สภาพเมืองไทยเหมือนรถยนต์เสียศูนย์ วิ่งไม่ตรงทาง พวงมาลัยใช้บังคับไม่ได้ เครื่องยนต์รวน ยางลมอ่อน วิ่งตุปัดตุเป๋ หม้อลมเบรกชำรุด คนขับเอ๋อออกแนวไปทางหน่อมแน้มเกือบปัญญาอ่อน และกำลังแล่นบนถนนคดเคี้ยวลงจากยอดเขา
ผู้โดยสารได้แต่นั่งสวดมนต์ภาวนา ทั้งตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าชะตากรรมจะลงเอยอย่างไร! ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ย่อมมีผู้บาดเจ็บล้มตาย รถพังยับเยินสิ้นสภาพ
เมื่อเป็นประเทศมีประชากรกว่า 65 ล้านคน เผชิญปัญหารุมเร้าสารพัด ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความเสื่อมโทรมด้านศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม การแสวงหาผลประโยชน์อย่างไร้จิตสำนึกและยางอาย ค่านิยมยุคใหม่โดยไร้หลักยึดเหนี่ยว ทำให้สังคมไทยเสี่ยงต่อความล่มสลายเพราะกลียุคการเมือง
ยิ่งกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ขั้นกลาง สิ้นสภาพความน่าเชื่อถือ หลักการเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายไม่ปฏิบัติหน้าที่ ยอมสยบต่ออำนาจการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล เท่ากับบ้านเมืองไร้ขื่อแป
ประชาชนเริ่มต้นวันใหม่ ยังไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะมุ่งสู่ทิศทางไหน และลงเอยในชะตากรรมอย่างไร เหมือนโครงสร้างปราศจากพื้นฐานมั่นคง แต่ละคนอยู่ไปวันๆ ตามสภาพ มีผู้นำรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ก็เหมือนไม่มี ไม่แตกต่างกันนัก
สภาพเช่นนี้ ถ้าไม่มียังจะดีกว่า ทำให้วิญญูชนไม่ต้องนั่งลุ้นว่าแต่ละวันจะต้องเผชิญกับความอดสู อับอายขายหน้าของความหน่อมแน้ม ไร้สติปัญญา
เมืองไทยอุดมสมบูรณ์เพียงพอ ทำให้นักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า และหุ้นส่วนในการทุจริต สุมหัวกันโกงบ้านกินเมืองมาโดยตลอดเวลากว่า 50 ปีของระบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคมยุคใหม่ ยกระดับการโกงจาก 5 จนถึง 35 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า สะท้อนให้เห็นความหน้าด้าน อหังการ ลำพองอำนาจ
กลไกกฎหมายบ้านเมืองไร้สภาพการบังคับ การทุจริตคอร์รัปชันติดอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชีย แต่กระนั้นเงินภาษี งบประมาณยังไม่หนำใจ นักการเมืองชุดนี้หาเรื่องใช้วิกฤตน้ำท่วมประเทศเป็นโอกาสเหมาะ จัดงบพิเศษมหาศาล
ตั้งยอดไว้ 3.5 แสนล้านบาทสำหรับการถลุงแบบจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ชักนำบริษัทต่างชาติเข้ามารุมทึ้งเงินจำนวนนี้ เป็น “ค่าโง่” แพงที่สุดที่ประเทศต้องจ่ายให้ความบัดซบ โง่เขลาปัญญา แต่ขยันเชิงโง่ ขาดความรู้ด้านจัดการน้ำ
ค่าโง่เท่านี้ยังกินไม่อิ่ม วางแผนกู้เงินเพิ่มอีก 2.2 ล้านล้านบาท หวังทิ้งมรดกบาปให้ถึงรุ่นหลาน เหลน โหลน หรือให้บ้านเมืองล่มจม หนี้สินล้นพ้นตัว
