การที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาได้ยืนหยัดต่อสู้อย่างหนักในหลายเมืองในหลายมลรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนชาวไทยในสหรัฐอเมริกาได้เคลื่อนไหวแสดงออกด้วยการประท้วงเพิ่มมากขึ้น เช่น นิวยอร์ก, วอชิงตัน ดี.ซี., ลาส เวกัส, ซานฟานซิสโก, ลอสแอนเจลิส
เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกานั้น กำลังจะแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าการเมืองระหว่างประเทศจะหนุนการเมืองกลุ่มใดในประเทศไทยจนสามารถช่วยเหลือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างไรก็ตาม แต่คนไทยที่มีจิตใจรักชาติรักแผ่นดินก็ยังต้องแสดงออกถึงความเจ้าเล่ห์ ลูบหน้าปะจมูก ของนักการเมืองสหรัฐอเมริกาที่ปล่อยให้นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน และหนีข้อหาการก่อการร้าย สามารถเข้ามาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้โดยไม่สนใจใคร
นอกจากนี้ยังทำให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่หลงคิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะแม้ว่าจะมีการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับนักการเมืองหรือกลุ่มทุนสหรัฐอเมริกากันอย่างไรก็ตาม แต่คนไทยก็คงจะต้องแสดงออกจนเป็นที่น่าอับอายขายหน้าไปทั่วโลก
การเดินทางของนักโทษชายทักษิณนั้น ได้สร้างความขัดแย้งไปทุกที่ การเดินทางไปรอบนี้ของนักโทษชายทักษิณ จึงไม่ได้กลับมาเพียงแค่การได้รับคำเยินยอจากคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่กลับต้องได้รับเสียงก่นด่าสาปแช่ง ป้ายประจาน นักโทษหนีคดี ให้ได้อับอายขายหน้าเสียมากกว่า
ดังจะเห็นได้ว่านักโทษชายทักษิณ เองถึงกับต้องจ้างบอดี้การ์ด มาดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเอง และต้องขึ้นรถ หรือขับรถไปแบบหลบๆ ซ่อนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองลอสแอนเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกานั้น มีคนไทยสามารถรวมตัวกันได้ถึง 2 พันคน จนทำให้นักโทษชายทักษิณไม่สามารถเข้าไปในสถานที่เพื่อพบปะกับคนเสื้อแดงที่รอฟังกันอยู่เพียงไม่กี่คนได้ จึงทำได้แค่โทรศัพท์เข้าไปพูดคุยกับคนเสื้อแดงเท่านั้น
ข้ออ้างที่ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปขัดขวางงานเทิดพระเกียรตินั้น จึงเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เพราะในงานมีแต่ฉากที่มีรูปของนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน และการโฟนอินของทักษิณ ก็ไม่ได้มีการเทิดพระเกียรติแต่ประการใด ใช่หรือไม่?
คงไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้วว่าการเดินทางครั้งนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นการแลกกับอะไรบางอย่าง?
และการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างนั้น สื่อท้องถิ่นอย่าง Culture Map Houston ได้รายงานว่า มีเรื่องการถกด้านพลังงาน!!!
