฟให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยในที่ดินกรรมสิทธิ์และที่ดินรอพิสูจน์สิทธิ์ก่อนจุดไฟเผาในแปลงเกษตรนั้นๆ
2.แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่า หรือเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ หรือกรมอุทยานฯทุกครั้งที่จะทำการเผาป่าเพื่อช่วยควบคุมป้องกัน
3.เร่งเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อวิธีปรับพื้นที่ทำการเกษตรโดยไม่ใช้วิธีเผาป่า
4.เร่งจัดการยึดคืนพื้นที่ที่มีการบุกรุกแบบยึดถือครอบครองมือเปล่า เร่งพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดิน เร่งยึดคืนพื้นที่ที่ครอบครองโดยมิชอบไม่ว่าจะเป็นของนักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่นหรือของใครก็ตามอย่างเร่งด่วน
นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า จากปัญหาการอ้างออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ่อล้อ จ. พัทลุง จำนวน 550 แปลงพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ซึ่งเดิมกรมอุทยานฯจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ 2 ชุดๆละ 15 คนเพื่อให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือนนั้น แต่กรมอุทยานฯ เกรงว่าจะล่าช้าเกินไป ดังนั้นจึงเปลี่ยนแปลงคณะกรรม การใหม่ โดยจะตั้งเป็น 39 ชุดๆละ 3 คนมาจากเจ้าหน้าที่ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4,5 และ 6 รวมทั้งสิ้น 117 คน เพื่อระดมตรวจพื้นที่เป็นรายแปลงแบบเดียวกับโมเดลของทับลาน และตั้งเป้าแล้วเสร็จใน 1 เดือนไม่ยืดเยื้อ
นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานอีก 2 ชุดๆละ 5 คนเป็นนักกฏหมาย เจ้าหน้าที่รังวัดสำรวจที่ดิน เจ้าหน้าแปลภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อตรวจสอบคู่ขนานไปกับชุดที่ตรวจรายแปลงมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว โดยจะใช้ภาพถ่ายทางอากาศมาเป็นหลักฐานตรวจสอบการอ้างสิทธิ์ เนื่องจากป่าพรุควนเคร็งไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้าทำประโยชน์มาตั้งแต่ต้นแล้ว เนื่องจากระบบนิเวศของป่าพรุมีความเปราะบางมาก
เมื่อถามถึงรูปแบบการบุกรุกป่าพรุ นายเริงชัย กล่าวว่า ลักษณะของการเข้าบุกรุกป่าพรุ ส่วนใหญ่ มักจะใช้ไฟจุดเผาพื้นที่ลุกลามจากแปลงเกษตรที่ส่วนใหญ่เป็นแปลงปาล์มน้ำมันของนายทุน ผู้มีอิทธิพล และชาวบ้านในพื้นที่ โดยจะค่อยๆเผาจนลามมาเขตป่าพรุ เปิดพื้นที่เพราะป่าพรุจะติดไฟได้ง่าย โดยเฉพาะฤดูนี้ที่พบว่าระดับน้ำใต้ดินมีน้อยมาก ซึงปีนี้พบว่าพรุควนเคร็งระดับน้ำใต้ดินลดลงเหลือแค่ 20 ซม. เมื่อติดไฟจึงลามขยายเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฏร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพพื้นที่และได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าบริเวณพรุควนเคร็ง พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่คลองยวน จังหวัดพัทลุง พบความเสียหายมากกว่า 10,000 ไร่ สภาพป่าทั่วไปเป็นป่าพรุ และทุ่งหญ้าและกระจูด สาเหตุเกิดจาก
1.เผาป่าเพื่อสะดวกในการหาปลาโดยเมื่อไฟไหม้ป่าแล้วทำให้การเดินทางเพื่อหาปลาง่ายขึ้น และส่วนที่ไฟไม่ไหม้จะเป็นหลุมน้ำซึ่งมีปลาอยู่อาศัยและหลบภัยเป็นจำนวนมาก
2.เผาหญ้า วัชพืชในแปลงเกษตรในพื้นที่กรรมสิทธิ์หรือพื้นที่รอพิสูจน์สิทธิ์ตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 เพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรรอบใหม่ ทำให้ลุกลามมาสู่นอกแปลงซึ่งเป็นพื้นที่ สปก. เขตห้ามล่า ป่าสงวนแห่งชาติ
3.มีการกลั่นแกล้ง แย่งชิงแปลงกระจูดซึ่งมีอยู่ทั่วไปในบริเวณดังกล่าว มีความต้องการและราคาสูงเพื่อนำไปทำเสื่อและผลิตภัณฑ์จากกระจูด
จึงมีความเห็นว่าควรต้องแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวดังต่อไปนี้
1.ทำแนวกันไฟให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยในที่ดินกรรมสิทธิ์และที่ดินรอพิสูจน์สิทธิ์ก่อนจุดไฟเผาในแปลงเกษตรนั้นๆ
2.แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่า หรือเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ หรือกรมอุทยานฯทุกครั้งที่จะทำการเผาป่าเพื่อช่วยควบคุมป้องกัน
3.เร่งเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อวิธีปรับพื้นที่ทำการเกษตรโดยไม่ใช้วิธีเผาป่า
4.เร่งจัดการยึดคืนพื้นที่ที่มีการบุกรุกแบบยึดถือครอบครองมือเปล่า เร่งพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดิน เร่งยึดคืนพื้นที่ที่ครอบครองโดยมิชอบไม่ว่าจะเป็นของนักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่นหรือของใครก็ตามอย่างเร่งด่วน
นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า จากปัญหาการอ้างออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ่อล้อ จ. พัทลุง จำนวน 550 แปลงพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ ซึ่งเดิมกรมอุทยานฯจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ 2 ชุดๆละ 15 คนเพื่อให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือนนั้น แต่กรมอุทยานฯ เกรงว่าจะล่าช้าเกินไป ดังนั้นจึงเปลี่ยนแปลงคณะกรรม การใหม่ โดยจะตั้งเป็น 39 ชุดๆละ 3 คนมาจากเจ้าหน้าที่ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4,5 และ 6 รวมทั้งสิ้น 117 คน เพื่อระดมตรวจพื้นที่เป็นรายแปลงแบบเดียวกับโมเดลของทับลาน และตั้งเป้าแล้วเสร็จใน 1 เดือนไม่ยืดเยื้อ
นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานอีก 2 ชุดๆละ 5 คนเป็นนักกฏหมาย เจ้าหน้าที่รังวัดสำรวจที่ดิน เจ้าหน้าแปลภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อตรวจสอบคู่ขนานไปกับชุดที่ตรวจรายแปลงมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว โดยจะใช้ภาพถ่ายทางอากาศมาเป็นหลักฐานตรวจสอบการอ้างสิทธิ์ เนื่องจากป่าพรุควนเคร็งไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้าทำประโยชน์มาตั้งแต่ต้นแล้ว เนื่องจากระบบนิเวศของป่าพรุมีความเปราะบางมาก
เมื่อถามถึงรูปแบบการบุกรุกป่าพรุ นายเริงชัย กล่าวว่า ลักษณะของการเข้าบุกรุกป่าพรุ ส่วนใหญ่ มักจะใช้ไฟจุดเผาพื้นที่ลุกลามจากแปลงเกษตรที่ส่วนใหญ่เป็นแปลงปาล์มน้ำมันของนายทุน ผู้มีอิทธิพล และชาวบ้านในพื้นที่ โดยจะค่อยๆเผาจนลามมาเขตป่าพรุ เปิดพื้นที่เพราะป่าพรุจะติดไฟได้ง่าย โดยเฉพาะฤดูนี้ที่พบว่าระดับน้ำใต้ดินมีน้อยมาก ซึงปีนี้พบว่าพรุควนเคร็งระดับน้ำใต้ดินลดลงเหลือแค่ 20 ซม. เมื่อติดไฟจึงลามขยายเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
