ทียูเอฟลุ้นครึ่งปีหลังนี้ยอดขายโตขึ้น 20%เพื่อรักษาเป้าหมายการเติบโตปี55ที่ 15% หลังยอดขาย 6 เดือนแรกอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท โตแค่ 10% ยันไม่ได้รับผลกระทบการส่งออกกุ้งหากอียูตัดจีเอสพี เหตุตลาดส่งออกหลักอยู่ที่สหรัฐฯและญี่ปุ่น
นายปาโก ลี รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน ) (TUF) เปิดเผยว่า บริษัทฯคงเป้าหมายยอดขายในปีนี้โตขึ้น 15%เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะค่อนข้างเหนื่อย เนื่องจากครึ่งปีแรกมียอดขายเติบโตเพียง 10% ดังนั้นครึ่งปีหลังต้องเติบโตถึง 20% จึงจะบรรลุเป้าหมาย เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาใด เพราะราคาวัตถุดิบคือปลาทูน่าที่ปรับตัวสูงขึ้น 40%ในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ราคาเริ่มทรงตัว ทำให้ออเดอร์ไม่น่าจะลดลง และมาร์จินยังดีอยู่
“เราเชื่อมั่นว่าปีนี้ยอดขายเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% โดยรายได้ในครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกซึ่งเป็นไปตามปกติทุกปี อีกทั้งไม่มีปัจจัยน่ากังวลทั้งตลาดสหรัฐและยุโรปก็ยังโตอยู่ 10% ส่วนกรณีไฟไหม้โรงงานกุ้งที่สมุทรสาคร ขณะที่ก็จะมีการผลิตและส่งออกจากโรงงานอื่นอยู่ และมีแผนผลักดันการส่งออกซาร์ดีนให้เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/55ที่การส่งออกซาร์ดีนเติบโตมากถึง 50%
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น ช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสสูงกว่าครึ่งปีแรกที่อยู่ระดับ 17% เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น แต่ขณะนี้ราคาทรงตัวแล้ว
ส่วนกรณีที่อียูจะพิจารณาตัดสิทธิ์จีเอสพีสินค้ากุ้งของไทยในปลายปีนี้นั้น หากอียูตัดสิทธิจีเอสพีจริง ทางอียูก็ยังให้เวลาปรับตัว 1ปี ไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากบริษัทเน้นแปรรูปกุ้งเพื่อเพิ่มมูลค่าอีกทั้งตลาดส่งออกกุ้งไปอียูคิดเป็น 1.7%ของยอดขายรวม โดยตลาดส่งออกกุ้งหลักอยู่ที่สหรัฐฯและญี่ปุ่น
ด้านนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการดำเนินงานครึ่งปีหลัง2555 ว่า บริษัทฯยังดำเนินธุรกิจเป็นไปตามแผน โดยในฝั่งยุโรปบริษัท เอ็มดับบลิว แบรนด์ส ยังมียอดขายเติบโตและรักษามาร์จิ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบจากความกังวลวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป เนื่องจากธุรกิจของTUFเป็นธุรกิจอาหาร แต่ในทางกลับกันวิกฤตที่เกิดขึ้นจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายการลงทุนเพิ่มในฝั่งยุโรป
สำหรับตลาดอเมริกามีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่บริษัท ไทร-ยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ ยังทำมาร์จิ้นได้ดี ขณะที่บริษัท ยูเอสเพ็ท นูทรีชั่น ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารแมวในอเมริกา แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แต่แนวโน้มจะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตดี
ส่วนตลาดในประเทศไทย ปีนี้บริษัทมีแผนการทำตลาดเชิงรุก ล่าสุดได้ทำการรีแบรนด์ สำหรับแบรนด์ซีเล็ค และแบรนด์ฟิชโช เป็นการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เปลี่ยนแพ็คเกจจิ้งใหม่ รวมถึงการปรับเปลี่ยน Positioning ใหม่ โดยจากนี้ไปจะมีการทำการสื่อสารทางการตลาดอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ในกลุ่มผู้บริโภค
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมองหาตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องทั้ง ตลาดแอฟริกา อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันในตลาดยุโรปเองก็ยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากยุโรปมีทั้งหมด 27 ประเทศ โดยบริษัทฯจะขยายไปยังประเทศที่อยู่นอกเขตยุโรปอีก เช่น รัสเซีย เป็นต้น