โดยรายงานระบุด้วยว่ามีการพูดคุยโดยประธานกรรมการของ ยูไนเต็ด แอลเอ็นจี ชื่อนาย Stephen Payne ได้รับประทานอาหารมื้อเย็นที่ร้าน Brennan กับอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทักษิณ ชินวัตร
Stephen Payne เป็นนักล็อบบี้ยิสต์ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกามายาวนานกว่า 25 ปี โดยเป็นที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์และมีประสบการณ์ด้านพลังงาน ปัจจุบันได้เป็นตัวแทนให้กับหลายประเทศ เช่น ปากีสถาน อาเซอร์ไบจัน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรวมถึงทำงานร่วมกับอีกหลายบริษัทที่เป็นลูกค้าของเขา เช่น บริษัทวาณิชธนกิจอย่าง เจพี มอร์แกน, บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ยี่ห้อ SAP, สายการบิน คอนติเนนตัล, เครื่องบินโบอิ้ง, บริษัทผลิตอาวุธและเครื่องบินสงคราม ร็อคฮีท มาร์ติน
ในกลุ่มธุรกิจพลังงาน Stephen Payne ยังเป็นตัวแทนให้กับบริษัทในรัสเซียหลายแห่ง เช่น Yukos และ Tatneft Oil ควบคู่ปกับอีกหลายบริษัท ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ Stephen Payne ได้ทำงานกับ Iter Gas (ซึ่งเป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย) ในการพัฒนาร่วมกับโครงการหลายอย่างในระดับนานาชาติ รวมถึงการส่งออกก๊าซเหลวธรรมชาติหรือ Liquid Natural Gas (LNG) เขายังเป็นตัวแทนให้กับรัฐบาลเติร์กเมนิสถานในการจัดรวมโครงสร้างกันใหม่ในฐานะเป็นหุ้นส่วนกันของเติร์กเมนิสถานกับบรรษัทนานาชาติในการสร้างท่อส่งก๊าซจากเติร์กเมนิสถานไปยังปากีสถาน
Stephen Payne ยังเป็นผู้ประสานโครงการและจัดการประชุมไตรภาคีสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดีแห่งเติร์กเมนิสถาน, อัฟกานิสถาน และปากีสถาน จนสามารถบรรลุลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยท่อส่งก๊าซจากเติร์กเมนิสถานกับอัฟกานิสถาน ฟื้นฟูโครงการให้เดินหน้าต่อไปได้หยังจากหยุดโครงการดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายปี
Stephen Payne ได้เคยรับใช้ในฐานะตัวแทนส่วนหน้าของประธานาธิบดีทำเนียบขาวในการเดินทางร่วมกับประธานาธิบดีบุชไปยังประเทศจอร์แดน สำหรับการเจรจาสุดยอดผู้นำทะเลแดงในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2546 และยังเดินทางร่วมกับรองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ในตะวันออกกลางในปี พ.ศ. 2545 และ พ.ศ. 2548 รวมถึงการเดินทางไปยังคาซัคสถานในปี พ.ศ. 2549 และการเดินทางในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน อาร์มิด คาร์ไซย์ (อดีตที่ปรึกษาบริษัทน้ำมันยูโนแคล) นอกจากนี้เขายังเคยได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการในงานความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง อีกทั้งยังเคยเป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้กับส่วนบริหารจัดการขององค์การการบินอวกาศแห่งชาติ (NASA) ที่เชื่อมโยงกับทำเนียบขาวและสภาคองเกรสอีกด้วย
Stephen Payne จึงเป็นล็อบบี้ยิสต์ชาวอเมริกัน จากเมืองฮิลตัน มลรัฐเท็กซัส ที่ไม่ธรรมดา ถือได้ว่ามีเครือข่ายกว้างขวางทั้งในรัฐบาลสหรัฐอเมริกา พลังงาน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และกลุ่มทุนในสหรัฐอเมริกามากมาย
ดังนั้น ส่วนหนึ่งที่นักโทษชายทักษิณผู้หนีอาญาแผ่นดินและหลบหนีคดีการก่อการร้าย สามารถเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้โดยสะดวกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีนั้น ย่อมเป็นที่น่าสนใจได้ว่าเป็นฝีมือการล็อบบี้ระดับนานาชาติอย่าง Stephen Payne หรือไม่?
คำถามที่ตามต่อมาก็คืออะไรเป็นแรงจูงใจให้อเมริกาต้อนรับทักษิณเข้าประเทศ โดยไม่สนใจบทลงโทษของศาลไทย และไม่สนใจแม้กระทั่งในเรื่องข้อกล่าวหาและการหนีหมายจับคดีก่อการร้าย ทั้งๆ ที่สหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้คนทั้งโลกมีความโปร่งใสและจัดการกับผู้ก่อการร้ายทั้งหลาย
การเดินทางมาพบกันครั้งนี้ระหว่างนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร กับ Stephen Payne หากเป็นความจริง ต้องจับตาว่าอะไรคือข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้นักโทษชายทักษิณสามารถเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาและพบปะพูดคุยกับล็อบบี้ยิสต์ระดับนานาชาติของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช
จึงย่อมเป็นที่น่าสงสัยว่าความพยายามในการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาโดยองค์การ NASA ของสหรัฐอเมริกาเพื่อปิดล้อมจีนนั้น เป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการต้อนรับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่?
อีกทั้งยังเป็นที่น่าสงสัยต่อมาด้วยอีกว่าการเข้าพบกันระหว่างนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร นั้นเกิดขึ้นเพราะมีการสร้างอำนาจต่อรองของนักโทษชายทักษิณ โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรให้ประกาศเลื่อนการเปิดสัมปทานสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียมรอบที่ 21 จากเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นปี พ.ศ. 2556 นั้น เพื่อให้รับรองสถานภาพของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร โดยสหรัฐอเมริกาในเวทีนานาชาติเสียก่อน ใช่หรือไม่?
