xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คณะทำงานกู้วิกฤตส่งออกอืด เป้า15%ทำได้แค่ฝันกลางวัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยรรยง พวงราช
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ปีนี้กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศว่าจะมีอัตราการขยายตัว 15% หรือมีมูลค่าประมาณ 2.63 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่ผลที่ปรากฏ ณ วันนี้ เมื่อประกาศตัวเลขการส่งออกครึ่งปี 2555 (มกราคม-มิถุนายน) ยังส่งออกได้เพียงแค่มูลค่า 112,264 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวติดลบ 2% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 122,604 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% และขาดดุลการค้ารวม 10,340 ล้านเหรียญสหรัฐ

นั่นเท่ากับว่า ในช่วงที่เหลืออีก 6 เดือน หากจะผลักดันให้ส่งออกโต 15% จะต้องผลักดันการส่งออกให้ได้เดือนละมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน ถ้าต่ำกว่านี้ โอกาสจึงเหลือเท่ากับศูนย์ คือ เป็นไปไม่ได้เลย

ไม่เพียงแค่นี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังเกิดวิกฤตศรัทธา โดนข้อหาปั้นตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2555 ที่เดิมเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ประกาศว่าการส่งออกมีมูลค่าประมาณ 20,128.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.5% นำเข้า 20,678.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.41% ขาดดุลการค้า 550.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และยอดส่งออก 6 เดือน มีมูลค่า 112,622.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.66% การนำเข้ามีมูลค่า 122,966.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.28% ขาดดุลสูงถึง 10,344.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

แต่ถัดมาอีกวัน คือ 26 กรกฎาคม 2555 กระทรวงพาณิชย์ได้ยอมรับว่าการส่งออกที่แถลงไปเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 เป็นตัวเลขที่ผิด ซึ่งสร้างความปั่นป่วนเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และหน่วยงานเศรษฐกิจหลายๆ หน่วยงาน ก็แสดงความกังวลในเรื่องนี้

เรื่องนี้ นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาชี้แจงว่า ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศเดือนมิถุนายน 2555 ที่คลาดเคลื่อน เกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายคอมพิวเตอร์คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนผิด โดยมีการนำอัตราแลกเปลี่ยนของเดือนพ.ค. มาคำนวณ โดยการส่งออกใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 30.6288 บาท/เหรียญสหรัฐ นำเข้าใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 31.0085 บาท/เหรียญสหรัฐ ทั้งๆ ที่ต้องใช้อัตราแลกเปลี่ยนเดือนมิถุนายนมาคำนวณ คือ ส่งออกใช้ 31.1829 บาท/เหรียญสหรัฐ และนำเข้าใช้ 31.5606 บาท/เหรียญสหรัฐ

ทำให้ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงจากที่แถลงเดิม คือ การส่งออกจะมีมูลค่า 1.97 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.2% นำเข้ามูลค่า 2.03 หมื่นเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% และขาดดุลการค้า 546.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกรวมในช่วง 6 เดือนปี 2555 (มกราคม-มิถุนายน) จะมีมูลค่า 1.12 แสนล้านเหรียญสหรัฐ การนำเข้ามีมูลค่า 1.22 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 1.03 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ อย่างที่บอกไว้แล้วในตอนต้น

พร้อมยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ ไม่มีนัยสำคัญในการบิดเบือนตัวเลข เพราะถ้าปกปิดหรือบิดเบือนข้อมูล คงไม่มาแก้ไขตัวเลข

นั่นก็ว่ากันไป ส่วนใครจะผิดจะถูก ก็พิจารณากันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ตัวเลขการส่งออกที่ออกมา 6 เดือน ก็พอจะชี้ชัดได้ว่า โอกาสที่การส่งออกจะทำได้ตามเป้า 15% คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

สอดคล้องกับที่ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ออกมาวิเคราะห์ผลกระทบการส่งออกไทยจากวิกฤตยูโรว่า การส่งออกไทยปี 2555 อัตราการขยายตัวจะต่ำสุดในรอบ 3 ปี นับจากปี 2553 โดยจะขยายตัว 3.8-7.5% โดยมีโอกาสมากถึง 50% ที่การส่งออกจะขยายตัวได้เพียง 5.8% คิดเป็นมูลค่า 242,184 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 2554 ที่ขยายตัว 17.2% โดยไตรมาส 3 ปีนี้จะยังติดลบ 4.8% และขยายตัวเป็นบวก 11.1% ในไตรมาส 4 หลังจากครึ่งปีแรกติดลบไปถึง 2% โดยเป็นการปรับลดจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 13% และทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งการตลาดจาก 1.4% ของการค้าโลก เหลือ 1.2-1.3%

ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกของไทยหดตัวลงมาก เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปได้กระทบต่อการส่งออกโดยตรง โดยทำให้การส่งออกหายไป 4,298 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกระทบต่อการส่งออกรวมหดตัว 1.6% ซึ่งตลาดยุโรปปีนี้น่าจะติดลบ 4.5% และกระทบต่อการส่งออกทางอ้อมสูญเสีย 5,144 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกระทบต่อส่งออกหดตัว 1.9% ซึ่งหากรวมการสูญเสียทั้งทางตรงและทางอ้อมจะเท่ากับ 9,442 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 298,876 ล้านบาท หรือกระทบต่อส่งออกหดตัว 3.5%

พร้อมทั้งฟันธงว่า การจะผลักดันให้การส่งออกขยายตัว 15% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ มีความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์ เพราะมองยังไงก็ไม่เห็นว่าจะทำได้

ขณะที่คณะทำงานแก้ไขปัญหาอุปสรรคและผลักดันการส่งออก ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ตั้ง ตั้งแต่ครั้งการประชุมเวิร์กชอปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2555 จนถึงวันนี้ผ่านไปแล้ว 1 เดือน ยังเพิ่งตั้งไข่ประชุมไปได้แค่นัดเดียว

หลังประชุมแทนที่จะมีมาตรการเชิงรุกผลักดันการส่งออก กลับตั้งคณะอนุกรรมการย่อยขึ้นมาอีก เพื่อดูแลปัญหารายสินค้า ได้แก่ อาหาร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อัญมณีและเครื่องประดับ ข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา กว่าจะรู้เรื่องว่าต้องทำอะไร คงใช้เวลาอีกนาน

ส่วนเรื่องอื่นๆ จะหาทางยกระดับด่านการค้าถาวรในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา 4 แห่ง และไทย-พม่า 1 แห่ง เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าชายแดน ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้เร็วแค่ไหน

การจะมาป่าวประกาศว่า เป้า 15% ยังทำได้ โอกาสยังเป็นไปได้ ก็อยากจะขอให้กระทรวงพาณิชย์หันมายอมรับความจริง และหันมาทำงาน แทนที่จะนอนฝันกลางวัน แล้วตื่นมานั่งโม้ตัวเลขเพื่อเอาหน้ารอดไปวันๆ เพราะถ้าสุดท้ายแล้ว มันทำไม่ได้ หน้าจะแหกจนหมอไม่รับเย็บเอา !!!
บุญทรง เตริยาภิรมย์
กำลังโหลดความคิดเห็น