ASTVผู้จัดการรายวัน- รังสิยา นิสัยสม พร้อมสู้ศึกเทควันโดรุ่น 57 กก. หญิง ในลอนดอนเกมส์เต็มที่ "ปรีชา ต่อตระกูล" มั่นใจถ้า “น้องจูน” ผ่านมือหนึ่งของรายการไปได้ มีสิทธิลุ้นเหรียญอย่างแน่นอน ด้าน "พ.อ.ศักดา เพ็ชรจินดา" โต้ “บิ๊กอ๊อด” จวกบริหารงานไม่เป็น วอนขอโอกาสในการสร้างกำปั้นไทยเลือดใหม่ เหตุที่ผ่านมา ต้องแก้ปัญหาของคณะทำงานชุดเก่ามาโดยตลอด
การแข่งขันเทควันโดในลอนดอนเกมส์ 2012 พฤหัสบดีที่ 9 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการชิงชัยเหรียญรางวัล โดยจอมเตะสาวไทย รังสิยา นิสัยสม จะลงสนามในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 57 กก.โดย “น้องจูน” มีคิวพบกับ ลี่ เชง เซง ดีกรีเหรียญทองเวิลด์ควอลิฟาย ซึ่งเป็นมือวางอันดับที่ 1 ของรายการ นับว่าเป็นงานหนักตั้งแต่ไฟท์แรก แต่นายปรีชา ต่อตระกูล อุปนายกสมาคมฯ มั่นใจฝีมือของจอมเตะสาวไทยไม่เป็นรอง และมีโอกาสที่จะชนะเช่นกัน
นายปรีชากล่าวว่า หลายคนอาจมองว่าไฟต์แรกของ จูน หนักกว่าเพื่อน แต่นักกีฬาของเราไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวแต่อย่างใดสำหรับ จูน หลายครั้งที่เขาลงสู่สนามแข่งและมีสถานะที่เป็นรอง มักจะพลิกเกมกลับมาชนะได้ ยิ่งในเวลานี้ จูน พร้อมเต็มที่ทั้งสภาพจิตใจและสภาพร่างกาย ที่สำคัญทางสมาคมฯ มั่นใจในการวางแผนเพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้ของโค้ช เช ยอง ซอก ที่ทำการบ้านอย่างหนักมาโดยตลอด
“อย่าลืมว่าเราเป็นแชมป์โลกในรุ่น 62 ที่ลดน้ำหนักลงมา เก่งใหญ่มาเจอกับเก่งเล็ก ผมเชื่อว่าเราก็สู้ได้”
ส่วนความเคลื่อนไหวของเสียงตำหนิที่ดังข้ามประเทศมาจาก “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่พูดถึงผลงานของนักกีฬาไทยในลอนดอนเกมส์ว่า น่าผิดหวังที่ไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้าที่วางไว้พร้อมจวกสมาคมมวยฯว่า มีการจัดการนักกีฬาที่ไม่ดีพอ โดยเฉพาะการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ตลอดเวลา 3 เดือนก่อนทำการแข่งขันนั้น นักมวยไทยต้องไปเก็บตัวที่คิวบา 1 เดือน สหรัฐฯ 1 เดือน ก่อนไปพื้นที่แข่งขัน แต่คราวนี้ 3 เดือนก่อนขึ้นชกยังนอนอยู่ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นักกีฬาจะมีแรงชกได้อย่างไร ที่สำคัญ โค้ชต้องเก่งด้วย ไม่ใช่เอาใครมาเป็นก็ได้ เรื่องอย่างนี้ต้องกล้าลงทุนกันหน่อย นั่นคือเสียงตำหนิจากกรุงเทพฯที่ดังมาไกลถึงลอนดอน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง พ.อ.ศักดา เพ็ชรจินดา "เสธ.ศักดา" ประธานเทคนิคสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ในเชิงตำหนิของ "บิ๊กอ๊อด" ว่า อันที่จริงเรื่องนี้ต้องให้ท่านนายกสมาคมฯ เป็นคนตอบ แต่ผมขออนุญาตชี้แจ้งเพื่อที่แฟนกีฬาชาวไทยจะได้เข้าใจปัญหาอันแท้จริงของสมาคมฯ ที่วันนี้เรายอมรับว่ามีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานในโอลิมปิก แต่ทั้งหมดนั้นมีที่มาที่ไป