หากการกระทำเช่นนี้เป็นจริง ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้มีความเคารพต่อศาลไทย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ไม่สนใจประชาชนชาวไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน สนใจแต่ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนตัวเองเท่านั้น ดังนั้นประชาชนคนไทยก็ไม่จำเป็นต้องมีความเกรงใจกับผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาต่อไป จะดีหรือไม่?
ทุกวันนี้ประเทศไทยอยู่ในอันดับใช้ราคาน้ำมันแพงที่สุดอันดับ 6 ของโลก เมื่อเทียบกับรายได้ของประชากร แต่เชฟรอนซึ่งมีสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งบนบกและในทะเลถึงร้อยละ 50.7 โดยเชฟรอนมีรายได้จากธุรกิจพลังงานสูงเป็นบริษัทมีรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก และเป็นบริษัทที่มีกำไรสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก จะว่าไปแล้วรายได้และกำไรที่ได้ไปแล้วนั้นต่างก็มาจากการได้สัมปทานปิโตรเลียมของประเทศไทยไปในราคาที่จ่ายค่าภาคหลวงถูกๆ ผลตอบแทนรัฐไทยต่ำๆ โดยที่ประเทศไทยและคนไทยไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย
คนไทยจึงควรแสดงออกความไม่พอใจครั้งนี้ให้ตรงประเด็นไปเลยน่าจะดีกว่า เพื่อผลประโยชน์ตกอยู่กับคนไทยทั้งมวล ด้วยการเคลื่อนไหวมวลชนครั้งใหญ่เรียกร้องให้คืนผลตอบแทนให้กับรัฐไทยให้สมกับการที่ราคาพลังงานทั่วโลกสูงขึ้นเหมือนกับประเทศ โบลิเวีย, เวเนซุเอลา, อาร์เจนตินา ฯลฯ จะดีหรือไม่?
คำถามมีอยู่ว่าคนไทยพร้อมกันแล้วหรือยังที่จะสามัคคีกันกอบกู้ประเทศชาติ เอาพลังงานและผลตอบแทนรัฐกลับคืนมาเป็นของไทยให้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อประโยชน์ของคนไทยและลูกหลานคนไทยทุกคน
เพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกานั้น กำลังจะแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าการเมืองระหว่างประเทศจะหนุนการเมืองกลุ่มใดในประเทศไทยจนสามารถช่วยเหลือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างไรก็ตาม แต่คนไทยที่มีจิตใจรักชาติรักแผ่นดินก็ยังต้องแสดงออกถึงความเจ้าเล่ห์ ลูบหน้าปะจมูก ของนักการเมืองสหรัฐอเมริกาที่ปล่อยให้นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน และหนีข้อหาการก่อการร้าย สามารถเข้ามาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้โดยไม่สนใจใคร
นอกจากนี้ยังทำให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่หลงคิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะแม้ว่าจะมีการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับนักการเมืองหรือกลุ่มทุนสหรัฐอเมริกากันอย่างไรก็ตาม แต่คนไทยก็คงจะต้องแสดงออกจนเป็นที่น่าอับอายขายหน้าไปทั่วโลก
การเดินทางของนักโทษชายทักษิณนั้น ได้สร้างความขัดแย้งไปทุกที่ การเดินทางไปรอบนี้ของนักโทษชายทักษิณ จึงไม่ได้กลับมาเพียงแค่การได้รับคำเยินยอจากคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่กลับต้องได้รับเสียงก่นด่าสาปแช่ง ป้ายประจาน นักโทษหนีคดี ให้ได้อับอายขายหน้าเสียมากกว่า
ดังจะเห็นได้ว่านักโทษชายทักษิณ เองถึงกับต้องจ้างบอดี้การ์ด มาดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเอง และต้องขึ้นรถ หรือขับรถไปแบบหลบๆ ซ่อนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองลอสแอนเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกานั้น มีคนไทยสามารถรวมตัวกันได้ถึง 2 พันคน จนทำให้นักโทษชายทักษิณไม่สามารถเข้าไปในสถานที่เพื่อพบปะกับคนเสื้อแดงที่รอฟังกันอยู่เพียงไม่กี่คนได้ จึงทำได้แค่โทรศัพท์เข้าไปพูดคุยกับคนเสื้อแดงเท่านั้น
ข้ออ้างที่ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปขัดขวางงานเทิดพระเกียรตินั้น จึงเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เพราะในงานมีแต่ฉากที่มีรูปของนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน และการโฟนอินของทักษิณ ก็ไม่ได้มีการเทิดพระเกียรติแต่ประการใด ใช่หรือไม่?
คงไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้วว่าการเดินทางครั้งนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นการแลกกับอะไรบางอย่าง?
และการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างนั้น สื่อท้องถิ่นอย่าง Culture Map Houston ได้รายงานว่า มีเรื่องการถกด้านพลังงาน!!!
โดยรายงานระบุด้วยว่ามีการพูดคุยโดยประธานกรรมการของ ยูไนเต็ด แอลเอ็นจี ชื่อนาย Stephen Payne ได้รับประทานอาหารมื้อเย็นที่ร้าน Brennan กับอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทักษิณ ชินวัตร
Stephen Payne เป็นนักล็อบบี้ยิสต์ที่มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกามายาวนานกว่า 25 ปี โดยเป็นที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์และมีประสบการณ์ด้านพลังงาน ปัจจุบันได้เป็นตัวแทนให้กับหลายประเทศ เช่น ปากีสถาน อาเซอร์ไบจัน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรวมถึงทำงานร่วมกับอีกหลายบริษัทที่เป็นลูกค้าของเขา เช่น บริษัทวาณิชธนกิจอย่าง เจพี มอร์แกน, บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ยี่ห้อ SAP, สายการบิน คอนติเนนตัล, เครื่องบินโบอิ้ง, บริษัทผลิตอาวุธและเครื่องบินสงคราม ร็อคฮีท มาร์ติน
ในกลุ่มธุรกิจพลังงาน Stephen Payne ยังเป็นตัวแทนให้กับบริษัทในรัสเซียหลายแห่ง เช่น Yukos และ Tatneft Oil ควบคู่ปกับอีกหลายบริษัท ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ Stephen Payne ได้ทำงานกับ Iter Gas (ซึ่งเป็นบริษัทก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย) ในการพัฒนาร่วมกับโครงการหลายอย่างในระดับนานาชาติ รวมถึงการส่งออกก๊าซเหลวธรรมชาติหรือ Liquid Natural Gas (LNG) เขายังเป็นตัวแทนให้กับรัฐบาลเติร์กเมนิสถานในการจัดรวมโครงสร้างกันใหม่ในฐานะเป็นหุ้นส่วนกันของเติร์กเมนิสถานกับบรรษัทนานาชาติในการสร้างท่อส่งก๊าซจากเติร์กเมนิสถานไปยังปากีสถาน
Stephen Payne ยังเป็นผู้ประสานโครงการและจัดการประชุมไตรภาคีสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดีแห่งเติร์กเมนิสถาน, อัฟกานิสถาน และปากีสถาน จนสามารถบรรลุลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยท่อส่งก๊าซจากเติร์กเมนิสถานกับอัฟกานิสถาน ฟื้นฟูโครงการให้เดินหน้าต่อไปได้หยังจากหยุดโครงการดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายปี
Stephen Payne ได้เคยรับใช้ในฐานะตัวแทนส่วนหน้าของประธานาธิบดีทำเนียบขาวในการเดินทางร่วมกับประธานาธิบดีบุชไปยังประเทศจอร์แดน สำหรับการเจรจาสุดยอดผู้นำทะเลแดงในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2546 และยังเดินทางร่วมกับรองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ในตะวันออกกลางในปี พ.ศ. 2545 และ พ.ศ. 2548 รวมถึงการเดินทางไปยังคาซัคสถานในปี พ.ศ. 2549 และการเดินทางในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน อาร์มิด คาร์ไซย์ (อดีตที่ปรึกษาบริษัทน้ำมันยูโนแคล) นอกจากนี้เขายังเคยได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการในงานความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง อีกทั้งยังเคยเป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้กับส่วนบริหารจัดการขององค์การการบินอวกาศแห่งชาติ (NASA) ที่เชื่อมโยงกับทำเนียบขาวและสภาคองเกรสอีกด้วย
Stephen Payne จึงเป็นล็อบบี้ยิสต์ชาวอเมริกัน จากเมืองฮิลตัน มลรัฐเท็กซัส ที่ไม่ธรรมดา ถือได้ว่ามีเครือข่ายกว้างขวางทั้งในรัฐบาลสหรัฐอเมริกา พลังงาน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และกลุ่มทุนในสหรัฐอเมริกามากมาย
ดังนั้น ส่วนหนึ่งที่นักโทษชายทักษิณผู้หนีอาญาแผ่นดินและหลบหนีคดีการก่อการร้าย สามารถเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้โดยสะดวกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีนั้น ย่อมเป็นที่น่าสนใจได้ว่าเป็นฝีมือการล็อบบี้ระดับนานาชาติอย่าง Stephen Payne หรือไม่?
