ออฟฟิศดีโป” ปรับทิศ รุกหนักตลาดภูธร เร่งขยายสาขาเพิ่มขึ้น หวังเป้าอีก 2 ปีสัดส่วนรายได้ภูธรเพิ่มเป้น 1,500 ล้านบาทหรือเพิ่ม 300% รับกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น ปีหน้าพร้อมลงทุนอีก 100 ล้านบาท
ผุดดีซีแห่งใหม่ย่านบางนา-ตราด
นายสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านออฟฟิศ ดีโป เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายสาขาใหม่ประมาณ 10 สาขา ด้วยงบประมาณลงทุนรวม 350 ล้านบาท อย่างไรก็ตามแผนธุรกิจากนี้จะมุ่งเน้นการเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะพบว่าตลาดเริ่มมีกำลังซื้อและความต้องการมากขึ้น
หลังจากที่ธุรกิจจำนวนมากได้ย้ายโรงงานผลิตสินค้าออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปจังหวัดที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ทำให้ตลาดต่างจังหวัดเติบโตมาก ความต้องการสินค้าอุปกรณ์สำนักงานมากขึ้นตามไปด้วย ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขารวมทั้งหมด 45 สาขา แต่มีสาขาที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัดเพียง 12 สาขาเท่านั้น จึงนับว่ายังมีโอกาสอีกมาก ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างจังหวัดมีประมารณ 500 ล้านบาท ในปีที่แล้ว และตั้งเป้าหมายว่า ในช่วง 2 ปีจากนี้ที่บริษัทฯขยายสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้นจะทำให้รายได้ที่มาจากต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโตจากปีนี้ถึง 300% โดยที่ภาพรวมรายได้ของบริษัทฯมีประมาณ 4,500 ล้านบาท
ขณะที่ในปีหน้าแผนการขยายสาขาก็ยังคงมุ่งเน้นเปิดสาขาในต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน ประมาณ 5 สาขา จากจำนวนที่จะเปิดใหม่ประมาณ 10 สาขาต่อปีโดยฉลี่ย ซึ่งคาดว่าอีก 2-3 ปีจากนี้จะมีสาขาของออฟฟิศดีโปรวมประมาณ 70 ก่ว่าสาขาทั่วปรเทศหรือใช้งบลงทุนรวมประมาณ 950 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 350 ล้านบาท และยังมีแผนย้ายคลังสินค้าที่อยู่บนถนนบางนา-ตราดไปอยู่อีกแห่งในย่านเดียวกัน เพราะคลังสินค้าปัจจุบันมีพื้นที่เพียง 2,000 ตร.ม. ไม่เพียงพอต่อการสต๊อกสินค้า โดยได้ทำการเช่าที่ดินแห่งใหม่สร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ คาดว่าจะมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าไม่ต่ำกว่า 5,000 ตร.ม. ใช้งบลงทุนก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ซึ่งการย้ายคลังสินค้าครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับธุรกิจขยายตัวในอนาคตและป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น
นายสมชัยกล่าวต่อว่า แผนการทำตลาดปีนี้ได้เตรียมงบไว้ประมาณ 120 ล้านบาท ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบต่างๆ ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ “5 แพคเกจ ให้ลูกค้าบินลัดฟ้าสัมผัส 5 มหานครดัง” เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ใต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 1,000 บาท คาดว่าแคมเปญนี้จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 15% หลังจากจบในวันที่ 31 สิงหาคมนี้และผลักดันให้สิ้นปีนี้มีรายได้รวมประมาณ 3,500 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 3,100 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 15% ของมูลค่าตลาดรวมอุปกรณ์และเครื่องใช้สำนักงาน 24,000 ล้านบาท แม้ว่าปีนี้จะมีการทยอยปรับราคาสินค้าบางรายการขึ้นมาประมาณ 15% ตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะต้นทุนที่ทำด้วยเหล็ก
ผุดดีซีแห่งใหม่ย่านบางนา-ตราด
นายสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านออฟฟิศ ดีโป เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯมีแผนขยายสาขาใหม่ประมาณ 10 สาขา ด้วยงบประมาณลงทุนรวม 350 ล้านบาท อย่างไรก็ตามแผนธุรกิจากนี้จะมุ่งเน้นการเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะพบว่าตลาดเริ่มมีกำลังซื้อและความต้องการมากขึ้น
หลังจากที่ธุรกิจจำนวนมากได้ย้ายโรงงานผลิตสินค้าออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปจังหวัดที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ทำให้ตลาดต่างจังหวัดเติบโตมาก ความต้องการสินค้าอุปกรณ์สำนักงานมากขึ้นตามไปด้วย ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขารวมทั้งหมด 45 สาขา แต่มีสาขาที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัดเพียง 12 สาขาเท่านั้น จึงนับว่ายังมีโอกาสอีกมาก ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างจังหวัดมีประมารณ 500 ล้านบาท ในปีที่แล้ว และตั้งเป้าหมายว่า ในช่วง 2 ปีจากนี้ที่บริษัทฯขยายสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้นจะทำให้รายได้ที่มาจากต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโตจากปีนี้ถึง 300% โดยที่ภาพรวมรายได้ของบริษัทฯมีประมาณ 4,500 ล้านบาท
ขณะที่ในปีหน้าแผนการขยายสาขาก็ยังคงมุ่งเน้นเปิดสาขาในต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน ประมาณ 5 สาขา จากจำนวนที่จะเปิดใหม่ประมาณ 10 สาขาต่อปีโดยฉลี่ย ซึ่งคาดว่าอีก 2-3 ปีจากนี้จะมีสาขาของออฟฟิศดีโปรวมประมาณ 70 ก่ว่าสาขาทั่วปรเทศหรือใช้งบลงทุนรวมประมาณ 950 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 350 ล้านบาท และยังมีแผนย้ายคลังสินค้าที่อยู่บนถนนบางนา-ตราดไปอยู่อีกแห่งในย่านเดียวกัน เพราะคลังสินค้าปัจจุบันมีพื้นที่เพียง 2,000 ตร.ม. ไม่เพียงพอต่อการสต๊อกสินค้า โดยได้ทำการเช่าที่ดินแห่งใหม่สร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ คาดว่าจะมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าไม่ต่ำกว่า 5,000 ตร.ม. ใช้งบลงทุนก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ซึ่งการย้ายคลังสินค้าครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับธุรกิจขยายตัวในอนาคตและป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น
นายสมชัยกล่าวต่อว่า แผนการทำตลาดปีนี้ได้เตรียมงบไว้ประมาณ 120 ล้านบาท ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบต่างๆ ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแคมเปญ “5 แพคเกจ ให้ลูกค้าบินลัดฟ้าสัมผัส 5 มหานครดัง” เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ใต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 1,000 บาท คาดว่าแคมเปญนี้จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 15% หลังจากจบในวันที่ 31 สิงหาคมนี้และผลักดันให้สิ้นปีนี้มีรายได้รวมประมาณ 3,500 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 3,100 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 15% ของมูลค่าตลาดรวมอุปกรณ์และเครื่องใช้สำนักงาน 24,000 ล้านบาท แม้ว่าปีนี้จะมีการทยอยปรับราคาสินค้าบางรายการขึ้นมาประมาณ 15% ตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะต้นทุนที่ทำด้วยเหล็ก