พัทลุง - สถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ยังขยายวงกว้าง เนื่องจากกระแสลม บวกกับความแห้งแล้งของทุ่งหญ้า และป่าพรุ ขณะที่จังหวัดพัทลุงประกาศให้พื้นที่ อ.ควนขนุน และ อ.เมือง เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้งแล้ว ชาวนาประสบปัญหาขาดน้ำ
วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง ว่า สถานการณ์ไฟไหม้ทุ่งหญ้า และป่าพรุ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคลองยวน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ยังคงโหมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงบ่าย และเย็น เนื่องจากกระแสลม บวกกับความแห้งแล้งของทุ่งหญ้า และป่าพรุ ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และกินบริเวณกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคลองยวน และสวนพฤกษศาสตร์พัทลุง
โดยมีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่แล้วที่ถูกไฟเผาลุกลามมานานกว่า 2 สัปดาห์ แม้ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เจ้าหน้าที่สวนพฤกษศาสตร์ จะระดมเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟมาตลอด แต่ก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้นกน้ำที่ทำรังวางไข่ในพื้นที่ดังกล่าว ถูกไฟเผาไหม้ และสำลักควันตายไปเป็นจำนวนมาก ส่วนนกที่เหลือก็บินหนีว่อนเพื่อหาที่หลบอาศัยใหม่
และควันไฟจากป่าพรุที่ลุกไหม้มานาน พบว่า มีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจในพื้นที่จังหวัดพัทลุงมากขึ้น และสัตว์เลี้ยงอย่างวัว ควายน้ำ ที่อาศัยในพื้นที่ป่าพรุก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งเริ่มป่วยด้วยอาการโรคตาแดงเนื่องจากควันไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดพัทลุงยังคงน่าเป็นห่วง ระดับน้ำในลำคลอง และแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอด พืชผลทางด้านการเกษตร สวนยางพารา นาข้าว และสวนไม้ผลต่างได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่นาข้าว ใน ต.ชัยบุรี ต.พญาขันต์ ต.ลำปำ ต.พนางตุง ต.มะกอกเหนือ ต.ปันแต อ.ควนขนุน กว่า 25,000 ไร่ ขาดน้ำกำลังยินต้นแห้งตาย
ทางด้าน นายสมหมาย จันทร์รัตน์ อายุ 65 ปี ราษฎร ม.7 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า ในปีนี้ เป็นปีที่ฝนหยุดทิ้งช่วงนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา จนส่งผลให้พื้นที่นาข้าวในพื้นที่ ต.ลำปำ กำลังยืนต้นเหี่ยวตายในหลายพื้นที่ ซึ่งพวกตนต้องนำเครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำแก้ปัญหาต้นข้าวเหี่ยวตายกันเอง แต่ทำได้ไม่มากนัก เพราะน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนจำกัด หากฝนยังทิ้งช่วงแบบนี้ ต้นข้าวในนาต้องยืนต้นตายทั้งตำบลอย่างแน่นอน
ขณะที่ นางบุญศรี วงศ์พรหม อายุ 69 ปี เกษตรกรชาวนาท้องที่ ม.8 ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า พื้นที่ ต.ชัยบุรี สามารถทำนาข้าวได้ตลอดทั้งปี แต่ปีนี้ฝนไม่ตกเลย แหล่งน้ำธรรมชาติก็ขาดน้ำ ทำให้พวกตนชาวนาทั้งตำบลเดือดร้อนอย่างหนัก
ทางด้าน นายประภาส ขาวดำ รักษาการหัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ในขณะนี้ จังหวัดพัทลุงได้ประกาศให้พื้นที่ อ.ควนขนุน และ อ.เมืองพัทลุง เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว ส่วนอำเภออื่นๆ อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหาย และฟังผลรายงานจากอำเภอต่างๆ ในส่วนของการแก้ปัญหาพื้นที่นาข้าวนั้น ขณะนี้ได้ส่งเครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้ว ไปช่วยเหลือในพื้นที่ ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง จำนวน 3 เครื่อง พื้นที่ ต.พญาขัน อ.เมืองพัทลุง 1 เครื่อง ส่วนพื้นที่ต่างๆ กำลังทยอยส่งไปให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว และได้ประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสบภัยได้เข้ามาช่วยเหลือชาวนาแล้วเช่นกัน