ปัญหาที่นักมวยไทย ได้สิทธิ์ผ่านเข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้เป็นจำนวนไม่มากนัก คงต้องขอให้ย้อนกลับไปดูว่าเป็นปัญหาที่มาจากสมาคมเก่า ที่ไม่ได้สร้างเด็กใหม่เอาไว้ นักมวยในปัจจุบันเป็นนักมวยในรุ่นที่ พล.อ เชษฐา ฐานะจาโร (อดีตนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่น) ท่านได้สร้างเอาไว้ อย่าง “แก้ว พงษ์ประยูร” สมัยผู้บริหารสมาคมฯ รุ่นก่อนนั้นเรียกได้ว่าจะไม่เอาติดทีมชาติแล้ว แต่ผมเป็นคนขอเอาไว้
พ.อ.ศักดา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา สมาคมฯ มีเวลาจัดการปัญหาเพียงไม่กี่เดือน ถ้าจะนับแล้วก็ตั้งแต่เดือนก.ย.2554 มาถึงเวลานี้ประมาณได้ 8-9 เดือนก่อนทำการแข่งขัน และต้องไม่ลืมว่านักมวยไทยเกือบไม่ได้มาโอลิมปิกหนนี้ แต่ทางสมาคมฯพยายามอย่างเต็มที่ในการประสานกับสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา) เพื่อให้ได้รับการยอมรับ และในท้ายที่สุดทางไอบา เองก็เริ่มให้ความสนใจเรา
"ถึงเวลานี้ทีมของเราเหมือนเข้ามาเคลียร์ปัญหาที่สั่งสมมานานของสมาคมฯ ก็อยากให้ผู้ใหญ่พิจารณาว่า เรามีเวลาเพียงเท่านี้ การจะคัดเลือกนักกีฬาให้ได้ดีที่สุดมีน้อย แต่ในอนาคตข้างหน้าเราได้วางแผนเอาไว้แล้ว เพียงแต่ต้องให้เวลาในการสร้างนักมวยรุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อลุยการแข่งขันโอลิมปิกในอีกสี่ปีข้างหน้า”
ทางด้านนายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทยให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวว่า ต้องมีการคุยกันและอย่างที่ท่านพล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ได้กล่าวไว้ เพื่อที่จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาให้ถูกจุด ต้องยอมรับว่าผลงานครั้งนี้ของนักกีฬาไทยต่ำกว่าที่เคยทำได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลการจับสลากแบ่งสายที่ต้องไปพบกับคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นระดับมือวางทำให้โอกาสมีไม่มากนัก
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องโควตาโค้ชของแต่ละสมาคมที่กติกาของโอลิมปิกมีการกำหนดที่ชัดเจน ทำให้เจ้าหน้าที่และโค้ชของแต่ละสมาคมไม่สามารถมาดูแลนักกีฬาได้อย่างทั่วถึง และยังมีเรื่องปลีกย่อยอย่างการปรับตัวของนักกีฬาให้เข้ากับสภาพอากาศ และเวลาที่เปลี่ยนไปจากเมืองไทยด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ “บิ๊กอ๊อด” แสดงความผิดหวังต่อผลงานของนักกีฬาไทยนั้นเร็วเกินไปหรือไม่ นายธนากล่าวว่า คิดว่าท่านมองจากภาพรวมของผลงานนักกีฬาที่เกิดขึ้น อย่างยกน้ำหนักที่เคยได้เหรียญมากกว่านี้ในอดีต หนนี้ก็ได้เพียงเหรียญเงินเหรียญเดียว ขณะที่มวยสากลสมัครเล่น ก็เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายเพียงคนเดียว
ทั้งนี้ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทยยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงภาพรวมนักกีฬาทั้ง 37 คนในลอนดอนเกมส์ว่า ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด และลงสนามการแข่งขันด้วยความตั้งใจ ซึ่งผลงานในโอลิมปิกหนนี้อาจไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้แต่เชื่อว่าหลังจบการแข่งขันต้องมีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้นักกีฬาไทยพร้อมมากกว่านี้ในอีกสี่ปีข้างหน้าที่ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล
การแข่งขันเทควันโดในลอนดอนเกมส์ 2012 พฤหัสบดีที่ 9 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการชิงชัยเหรียญรางวัล โดยจอมเตะสาวไทย รังสิยา นิสัยสม จะลงสนามในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 57 กก.โดย “น้องจูน” มีคิวพบกับ ลี่ เชง เซง ดีกรีเหรียญทองเวิลด์ควอลิฟาย ซึ่งเป็นมือวางอันดับที่ 1 ของรายการ นับว่าเป็นงานหนักตั้งแต่ไฟท์แรก แต่นายปรีชา ต่อตระกูล อุปนายกสมาคมฯ มั่นใจฝีมือของจอมเตะสาวไทยไม่เป็นรอง และมีโอกาสที่จะชนะเช่นกัน
นายปรีชากล่าวว่า หลายคนอาจมองว่าไฟต์แรกของ จูน หนักกว่าเพื่อน แต่นักกีฬาของเราไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวแต่อย่างใดสำหรับ จูน หลายครั้งที่เขาลงสู่สนามแข่งและมีสถานะที่เป็นรอง มักจะพลิกเกมกลับมาชนะได้ ยิ่งในเวลานี้ จูน พร้อมเต็มที่ทั้งสภาพจิตใจและสภาพร่างกาย ที่สำคัญทางสมาคมฯ มั่นใจในการวางแผนเพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้ของโค้ช เช ยอง ซอก ที่ทำการบ้านอย่างหนักมาโดยตลอด
“อย่าลืมว่าเราเป็นแชมป์โลกในรุ่น 62 ที่ลดน้ำหนักลงมา เก่งใหญ่มาเจอกับเก่งเล็ก ผมเชื่อว่าเราก็สู้ได้”
ส่วนความเคลื่อนไหวของเสียงตำหนิที่ดังข้ามประเทศมาจาก “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่พูดถึงผลงานของนักกีฬาไทยในลอนดอนเกมส์ว่า น่าผิดหวังที่ไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้าที่วางไว้พร้อมจวกสมาคมมวยฯว่า มีการจัดการนักกีฬาที่ไม่ดีพอ โดยเฉพาะการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ตลอดเวลา 3 เดือนก่อนทำการแข่งขันนั้น นักมวยไทยต้องไปเก็บตัวที่คิวบา 1 เดือน สหรัฐฯ 1 เดือน ก่อนไปพื้นที่แข่งขัน แต่คราวนี้ 3 เดือนก่อนขึ้นชกยังนอนอยู่ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นักกีฬาจะมีแรงชกได้อย่างไร ที่สำคัญ โค้ชต้องเก่งด้วย ไม่ใช่เอาใครมาเป็นก็ได้ เรื่องอย่างนี้ต้องกล้าลงทุนกันหน่อย นั่นคือเสียงตำหนิจากกรุงเทพฯที่ดังมาไกลถึงลอนดอน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง พ.อ.ศักดา เพ็ชรจินดา "เสธ.ศักดา" ประธานเทคนิคสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ในเชิงตำหนิของ "บิ๊กอ๊อด" ว่า อันที่จริงเรื่องนี้ต้องให้ท่านนายกสมาคมฯ เป็นคนตอบ แต่ผมขออนุญาตชี้แจ้งเพื่อที่แฟนกีฬาชาวไทยจะได้เข้าใจปัญหาอันแท้จริงของสมาคมฯ ที่วันนี้เรายอมรับว่ามีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานในโอลิมปิก แต่ทั้งหมดนั้นมีที่มาที่ไป
ปัญหาที่นักมวยไทย ได้สิทธิ์ผ่านเข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้เป็นจำนวนไม่มากนัก คงต้องขอให้ย้อนกลับไปดูว่าเป็นปัญหาที่มาจากสมาคมเก่า ที่ไม่ได้สร้างเด็กใหม่เอาไว้ นักมวยในปัจจุบันเป็นนักมวยในรุ่นที่ พล.อ เชษฐา ฐานะจาโร (อดีตนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่น) ท่านได้สร้างเอาไว้ อย่าง “แก้ว พงษ์ประยูร” สมัยผู้บริหารสมาคมฯ รุ่นก่อนนั้นเรียกได้ว่าจะไม่เอาติดทีมชาติแล้ว แต่ผมเป็นคนขอเอาไว้
