xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

หมดเวลา “มาร์ค” ดีแต่พูด “บัณฑูร ล่ำซำ” ตัดหางปล่อยวัด ฝันค้างของพลพรรคแมลงสาบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-โปรดอย่าแปลกใจ ถ้าหากมีกระแสข่าวออกมาว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยจะตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการเปลี่ยนตัว “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เจ้าของฉายา “มาร์คดีแต่พูด” ให้พ้นจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค

แม้จะเป็นกระแสข่าวที่ถูกเปิดออกมาจาก “เด็จพี่” นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกของพรรคเพื่อไทยก็ตาม และมีการออกมาปฏิเสธข่าวจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ออกมาอ้างว่า เป็นการสร้างข่าวเพื่อดิสเครดิตหัวหน้าพรรคและเสียมารยาท เพราะถ้าไม่มีมูลฝอย หมาย่อมไม่ขี้

ที่สำคัญคือ ตลอดเวลานับตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแมลงสาป เขาก็แทบไม่ได้สร้างผลงานอันใดจากการทำหน้าที่เป็นทั้งหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรหรือนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

ดังนั้น ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเสียใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร แถมยังจะเกิดผลดีกับพรรคเสียด้วยซ้ำไป

การนำพาพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ถ้าจะว่าไปแล้วก็มิได้เกิดขึ้นจากฝีไม้ลายมือของนายอภิสิทธิ์แต่ประการใด หากแต่เป็นการร่วมมือกันของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคในขณะนั้นร่วมกับพรรคภูมิใจไทยของนายเนวิน ชิดชอบที่ตัดสินใจหักหลัง นช.ทักษิณ ชินวัตร จนกลายเป็นแค้นชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันจนถึงทุกวันนี้

มิหนำซ้ำพรรคประชาธิปัตย์ในยุคที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคและ 2 ปี 8 เดือนในฐานะนายกรัฐมนตรียังส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคแมลงสาปเป็นไปในทิศทางที่ตกต่ำอีกต่างหาก ซึ่งถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ปล่อยให้ เป็นเช่นนี้โดยไม่แก้ไข ภาพลักษณ์ของนายอภิสิทธิ์ก็จะกลายเป็นโลโก้หรือเป็นสัญลักษณ์ที่พรรคไม่อาจสลัดหลุด และนั่นหมายความว่า การขับเคลื่อนทางการเมืองก็มีแต่ทางตีบตัน

ความ “ห่วยแตก” ของรัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ ในการบริหารบ้านเมืองตลอด 2 ปี ทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ถ่ายทอดและสะท้อนความอึดอัดขัดข้องใจของตัวเองออกมาหลากหลายรูปแบบ เช่น “งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ -ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 67” ที่ขบวนล้อการเมืองของเหล่านักศึกษาธรรมศาสตร์ จัดทำเป็นหุ่น “นางอับ(ปรี)สิทธิ์” เพื่อสะท้อนความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาจากกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร

นี่ไม่นับรวมกรณีวิกฤตน้ำมันปาล์มขาดแคลนอันเกิดจากการ 'กักตุน ปั่นราคา ฟันกำไร' ของนักการเมืองใหญ่ผู้ผลักดันให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ส่งผลให้น้ำมันปาล์มหายไปจากตลาด ก็ถูกกล่าวขานว่าเป็นการคอร์รัปชั่นแบบ 'อำมหิต' เพราะจัดว่า 'กินกันถึงเลือดถึงเนื้อ' ประชาชนเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ข่าวที่ถูกปล่อยออกมาถึงสาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์มีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคว่าเป็นเพราะกลุ่มคนเก่าที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มายาวนานไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่กลุ่มคนรุ่นใหม่หรือที่ถูกเรียกว่า “แก๊งไอติม” กำลังมีบทบาทสูงภายในพรรค รวมทั้งมีรายงานด้วยว่า คนในสายของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคกำลังเคลื่อนไหวแบบเงียบๆ ในเรื่องนี้ รวมถึงการเปลี่ยนโครงสร้างพรรค เปลี่ยนทั้งตัวหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคไปในคราวเดียวกัน

ความจริง ถ้าจะว่าไปแล้ว ข่าวปล่อยดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะสภาพความเป็นจริงในพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นไปเช่นนี้