ค่าโง่ครั้งนี้ ไม่ใช่โง่ตามธรรมชาติแท้ แต่เป็นค่าโง่แบบพิเศษ คือโง่ซ้ำซาก เป็นสภาพความแสร้งโง่ของนักการเมืองหากินกับความโง่ของผู้นำไร้ยางอาย
คำเตือนของผู้ห่วงใยบ้านเมืองไม่ซึมเข้ากะโหลก สู่จิตสำนึกด้านดีที่ยังเหลือ ทุกฝ่ายรุมจ้องงาบงบก้อนใหญ่เหมือนกับว่าเป็นเหยื่อโอชะชิ้นสุดท้าย! ถ้าบ้านเมืองจะต้องหายนะล่มจม ยังมีสมบัติไว้อยู่กินถึงรุ่นลูกหลาน
ด้วยเหตุนี้ จึงมีค่านิยมใหม่ เช่น โกงกินจากโครงการต่างๆ ได้ ถ้าประชาชนได้ประโยชน์! ยอมรับการทุจริต ถ้าตัวเองมีส่วนแบ่ง! เท่ากับว่าไม่มีใครสนใจสอดส่องป้องกันการทุจริต เพราะเห็นได้ชัดว่ากฎหมายไร้ความหมาย
นักการเมืองกังฉินสะสมความมั่งคั่ง ยังเร่งโกงกินอย่างเปิดเผย แข่งกับเวลา เมื่อสภาพการเมืองไม่สร้างความมั่นใจว่าจะยั่งยืน เปลี่ยนขั้ว เกิดมิคสัญญี กลียุคเมื่อไหร่ ถ้าประชาชนไม่อดทนต่อสภาพไร้ทิศทางของอนาคตประเทศ
เราเห็นเหลี่ยมร้ายยังเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของประเทศไทยอย่างอหังการ เป็นประธานาธิบดีเร่ร่อน สั่งการงานผ่านตัวแทน ไม่แยแสต่อกฎหมาย! นายตำรวจระดับสูง นักการเมือง แห่กันไปพบ พินอบพิเทาถึงต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เหลี่ยมร้ายเป็นคนหนีคุก มีหมายจับ! เท่ากับว่าคนเหล่านั้นไม่แคร์อำนาจศาล
รัฐบาลแม่นางโพยปูโพรกเน่าในไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ขบวนการมวลชนเผ่าเสื้อแดงสำรอก สำรากข่มขู่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เหยียดหยามศาลอาญา องค์กรอิสระ ไล่ทำร้ายกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างเปิดเผย
ตำรวจนอกจากไม่จับกุม ยังแสดงท่าทีเป็นฝ่ายเดียวกับผู้ละเมิดกฎหมาย ให้ท้ายผู้กระทำความผิด มีกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ ถอนฟ้อง ไม่ใส่ใจว่าประชาชนจะมองด้วยสายตาหมิ่นแคลน หมดสภาพความน่าเชื่อถือ
ช่วงนี้นักการเมืองสังกัดคอกเหลี่ยมร้าย ข้าราชการ แห่กันไปหานายใหญ่ที่ฮ่องกง วิ่งเต้นเอาตำแหน่งจากเทศกาลโยกย้าย ข่าวกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี นั่นเป็นโอกาสทองเพื่อเพิ่มความมั่งคั่ง กินหัวคิวจากโครงการใหญ่ๆ
รู้ทั้งรู้ว่าเครือข่ายนายใหญ่เขมือบคำโต เหลือไว้เพียงเศษเนื้อข้างเขียง!
การเมืองแบบอหังการจะเริ่มอีกครั้งเมื่อเปิดสภาผู้แทนฯ เดือนหน้า ขบวนการเหลี่ยมร้ายยังจ้องหาจังหวะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ดันร่างกฎหมายปรองดอง ข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม “พวกเอ็งต้องปรองดอง ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่เป็นสุขแน่”
ต้นเดือนสิงหาคม ข่าวแว่วว่าเหลี่ยมร้ายจะไปอเมริกา จะมีกลุ่มใดเรียกร้องให้รัฐบาลขอตัวผ่านกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่! ถ้าไม่ทำ เป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลปูโพรกไม่แยแสอำนาจศาล แล้วจะยอมให้อยู่ต่ออีกหรือ?
ผู้โดยสารได้แต่นั่งสวดมนต์ภาวนา ทั้งตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าชะตากรรมจะลงเอยอย่างไร! ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ย่อมมีผู้บาดเจ็บล้มตาย รถพังยับเยินสิ้นสภาพ
เมื่อเป็นประเทศมีประชากรกว่า 65 ล้านคน เผชิญปัญหารุมเร้าสารพัด ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความเสื่อมโทรมด้านศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม การแสวงหาผลประโยชน์อย่างไร้จิตสำนึกและยางอาย ค่านิยมยุคใหม่โดยไร้หลักยึดเหนี่ยว ทำให้สังคมไทยเสี่ยงต่อความล่มสลายเพราะกลียุคการเมือง
ยิ่งกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น ขั้นกลาง สิ้นสภาพความน่าเชื่อถือ หลักการเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายไม่ปฏิบัติหน้าที่ ยอมสยบต่ออำนาจการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล เท่ากับบ้านเมืองไร้ขื่อแป
ประชาชนเริ่มต้นวันใหม่ ยังไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะมุ่งสู่ทิศทางไหน และลงเอยในชะตากรรมอย่างไร เหมือนโครงสร้างปราศจากพื้นฐานมั่นคง แต่ละคนอยู่ไปวันๆ ตามสภาพ มีผู้นำรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ก็เหมือนไม่มี ไม่แตกต่างกันนัก
สภาพเช่นนี้ ถ้าไม่มียังจะดีกว่า ทำให้วิญญูชนไม่ต้องนั่งลุ้นว่าแต่ละวันจะต้องเผชิญกับความอดสู อับอายขายหน้าของความหน่อมแน้ม ไร้สติปัญญา
เมืองไทยอุดมสมบูรณ์เพียงพอ ทำให้นักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า และหุ้นส่วนในการทุจริต สุมหัวกันโกงบ้านกินเมืองมาโดยตลอดเวลากว่า 50 ปีของระบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคมยุคใหม่ ยกระดับการโกงจาก 5 จนถึง 35 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่า สะท้อนให้เห็นความหน้าด้าน อหังการ ลำพองอำนาจ
กลไกกฎหมายบ้านเมืองไร้สภาพการบังคับ การทุจริตคอร์รัปชันติดอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชีย แต่กระนั้นเงินภาษี งบประมาณยังไม่หนำใจ นักการเมืองชุดนี้หาเรื่องใช้วิกฤตน้ำท่วมประเทศเป็นโอกาสเหมาะ จัดงบพิเศษมหาศาล
ตั้งยอดไว้ 3.5 แสนล้านบาทสำหรับการถลุงแบบจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ชักนำบริษัทต่างชาติเข้ามารุมทึ้งเงินจำนวนนี้ เป็น “ค่าโง่” แพงที่สุดที่ประเทศต้องจ่ายให้ความบัดซบ โง่เขลาปัญญา แต่ขยันเชิงโง่ ขาดความรู้ด้านจัดการน้ำ
ค่าโง่เท่านี้ยังกินไม่อิ่ม วางแผนกู้เงินเพิ่มอีก 2.2 ล้านล้านบาท หวังทิ้งมรดกบาปให้ถึงรุ่นหลาน เหลน โหลน หรือให้บ้านเมืองล่มจม หนี้สินล้นพ้นตัว
ค่าโง่ครั้งนี้ ไม่ใช่โง่ตามธรรมชาติแท้ แต่เป็นค่าโง่แบบพิเศษ คือโง่ซ้ำซาก เป็นสภาพความแสร้งโง่ของนักการเมืองหากินกับความโง่ของผู้นำไร้ยางอาย