พ.อ.ศักดา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา สมาคมฯ มีเวลาจัดการปัญหาเพียงไม่กี่เดือน ถ้าจะนับแล้วก็ตั้งแต่เดือนก.ย.2554 มาถึงเวลานี้ประมาณได้ 8-9 เดือนก่อนทำการแข่งขัน และต้องไม่ลืมว่านักมวยไทยเกือบไม่ได้มาโอลิมปิกหนนี้ แต่ทางสมาคมฯพยายามอย่างเต็มที่ในการประสานกับสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา) เพื่อให้ได้รับการยอมรับ และในท้ายที่สุดทางไอบา เองก็เริ่มให้ความสนใจเรา
"ถึงเวลานี้ทีมของเราเหมือนเข้ามาเคลียร์ปัญหาที่สั่งสมมานานของสมาคมฯ ก็อยากให้ผู้ใหญ่พิจารณาว่า เรามีเวลาเพียงเท่านี้ การจะคัดเลือกนักกีฬาให้ได้ดีที่สุดมีน้อย แต่ในอนาคตข้างหน้าเราได้วางแผนเอาไว้แล้ว เพียงแต่ต้องให้เวลาในการสร้างนักมวยรุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อลุยการแข่งขันโอลิมปิกในอีกสี่ปีข้างหน้า”
ทางด้านนายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทยให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวว่า ต้องมีการคุยกันและอย่างที่ท่านพล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ได้กล่าวไว้ เพื่อที่จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาให้ถูกจุด ต้องยอมรับว่าผลงานครั้งนี้ของนักกีฬาไทยต่ำกว่าที่เคยทำได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลการจับสลากแบ่งสายที่ต้องไปพบกับคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นระดับมือวางทำให้โอกาสมีไม่มากนัก
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องโควตาโค้ชของแต่ละสมาคมที่กติกาของโอลิมปิกมีการกำหนดที่ชัดเจน ทำให้เจ้าหน้าที่และโค้ชของแต่ละสมาคมไม่สามารถมาดูแลนักกีฬาได้อย่างทั่วถึง และยังมีเรื่องปลีกย่อยอย่างการปรับตัวของนักกีฬาให้เข้ากับสภาพอากาศ และเวลาที่เปลี่ยนไปจากเมืองไทยด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ “บิ๊กอ๊อด” แสดงความผิดหวังต่อผลงานของนักกีฬาไทยนั้นเร็วเกินไปหรือไม่ นายธนากล่าวว่า คิดว่าท่านมองจากภาพรวมของผลงานนักกีฬาที่เกิดขึ้น อย่างยกน้ำหนักที่เคยได้เหรียญมากกว่านี้ในอดีต หนนี้ก็ได้เพียงเหรียญเงินเหรียญเดียว ขณะที่มวยสากลสมัครเล่น ก็เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายเพียงคนเดียว
ทั้งนี้ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทยยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงภาพรวมนักกีฬาทั้ง 37 คนในลอนดอนเกมส์ว่า ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด และลงสนามการแข่งขันด้วยความตั้งใจ ซึ่งผลงานในโอลิมปิกหนนี้อาจไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้แต่เชื่อว่าหลังจบการแข่งขันต้องมีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้นักกีฬาไทยพร้อมมากกว่านี้ในอีกสี่ปีข้างหน้าที่ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล
