xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นTUFรูด!รับแผนเพิ่มทุนบริษัทยันช่วยลดหนี้ไว-ยันระยะยาวแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV จัดการรายวัน - หุ้นทียูเอฟรูด!เหลือ 65 บาท รับแผนเพิ่มทุน 10,000 ล้าน ที่บอร์ดเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 10เม.ย.นี้ “ธีรพงศ์” เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการลดหนี้จากการซื้อกิจการเอ็มดับบลิว แบรนด์ส และเตรียมพร้อมรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต หลังเล็งเห็นโอกาสลงทุนอีก แย้มข่าวดีผู้ถือหุ้นเตรียมกลับมาเห็นปันผลในระดับปกติ 50%ของกำไรสุทธิ โบรกฯประเมินราคาไดรูทไม่มาก ภาพรวมระยะยาวยังแข็งแกร่ง

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)(TUF) หรือทียูเอฟ ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการในวันนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 202,813,450 หุ้น โดยจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนนี้ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ได้รับหุ้นจากการแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพ ในสัดส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาขายที่ 50 บาทต่อหุ้น และในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการจัดสรรดังกล่าวแล้ว บริษัทจะจัดสรรหุ้นส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งแสดงความจำนงจองซื้อเกินสิทธิตามสัดส่วนการถือหุ้น

นอกจากนี้ กรณีที่หุ้นเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน และจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นที่แสดงความจำนงจองซื้อเกินสิทธิแล้ว บริษัทจะจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยจะกำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่ต่ำกว่า 50 บาท ต่อหุ้น ทั้งนี้มติดังกล่าว จะต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้งที่จะจัดขึ้นในวันที่ l0 เมษายน 2555 นี้

“จากผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทมีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจมาก สามารถทำรายได้ในรูปเหรียญสหรัฐเท่ากับ 3,232 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตถึง 43% และสามารถทำกำไรสุทธิเท่ากับ 5,075 ล้านบาท เติบโตถึง 77% ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับจากดำเนินธุรกิจมา พิสูจน์ถึงศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ เพราะหลังจากที่เข้าซึ่งกิจการบริษัท เอ็มดับบลิว แบรนด์ส ทำให้ขนาดธุรกิจของบริษัทใหญ่ขึ้นมาก ขณะเดียวกันก็มีการทำธุรกรรมจำนวนมากเกิดขึ้น แต่บริษัทก็สามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี และสำหรับแผนการเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มความรวดเร็วในแผนการลดหนี้ของบริษัทอันเกิดจากการซื้อกิจการเอ็มดับบลิว แบรนด์ส

รวมถึงเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นโอกาสทางการลงทุนอีกมากในปัจจุบัน จึงต้องมีการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม ซึ่งการมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของบริษัท และช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเสี่ยงจากตลาดการเงินทั่วโลกได้อีกด้วย รวมถึงในปีนี้ผู้ถือหุ้นจะเห็นนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่จะกลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้ง คือ การจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีเงินทุนเพิ่มประมาณ 10,000 ล้านบาท สำหรับนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น”

นายธีรพงศ์ กล่าวต่อว่าปัจจุบันอัตราหนี้สินหักเงินสดต่อทุน (Net Debt-to-Equity Ratio) ของบริษัท ณ สิ้นปี 2554 อยู่ที่ระดับ 1.44 เท่า ซึ่งจากการเพิ่มทุนดังกล่าว บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถลดอัตราหนี้สินหักเงินสดต่อทุนลงมาที่ระดับ 0.8 เท่า อย่างไรก็ดี บริษัทเชื่อมั่นว่า จากโครงสร้างดังกล่าวจะส่งผลดีต่อบริษัทในระยะยาว

อย่างไรตาม วานนี้(6มี.ค.) หลังจากบริษัทได้แจ้งการเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนและขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รับทราบ ได้มีผลให้ราคาหุ้นที่ซื้อขายในกระดานปรับตัวลดลงโดยปิดตลาดที่ระดับ 65.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 5.86% จากราคาเมื่อวันก่อน 69.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 916.22 ล้านบาท

บล. เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยังคงมุมมองที่เป็นบวกต่อการเพิ่มทุนที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้ว่าการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้เกิดหุ้นใหม่เพิ่มขึ้นอีก 20.29% เมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมดในทุนจดทะเบียนของ TUF ขณะนี้ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อ EPS จากจำนวนหุ้นใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามา (dilution effect) แต่เห็นว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินทุนที่ได้ไปใช้เพื่อการชำระหนี้ที่เร็วกว่ากำหนด ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ดังนั้น ผลกระทบในรูปของ dilution effect จึงไม่มากนัก ประกอบกับมุมมองต่อการเติบโตของ TUF ยังแข็งแกร่งในระยะยาว จึงไม่กังวลต่อการเพิ่มทุนที่เกิดขึ้น

ส่วนมุมมองต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ TUF ในระยะยาวยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเห็นว่า ในปี 2555 แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากเข้าซื้อกิจการ MW Brand ในยุโรปและส่งผลบวกต่อ TUF มาตั้งแต่ปี 2554 แล้ว ซึ่งนอกจากจะทำให้ยอดขายของ TUF ในฐานะบริษัทแม่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยยังมองว่า จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาในระดับที่สูงขึ้นกว่าอดีตอีกขั้นหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น