ยิ่งกรณีแก๊งไอติมด้วยแล้ว ยิ่งเป็นประเด็นที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

หากยังจำกันได้ ก่อนหน้าที่จะมีกระแสข่าวเปลี่ยนตัวนายอภิสิทธิ์ ก่อนหน้านี้คือขณะที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของแก๊งไอติมที่นำโดย 'ศิริโชค โสภา' ซึ่งคอยล้อมหน้าล้อมหลังเป็นดัง 'วอลเปเปอร์' มาแล้ว กระทั่ง ส.ส.เก่าแก่ในพรรคอย่าง 'พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล' ส.ส.กระบี่ ยังอดรนทนไม่ได้ ต้องออกมาเหน็บแนมให้นายอภิสิทธิ์เอาบุคคลที่เป็นระดับผู้หลักผู้ใหญ่ไปเป็น 'วอลเปเปอร์' บ้าง

คำถามที่เกิดขึ้นมีอยู่ว่า ถ้าไม่ใช่นายอภิสิทธิ์แล้ว ใครคือผู้ที่เหมาะสมที่จะนำทัพลูกแม่พระธรณีบีบมวยผมให้พ้นจากมหาวิบัติภัยที่เกิดขึ้นได้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการนำพาพรรคให้ไปถึงฝั่งฝันได้ นั่นคือการกลับไปชนะเลือกตั้งและสามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญคือต้องเป็นผู้ที่สามารถระดมทุนเข้าพรรคเพื่อต่อกรกับพรรคเพื่อไทยของนช.ทักษิณ ชินวัตรได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ ชื่อที่มีเคยมีการโยนหินถามทางมาก่อนหน้านี้มีหลายคนด้วยกัน อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช ดร.ซุป-นายศุภชัย พานิชภักดิ์ รวมกระทั่งชื่อของปูชนียบุคคลของพรรคอย่างนายชวน หลีกภัย ก็เคยปรากฏเป็นข่าวออกมาแล้วเช่นกัน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ถึงแม้คุณสมบัติของทุกคนที่มีชื่อข้างต้นสามารถก้าวขึ้นไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ทว่า ก็ต้องย้อนถามกลับไปเช่นกันว่า แล้วจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งได้อย่างไร

แต่กระแสข่าวเที่ยวล่าสุดที่ดูเหมือนว่าจะมาแรงและมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงก็คือ การปล่อยข่าวพรรคประชาธิปัตย์กำลังทาบทามนายแบงก์ใหญ่เจ้าของไอเดีย “รีเอ็นจิเนียริ่ง” มาใช้ในประเทศไทยเพื่อยกเครื่องธนาคารของตระกูลให้ก้าวขึ้นสู่ความทันสมัย ซึ่งจะเป็นใครเสียมิได้นอกจาก “เสี่ยปั้น-บัณฑูร ล่ำซำ” ที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ ถ้าจะว่าไปแล้ว การหยิบชื่อเสี่ยปั้นขึ้นมาแทนนายอภิสิทธิ์นั้น ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีกระแสข่าวว่า เขาเคยได้รับ การทาบทามจากพรรคประชาธิปัตย์ให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ในปี พ.ศ. 2547

ที่สำคัญคือ ก่อนหน้านี้นายบัณฑูรเคยปะทะคารมกับ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมาแล้ว เพราะมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จึงให้ความสนใจมาโดยตลอด

แน่นอน นายบัณฑูรย่อมเหมาะสมกับเก้าอี้หัวหน้าพรรคในสายตาของคนประชาธิปัตย์อย่างหาใครเปรียบเทียบได้ยาก ทั้งจากชาติตระกูล การศึกษาและฝีไม้ลายมือในการบริหารงาน

กล่าวสำหรับชาติตระกูลนั้น นายบัณฑูรเป็นบุตรของบัญชา ล่ำซำกับ หม่อมราชวงศ์สำอางวรรณ ล่ำซำ โดยเฉพาะผู้เป็นมารดาคือ หม่อมราชวงศ์สำอางวรรณนั้น นามสกุลเดิมก็คือ "เทวกุล" ซึ่งโดยศักดิ์และฐานะแล้วเป็นพี่สาวต่างมารดาของ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล)

