ASTVผู้จัดการรายวัน-"บุญทรง"ชง กนป. นำเข้าน้ำมันปาล์ม 1 หมื่นตัน แก้สต๊อกลด หลังสต๊อกเดิมใกล้จุดวิกฤต ยันขายราคาเดิมขวดละ 42 บาท แฉยังพบส่งออกมากผิดปกติ เตรียมเสนอเก็บเซอร์ชาจต่อ แนะประชาชนหากเดือดร้อนหาซื้อน้ำมันปาล์มไม่ได้ หรือมีราคาแพงให้แจ้งสายด่วน 1569 เผยช่วงนี้ให้หาซื้อผ่านงานธงฟ้าที่กำลังจัดขึ้นทั่วประเทศ ราคาถูกแค่ขวดละ 37 บาท
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน พิจารณานำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 1 หมื่นตัน เพื่อแก้ไขปัญหาสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศลดต่ำมาก โดยเป็นการนำเข้าภายใต้โควตาเดิมที่อนุมัติไว้ช่วงต้นปี 4 หมื่นตัน และที่ผ่านมา มีการนำเข้ามาเพียงแค่ 1 หมื่นตัน ยังเหลือโควตาอีก 3 หมื่นตัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่า สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ ตามข้อมูลที่กรมการค้าภายในรายงานเหลืออยู่เพียง 1.6-1.7 แสนตันซึ่งอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง เพราะต่ำกว่าระดับปกติที่ควรมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอย่างน้อย 2 แสนตัน โดยความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศต่อเดือนเพื่อผลิตน้ำมันปาล์มบริโภคอยู่ที่ 1.35 แสนตัน ยังไม่รวมภาคอุตสาหกรรม และการผลิตเอทานอลที่ต้องใช้น้ำมันปาล์มผลิตอีกเดือนละ 5 หมื่นตัน จึงต้องมีการนำเข้าเพื่อเร่งเพิ่มสต๊อกภายในประเทศ
"ยืนยันว่าการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเข้ามา จะไม่กระทบต่อราคาปลายทาง ผู้บริโภคยังสามารถหาซื้อได้ในราคาขวดละ 42 บาท เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มในตลาดต่างประเทศขณะนี้เฉลี่ย กก.ละ 30-31 บาท ถูกว่าในประเทศที่ กก.35-36 บาท เมื่อนำเข้ามายังเป็นราคาต้นทุนเดิมที่สามารถขายได้ตามราคาปกติ"นายบุญทรงกล่าว
นายบุญทรงกล่าวว่า ยังได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเร่งตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มทั้งในส่วนของโรงสกัด โรงกลั่น และห้างสรรพสินค้าว่ามีสต๊อกที่แท้จริงเหลืออยู่ในประเทศเท่าไร ตรงตามข้อมูลที่กรมการค้าภายในจัดเก็บหรือไม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และจะเข้าไปตรวจสอบดูว่ามีกระบวนการจงใจทำให้น้ำมันปาล์มในประเทศปั่นป่วนหรือไม่ เพราะล่าสุดการส่งออกน้ำมันปาล์มในเดือนก.ค. ยังคงเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่มาตรการยกเลิกภาษีส่งออก (เซอร์ชาร์จ) ซึ่งหมดระยะลงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา และหากสถานการณ์ผิดปกติก็จะมีการต่ออายุเซอร์ชาร์จต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อตรวจสอบผลผลิตปาล์มในฤดูกาลนี้ว่ายังมีปริมาณตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ เพราะขณะนี้แนวโน้มผลผลิตเท่าที่ได้รับรายงานลดลงเดือนละ 25-30% เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาแบบครบวงจร
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้หากประชาชนเดือดร้อนไม่สามารถหาซื้อน้ำมันปาล์มได้ หรือพบว่ามีราคาแพง สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่สายด่วน 1569 หรือหาซื้อผ่านงานธงฟ้าที่กำลังจัดทั่วประเทศ ซึ่งล่าสุดได้จัด มหกรรมธงฟ้าไทยช่วยไทย ครั้งที่ 3 ที่จะมีไปจนถึงวันที่ 15 ก.ค.นี้ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยจำหน่ายน้ำมันปาล์มเพียงขวดละ 37 บาท ถูกกว่าราคาท้องตลาด 42 บาท และยังมีสินค้าลดราคา 20-40% จำหน่ายอีกกว่า 500 คูหา คาดมีประชาชนเข้าร่วมงาน 1-1.2 แสนคน เงินหมุนเวียน 50-60 ล้านบาท สามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้ 20-25 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าร้านถูกใจ ยืนยันว่าภายใน 1 สัปดาห์ จะแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดส่งสินค้าที่ล่าช้าได้หมด เพราะขณะนี้ได้ให้กรมการค้าภายในเป็นผู้ดูแลการสั่งซื้อสินค้า โดยจัดตั้ง Call Center ขึ้นมา เพื่อรับคำสั่งซื้อแล้วส่งไปยังผู้ผลิตสินค้า หลังจากนั้นถึงจะส่งเรื่องให้ไปรษณีย์ไทยเป็นผู้จัดส่งสินค้าไปให้กับร้านค้าที่สั่งสินค้าเข้ามา และไม่ห่วงว่าจะถูกฝ่ายค้านอภิปราย เพราะเตรียมข้อมูลในการชี้แจงไว้หมดแล้ว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน พิจารณานำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 1 หมื่นตัน เพื่อแก้ไขปัญหาสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศลดต่ำมาก โดยเป็นการนำเข้าภายใต้โควตาเดิมที่อนุมัติไว้ช่วงต้นปี 4 หมื่นตัน และที่ผ่านมา มีการนำเข้ามาเพียงแค่ 1 หมื่นตัน ยังเหลือโควตาอีก 3 หมื่นตัน
ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่า สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ ตามข้อมูลที่กรมการค้าภายในรายงานเหลืออยู่เพียง 1.6-1.7 แสนตันซึ่งอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง เพราะต่ำกว่าระดับปกติที่ควรมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอย่างน้อย 2 แสนตัน โดยความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศต่อเดือนเพื่อผลิตน้ำมันปาล์มบริโภคอยู่ที่ 1.35 แสนตัน ยังไม่รวมภาคอุตสาหกรรม และการผลิตเอทานอลที่ต้องใช้น้ำมันปาล์มผลิตอีกเดือนละ 5 หมื่นตัน จึงต้องมีการนำเข้าเพื่อเร่งเพิ่มสต๊อกภายในประเทศ
"ยืนยันว่าการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเข้ามา จะไม่กระทบต่อราคาปลายทาง ผู้บริโภคยังสามารถหาซื้อได้ในราคาขวดละ 42 บาท เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มในตลาดต่างประเทศขณะนี้เฉลี่ย กก.ละ 30-31 บาท ถูกว่าในประเทศที่ กก.35-36 บาท เมื่อนำเข้ามายังเป็นราคาต้นทุนเดิมที่สามารถขายได้ตามราคาปกติ"นายบุญทรงกล่าว
นายบุญทรงกล่าวว่า ยังได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเร่งตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มทั้งในส่วนของโรงสกัด โรงกลั่น และห้างสรรพสินค้าว่ามีสต๊อกที่แท้จริงเหลืออยู่ในประเทศเท่าไร ตรงตามข้อมูลที่กรมการค้าภายในจัดเก็บหรือไม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และจะเข้าไปตรวจสอบดูว่ามีกระบวนการจงใจทำให้น้ำมันปาล์มในประเทศปั่นป่วนหรือไม่ เพราะล่าสุดการส่งออกน้ำมันปาล์มในเดือนก.ค. ยังคงเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่มาตรการยกเลิกภาษีส่งออก (เซอร์ชาร์จ) ซึ่งหมดระยะลงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา และหากสถานการณ์ผิดปกติก็จะมีการต่ออายุเซอร์ชาร์จต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อตรวจสอบผลผลิตปาล์มในฤดูกาลนี้ว่ายังมีปริมาณตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ เพราะขณะนี้แนวโน้มผลผลิตเท่าที่ได้รับรายงานลดลงเดือนละ 25-30% เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาแบบครบวงจร
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้หากประชาชนเดือดร้อนไม่สามารถหาซื้อน้ำมันปาล์มได้ หรือพบว่ามีราคาแพง สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่สายด่วน 1569 หรือหาซื้อผ่านงานธงฟ้าที่กำลังจัดทั่วประเทศ ซึ่งล่าสุดได้จัด มหกรรมธงฟ้าไทยช่วยไทย ครั้งที่ 3 ที่จะมีไปจนถึงวันที่ 15 ก.ค.นี้ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยจำหน่ายน้ำมันปาล์มเพียงขวดละ 37 บาท ถูกกว่าราคาท้องตลาด 42 บาท และยังมีสินค้าลดราคา 20-40% จำหน่ายอีกกว่า 500 คูหา คาดมีประชาชนเข้าร่วมงาน 1-1.2 แสนคน เงินหมุนเวียน 50-60 ล้านบาท สามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้ 20-25 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าร้านถูกใจ ยืนยันว่าภายใน 1 สัปดาห์ จะแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดส่งสินค้าที่ล่าช้าได้หมด เพราะขณะนี้ได้ให้กรมการค้าภายในเป็นผู้ดูแลการสั่งซื้อสินค้า โดยจัดตั้ง Call Center ขึ้นมา เพื่อรับคำสั่งซื้อแล้วส่งไปยังผู้ผลิตสินค้า หลังจากนั้นถึงจะส่งเรื่องให้ไปรษณีย์ไทยเป็นผู้จัดส่งสินค้าไปให้กับร้านค้าที่สั่งสินค้าเข้ามา และไม่ห่วงว่าจะถูกฝ่ายค้านอภิปราย เพราะเตรียมข้อมูลในการชี้แจงไว้หมดแล้ว