นายธีรพงศ์ กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกปี 2555 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,468.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.15 บาท ขณะที่ยอดขายก็มีการเติบโตขึ้นเช่นเดียวกันโดยในรูปของเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 7% จากยอดขาย 1,564 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554 เป็นยอดขาย 1,674 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2555 ส่วนยอดขายในรูปของเงินบาทเท่ากับ 52,061.9ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นายปาโก ลี รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน ) (TUF) เปิดเผยว่า บริษัทฯคงเป้าหมายยอดขายในปีนี้โตขึ้น 15%เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะค่อนข้างเหนื่อย เนื่องจากครึ่งปีแรกมียอดขายเติบโตเพียง 10% ดังนั้นครึ่งปีหลังต้องเติบโตถึง 20% จึงจะบรรลุเป้าหมาย เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาใด เพราะราคาวัตถุดิบคือปลาทูน่าที่ปรับตัวสูงขึ้น 40%ในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ราคาเริ่มทรงตัว ทำให้ออเดอร์ไม่น่าจะลดลง และมาร์จินยังดีอยู่
“เราเชื่อมั่นว่าปีนี้ยอดขายเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% โดยรายได้ในครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกซึ่งเป็นไปตามปกติทุกปี อีกทั้งไม่มีปัจจัยน่ากังวลทั้งตลาดสหรัฐและยุโรปก็ยังโตอยู่ 10% ส่วนกรณีไฟไหม้โรงงานกุ้งที่สมุทรสาคร ขณะที่ก็จะมีการผลิตและส่งออกจากโรงงานอื่นอยู่ และมีแผนผลักดันการส่งออกซาร์ดีนให้เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/55ที่การส่งออกซาร์ดีนเติบโตมากถึง 50%
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น ช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสสูงกว่าครึ่งปีแรกที่อยู่ระดับ 17% เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น แต่ขณะนี้ราคาทรงตัวแล้ว
ส่วนกรณีที่อียูจะพิจารณาตัดสิทธิ์จีเอสพีสินค้ากุ้งของไทยในปลายปีนี้นั้น หากอียูตัดสิทธิจีเอสพีจริง ทางอียูก็ยังให้เวลาปรับตัว 1ปี ไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากบริษัทเน้นแปรรูปกุ้งเพื่อเพิ่มมูลค่าอีกทั้งตลาดส่งออกกุ้งไปอียูคิดเป็น 1.7%ของยอดขายรวม โดยตลาดส่งออกกุ้งหลักอยู่ที่สหรัฐฯและญี่ปุ่น
ด้านนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการดำเนินงานครึ่งปีหลัง2555 ว่า บริษัทฯยังดำเนินธุรกิจเป็นไปตามแผน โดยในฝั่งยุโรปบริษัท เอ็มดับบลิว แบรนด์ส ยังมียอดขายเติบโตและรักษามาร์จิ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบจากความกังวลวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป เนื่องจากธุรกิจของTUFเป็นธุรกิจอาหาร แต่ในทางกลับกันวิกฤตที่เกิดขึ้นจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายการลงทุนเพิ่มในฝั่งยุโรป
สำหรับตลาดอเมริกามีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่บริษัท ไทร-ยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ ยังทำมาร์จิ้นได้ดี ขณะที่บริษัท ยูเอสเพ็ท นูทรีชั่น ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารแมวในอเมริกา แม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แต่แนวโน้มจะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตดี
ส่วนตลาดในประเทศไทย ปีนี้บริษัทมีแผนการทำตลาดเชิงรุก ล่าสุดได้ทำการรีแบรนด์ สำหรับแบรนด์ซีเล็ค และแบรนด์ฟิชโช เป็นการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เปลี่ยนแพ็คเกจจิ้งใหม่ รวมถึงการปรับเปลี่ยน Positioning ใหม่ โดยจากนี้ไปจะมีการทำการสื่อสารทางการตลาดอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ในกลุ่มผู้บริโภค
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมองหาตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องทั้ง ตลาดแอฟริกา อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันในตลาดยุโรปเองก็ยังมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากยุโรปมีทั้งหมด 27 ประเทศ โดยบริษัทฯจะขยายไปยังประเทศที่อยู่นอกเขตยุโรปอีก เช่น รัสเซีย เป็นต้น
นายธีรพงศ์ กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกปี 2555 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,468.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.15 บาท ขณะที่ยอดขายก็มีการเติบโตขึ้นเช่นเดียวกันโดยในรูปของเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 7% จากยอดขาย 1,564 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554 เป็นยอดขาย 1,674 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2555 ส่วนยอดขายในรูปของเงินบาทเท่ากับ 52,061.9ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน