“กิตติรัตน์” กดปุ่มเปิดงาน “มหกรรมรวมพล ร้านถูกใจ โชวห่วยช่วยชาติ” พร้อมเปิดคอลเซ็นเตอร์ “ร้านถูกใจ” ยันเป็นโครงการที่ดี ไม่ได้ละเลงงบประมาณ-บิดเบือนกลไกตลาด พร้อมการันตีสินค้าที่เข้าร่วม มีคุณภาพ พร้อมเปิดตัว “คอลเซ็นเตอร์” 100 คู่สาย โทร.สั่งสินค้าโดยตรง จัดส่งด่วนไม่เกิน 7 วันทั่วประเทศ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมรวมพล ร้านถูกใจ โชวห่วย ช่วยไทย ช่วยชาติ” โดยระบุว่า โครงการดังกล่าวไม่ได้เป็นการละลายงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เนื่องจากได้สินค้าราคาถูกจากโรงงานโดยตรง ไม่ได้บิดเบือนกลไกตลาด
“ยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งยังคงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปัจจุบัน โครงการร้านถูกใจ มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 10,000 รายแล้ว ถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะเน้นคุณภาพในการเปิดร้านมากขึ้น”
สำหรับการเปิดตัวในวันนี้ ถือเป็นการปฐมนิเทศผู้ประกอบการที่สมัครเพื่อร่วมโครงการ ร้านถูกใจฯ ในการจำหน่ายสินค้าราคาถูกทั่วประเทศ กว่า 5,000 แห่ง ซึ่งในวันนี้ ผู้ประกอบการจะได้รับทราบวิธีการสั่งซื้อ และจัดส่งสินค้า หลังจากทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการปรับปรุงวิธีการ เพื่อให้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยการสั่งซื้อผ่านคอลเซ็นเตอร์ ของกรมการค้าภายในเพียงช่องทางเดียว โดยเบอร์โทรศัพท์ 0-2576-5111 จำนวน 100 คู่สาย ซึ่งมั่นใจว่า จะทำให้การจัดส่งสินค้าให้แก่ร้านถูกใจรวดเร็วขึ้น ในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่เกิน 5 วัน และต่างจังหวัด ไม่เกิน 7 วัน
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ กรมได้มีการปรับระบบการบริหารจัดการร้านถูกใจใหม่ทั้งหมด เพื่อให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น โดยกรมฯ ได้จัดตั้งคอลเซ็นเตอร์ โทร.0-2576-5111 เพื่อให้สมาชิกร้านถูกใจทั่วประเทศโทรศัพท์เข้ามาสั่งสินค้า จากนั้น กรมฯ จะส่งคำสั่งซื้อทั้งหมดเข้าสู่ระบบประมวลผลขององค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อให้ อคส.เป็นผู้สั่งสินค้ากับผู้ผลิตโดยตรง ซึ่งเมื่อผลิตเสร็จแล้วจะจัดส่งไปยังห้างแม็คโคร เพื่อดำเนินการรวมห่อ แล้วจึงจะมีบริษัทเอกชนทำหน้าที่เป็นผู้จัดส่งสินค้าไปยังร้านถูกใจทั่วประเทศ
“ระบบการบริหารจัดการใหม่นี้ น่าจะทำให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น เพราะตัดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนออก รวมถึงได้ว่าจ้างห้างแม็คโครให้เป็นผู้รวมห่อให้ และว่าจ้างบริษัทเอกชนให้ขนส่งสินค้าให้ด้วย จากเดิมที่ผลิตเสร็จแล้ว บริษัท ไปรษณีย์ไทย จะเป็นผู้รวมห่อ และจัดส่งให้ ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยาก ทำให้การขนส่งล่าช้าจึงต้องตัดออกไป ระบบใหม่นี้คาดว่า จะทำให้ร้านถูกใจในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้รับสินค้ารวดเร็วภายใน 5 วัน หลังการสั่งซื้อ ส่วนในต่างจังหวัดน่าจะประมาณ 7 วัน กรมจะทดลองทำระบบใหม่ก่อนสักระยะ หากประสบความสำเร็จดีก็น่าจะใช้ระบบนี้ตลอดไป”
นางวัชรี ยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์ยังจะเดินหน้าโครงการนี้ แม้จะสิ้นสุดระยะเวลาโครงการในเดือนกันยายน 2555 นี้ เพราะเป็นประโยชน์แก่ประชาชน และผู้ประกอบการร้านโชวห่วยชุมชนที่เข้าร่วมเป็นร้านถูกใจ เพราะจะทำให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าที่จำเป็นได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปประมาณ 20%
ส่วนงบประมาณที่ใช้ดำเนินการกว่า 1,300 ล้านบาทนั้น ยืนยันว่า ได้ใช้อย่างคุ้มค่า และไม่เสียเปล่าแน่นอน โดยงบส่วนใหญ่ใช้ในการปรับปรุงร้านโชวห่วยที่สมัครเป็นร้านถูกใจ รวมถึงเป็นค่าชั้นวางสินค้า ค่าจ้างบุคลากรให้ทำหน้าที่ติดตามการทำงานของร้านถูกใจทั่วประเทศ ซึ่งล่าสุด มีร้านโชวห่วยสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 14,000 ร้านทั่วประเทศ และมีร้านที่ได้รับอนุมัติให้เปิดขายแล้วกว่า 6,000 ร้านทั่วประเทศ