ตรงตามเสปกของพรรคประชาธิปัตย์ทุกประการ

กล่าวสำหรับการศึกษาและประสบการณ์ทางธุรกิจ นายบัณฑูรก็ใช่ว่าจะเป็นสองรองใคร โดยหลังจากจบจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ก็เข้าเรียนต่อที่สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร สำเร็จปริญญาตรี สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี (BA in Chemical Engineering) จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน สหรัฐอเมริกา และสำเร็จปริญญาโท บริหารธุรกิจ (MBA) จาก Harvard Business School (HBS) ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา

ตรงตามเสปกของพรรคประชาธิปัตย์ทุกประการ

ขณะที่ทางด้านธุรกิจ การที่นายบัณฑูรดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รวมทั้งเมื่อตรวจสอบต้นทุนทางการการเงินแล้ว ก็ต้องบอกว่า ตรงตามเสปกของพรรคประชาธิปัตย์ทุกประการอีกเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งประการหลังคือ ทุนที่นายบัณฑูรมีเพียงพอที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับ นช.ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยคือสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ถวิลหาอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เพราะถ้าหากเทียบกับนายอภิสิทธิ์แล้ว ก็ต้องยอมรับว่า นายอภิสิทธิ์ดีแต่พูดจริงๆ

ปัญหามีอยู่ว่า นายบัณฑูร ล่ำซำ จะตกลงปลงใจที่จะตอบรับมานั่งเก้าอี้ พรรคการเมืองที่ไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เช่นนี้หรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การตัดสินใจทิ้งเก้าอี้จากธนาคารกสิกรไทยมาเล่นการเมืองเต็มตัวนั้น ย่อมเป็นความเสี่ยงที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความเสี่ยงไม่น้อยเช่นกัน

แน่นอน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ โอกาสที่จะถูกฆ่าตัดตอนทางการเมืองโดยพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจส่วนตัวของครอบครัวและวงศ์ตระกูลก็จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจอย่างหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งถ้าหากแพ้ด้วยแล้ว มีหรือที่ฝ่ายตรงข้ามในฐานะพรรครัฐบาลจะปล่อยเอาไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือหอกข้างแคร่ต่อไป

และที่สำคัญคือ การที่นายบัณฑูรจะนำมาพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้รับชัยชนะเหนือพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ตราบใดที่พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์ของพรรคให้สามารถไล่ตามเงาของพรรคเพื่อไทยที่ นช.ทักษิณและพลพรรคหยั่งรากลึกเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสานที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สังคมไม่เคยเห็นว่า พรรคเก่าแก่แห่งนี้มีความตั้งใจที่จะขยายฐานการเมืองของตนเองให้เติบโตมากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต

ตราบใดที่พรรคประชาธิปัตย์ยังคงมีพฤติกรรมทางการเมืองเหมือนเดิม ต่อให้เป็นนายบัณฑูร ล่ำซำหรือเปลี่ยนหัวหน้าพรรคอีกกี่ครั้งกี่หน สถานการณ์ ของพรรคก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือเป็นพรรคแมลงสาบที่ไม่มีวันสูญพันธุ์และอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป แต่ไม่มีทางได้โงหัวขึ้นมาโผล่พ้นน้ำ และ ได้รับสิทธิในการบริหารประเทศได้อย่างภาคภูมิใจ

นี่ไม่นับรวมถึงกลุ่มก๊วนต่างๆ ภายในพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งไอติมที่นายบัณฑูรจะต้องใช้พลังอย่างหนักเพื่อสยบให้อยู่ภายใต้อำนาจของตนเอง

ด้วยเหตุดังกล่าวจงอย่าแปลกใจที่นายบัณฑูรจะตอบปฏิเสธถึงกระแสข่าวเรื่องการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่อย่างไม่มีเยื่อใย....(อ่าน "เสี่ยปั้น" ประกาศชัด การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งเขียนนิยายรักดีกว่า)

และในเมื่อยังไม่สามารถหาบุคลากรที่ทดแทนคนเก่าได้ พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีอะไรดีไปกว่ากี่อดทนและทนอดกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนเก่าเจ้าของฉายาดีแต่โม้กันต่อไป

หมายเหตุ : 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญเข้าไปพูดคุยและแสดงความคิดเห็นกันได้ที่ http://www.facebook.com/Astvmanagerweekend
บัณฑูร ล่ำซำ
กำลังโหลดความคิดเห็น