คำเตือนของผู้ห่วงใยบ้านเมืองไม่ซึมเข้ากะโหลก สู่จิตสำนึกด้านดีที่ยังเหลือ ทุกฝ่ายรุมจ้องงาบงบก้อนใหญ่เหมือนกับว่าเป็นเหยื่อโอชะชิ้นสุดท้าย! ถ้าบ้านเมืองจะต้องหายนะล่มจม ยังมีสมบัติไว้อยู่กินถึงรุ่นลูกหลาน
ด้วยเหตุนี้ จึงมีค่านิยมใหม่ เช่น โกงกินจากโครงการต่างๆ ได้ ถ้าประชาชนได้ประโยชน์! ยอมรับการทุจริต ถ้าตัวเองมีส่วนแบ่ง! เท่ากับว่าไม่มีใครสนใจสอดส่องป้องกันการทุจริต เพราะเห็นได้ชัดว่ากฎหมายไร้ความหมาย
นักการเมืองกังฉินสะสมความมั่งคั่ง ยังเร่งโกงกินอย่างเปิดเผย แข่งกับเวลา เมื่อสภาพการเมืองไม่สร้างความมั่นใจว่าจะยั่งยืน เปลี่ยนขั้ว เกิดมิคสัญญี กลียุคเมื่อไหร่ ถ้าประชาชนไม่อดทนต่อสภาพไร้ทิศทางของอนาคตประเทศ
เราเห็นเหลี่ยมร้ายยังเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของประเทศไทยอย่างอหังการ เป็นประธานาธิบดีเร่ร่อน สั่งการงานผ่านตัวแทน ไม่แยแสต่อกฎหมาย! นายตำรวจระดับสูง นักการเมือง แห่กันไปพบ พินอบพิเทาถึงต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เหลี่ยมร้ายเป็นคนหนีคุก มีหมายจับ! เท่ากับว่าคนเหล่านั้นไม่แคร์อำนาจศาล
รัฐบาลแม่นางโพยปูโพรกเน่าในไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ขบวนการมวลชนเผ่าเสื้อแดงสำรอก สำรากข่มขู่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เหยียดหยามศาลอาญา องค์กรอิสระ ไล่ทำร้ายกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างเปิดเผย
ตำรวจนอกจากไม่จับกุม ยังแสดงท่าทีเป็นฝ่ายเดียวกับผู้ละเมิดกฎหมาย ให้ท้ายผู้กระทำความผิด มีกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง ไม่อุทธรณ์ ถอนฟ้อง ไม่ใส่ใจว่าประชาชนจะมองด้วยสายตาหมิ่นแคลน หมดสภาพความน่าเชื่อถือ
ช่วงนี้นักการเมืองสังกัดคอกเหลี่ยมร้าย ข้าราชการ แห่กันไปหานายใหญ่ที่ฮ่องกง วิ่งเต้นเอาตำแหน่งจากเทศกาลโยกย้าย ข่าวกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี นั่นเป็นโอกาสทองเพื่อเพิ่มความมั่งคั่ง กินหัวคิวจากโครงการใหญ่ๆ
รู้ทั้งรู้ว่าเครือข่ายนายใหญ่เขมือบคำโต เหลือไว้เพียงเศษเนื้อข้างเขียง!
การเมืองแบบอหังการจะเริ่มอีกครั้งเมื่อเปิดสภาผู้แทนฯ เดือนหน้า ขบวนการเหลี่ยมร้ายยังจ้องหาจังหวะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ดันร่างกฎหมายปรองดอง ข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม “พวกเอ็งต้องปรองดอง ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่เป็นสุขแน่”
ต้นเดือนสิงหาคม ข่าวแว่วว่าเหลี่ยมร้ายจะไปอเมริกา จะมีกลุ่มใดเรียกร้องให้รัฐบาลขอตัวผ่านกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่! ถ้าไม่ทำ เป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลปูโพรกไม่แยแสอำนาจศาล แล้วจะยอมให้อยู่ต่ออีกหรือ?