คำถามที่ตามต่อมาก็คืออะไรเป็นแรงจูงใจให้อเมริกาต้อนรับทักษิณเข้าประเทศ โดยไม่สนใจบทลงโทษของศาลไทย และไม่สนใจแม้กระทั่งในเรื่องข้อกล่าวหาและการหนีหมายจับคดีก่อการร้าย ทั้งๆ ที่สหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้คนทั้งโลกมีความโปร่งใสและจัดการกับผู้ก่อการร้ายทั้งหลาย
การเดินทางมาพบกันครั้งนี้ระหว่างนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร กับ Stephen Payne หากเป็นความจริง ต้องจับตาว่าอะไรคือข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้นักโทษชายทักษิณสามารถเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาและพบปะพูดคุยกับล็อบบี้ยิสต์ระดับนานาชาติของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช
จึงย่อมเป็นที่น่าสงสัยว่าความพยายามในการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาโดยองค์การ NASA ของสหรัฐอเมริกาเพื่อปิดล้อมจีนนั้น เป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการต้อนรับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่?
อีกทั้งยังเป็นที่น่าสงสัยต่อมาด้วยอีกว่าการเข้าพบกันระหว่างนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร นั้นเกิดขึ้นเพราะมีการสร้างอำนาจต่อรองของนักโทษชายทักษิณ โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรให้ประกาศเลื่อนการเปิดสัมปทานสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียมรอบที่ 21 จากเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นปี พ.ศ. 2556 นั้น เพื่อให้รับรองสถานภาพของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร โดยสหรัฐอเมริกาในเวทีนานาชาติเสียก่อน ใช่หรือไม่?
หากการกระทำเช่นนี้เป็นจริง ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้มีความเคารพต่อศาลไทย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ไม่สนใจประชาชนชาวไทยที่รักชาติ รักแผ่นดิน สนใจแต่ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนตัวเองเท่านั้น ดังนั้นประชาชนคนไทยก็ไม่จำเป็นต้องมีความเกรงใจกับผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาต่อไป จะดีหรือไม่?
ทุกวันนี้ประเทศไทยอยู่ในอันดับใช้ราคาน้ำมันแพงที่สุดอันดับ 6 ของโลก เมื่อเทียบกับรายได้ของประชากร แต่เชฟรอนซึ่งมีสัมปทานปิโตรเลียมในประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งบนบกและในทะเลถึงร้อยละ 50.7 โดยเชฟรอนมีรายได้จากธุรกิจพลังงานสูงเป็นบริษัทมีรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก และเป็นบริษัทที่มีกำไรสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก จะว่าไปแล้วรายได้และกำไรที่ได้ไปแล้วนั้นต่างก็มาจากการได้สัมปทานปิโตรเลียมของประเทศไทยไปในราคาที่จ่ายค่าภาคหลวงถูกๆ ผลตอบแทนรัฐไทยต่ำๆ โดยที่ประเทศไทยและคนไทยไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย
คนไทยจึงควรแสดงออกความไม่พอใจครั้งนี้ให้ตรงประเด็นไปเลยน่าจะดีกว่า เพื่อผลประโยชน์ตกอยู่กับคนไทยทั้งมวล ด้วยการเคลื่อนไหวมวลชนครั้งใหญ่เรียกร้องให้คืนผลตอบแทนให้กับรัฐไทยให้สมกับการที่ราคาพลังงานทั่วโลกสูงขึ้นเหมือนกับประเทศ โบลิเวีย, เวเนซุเอลา, อาร์เจนตินา ฯลฯ จะดีหรือไม่?
คำถามมีอยู่ว่าคนไทยพร้อมกันแล้วหรือยังที่จะสามัคคีกันกอบกู้ประเทศชาติ เอาพลังงานและผลตอบแทนรัฐกลับคืนมาเป็นของไทยให้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อประโยชน์ของคนไทยและลูกหลานคนไทยทุกคน