ASTVผู้จัดการรายวัน/ศรีสะเกษ -สุดอดสู! “สุกำพล-ประยุทธ์”ร่วมปล่อยแถว ตชด.ขึ้น “เขาพระวิหาร” แทนที่ทหารไทย อ้างเป็นไปตามคำสั่งศาลโลก ยังเชื่อเขมรทำด้วยจริง ไม่มีแหกตา ชาวบ้านสุดอดสู รวมตัวประท้วง พร้อมเผาหุ่น "สุกำพล" สาปแช่งคนทรยศชาติ เผยทหารเขมรดีใจฉลองกลับบ้าน นักวิชาการเตือน เข้าทาง “ฮุน เซน” ใช้หาเสียงเลือกตั้งปีหน้า ปชป. แนะถกสภาตาม ม.190
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (18 ก.ค.) ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบก ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีจัดส่งและให้โอวาทแก่กำลังพลตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่จะขึ้นไปรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา
หลังจากให้โอวาทแล้ว ตำรวจตระเวนชายแดน จำนวนประมาณ 2 กองร้อย ได้ทยอยกันไปขึ้นรถบรรทุก จำนวน 8 คัน ออกเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ที่บริเวณเขาพระวิหาร โดยมีการนำสัมภาระ อาวุธยุทโธปกรณ์ ไปด้วยจำนวนมาก เพื่อการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แทนทหารไทยที่ปรับถอนกำลังออกมา
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การปรับกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหาร เป็นไปตามคำสั่งของศาลโลก ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมปฏิบัติตาม อีกทั้งเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการเจรจาตกลงกันที่ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ที่จะมีการปรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายออกจากบริเวณเขาพระวิหารในวันที่ 18 ก.ค. ตนจึงขอให้กำลังพลทุกนายที่ไปปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหาร ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อไป
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ทางกัมพูชาจะให้ทหารแต่งชุดพลเรือนและตำรวจลงไปในพื้นที่ชายแดนนั้น จากที่เป็นข่าวก็คงต้องไปดูว่าจริงหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการทุกอย่าง ถ้าเป็นลูกผู้ชาย ตกลงกันแบบไหนต้องทำแบบนั้น
สำหรับการปรับกำลังขั้นต้น ฝ่ายไทยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทำงานร่วมกัน นี่คือ ก้าวที่หนึ่งเริ่มขึ้นแล้ว ส่วนการปรับกำลังและต่อไปคงจะมีการปรับเรื่อยๆ แล้วคงจะแจ้งให้สื่อได้ทราบต่อไป
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นการถอนทหารออก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบแทนรมว.กลาโหมว่า ทำไม อยากให้ถอนให้เห็นหรืออย่างไร และทำไมต้องถอนให้เห็นล่ะ
**รมว.กห.ซัด ปชป.อย่าพูดลอยๆ
เมื่อเวลา 08.00 น.ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก(ขส.ทบ.) พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวก่อนออกเดินทางว่า ภารกิจที่เดินทางไปวันนี้ เพื่อไปปรับกำลัง และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปทำงานร่วมกับทหารในพื้นที่บริเวณที่วางกำลังทหารอยู่ ซึ่งเป็นการดำเนินการแยกกับทางประเทศกัมพูชา คือ ต่างคนต่างทำ ซึ่งทางกัมพูชาก็ทำพิธีปรับกำลังทหารในเดียวกัน
“ผมอยากย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การที่มีความห่วงใยในเรื่องของอธิปไตย มันเป็นหน้าที่ของทหารและกระทรวงกลาโหมโดยตรงอยู่แล้ว เราคิดมากกว่าท่านเยอะ ไม่ต้องเป็นห่วงในการเสียดินแดนอธิปไตย ไม่ได้เกี่ยวกันเลย ขอร้องอย่าได้กลัวเรื่องนั้น เราทำเต็มที่ และคิดแล้วว่าไม่มีเรื่องเสียดินแดนถึงได้ทำ ซึ่งทางทหารตระหนักและทราบดี ไม่ต้องห่วงเรื่องการเสียดินแดน ขอใช้คำว่าไม่เสียเปรียบใคร” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวอีกว่า มีการพูดกันบ่อยครั้งว่า เรื่องของเราน่าจะใช้หนทางของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) เป็นคนดำเนินการ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ได้ใช้อยู่ หมายความว่า ได้ตั้งคณะทำงานร่วม JWG (Joint Working Group) เป็นเจ้าหน้าที่ทำงาน ขึ้นมา 1 ชุด ภายใต้การทำงานของจีบีซีที่ได้มีการพูดคุยกันมาแล้ว 2 ครั้งในเรื่องของการปรับกำลัง หรือเรียกว่า ลูกทำแทนพ่อ ซึ่งตนคิดว่าบรรยากาศบริเวณเขาพระวิหารดีขึ้นเรื่อยๆ ที่ท่านห่วงเรื่องอะไรทั้งหลาย ตนก็ขอขอบคุณ เราก็นำคำห่วงใยของท่านมาทำ
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า เราอาจจะมีการเสียดินแดนในการปรับกำลังทหารครั้งนี้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า คำว่าอาจจะเสียดินแดนนั้น หมายถึงการพูดขึ้นมาลอยๆ มาถามตนอย่างนี้ ตนไม่ตอบ แต่ยืนยันว่า ไม่มีแน่นอนในการเสียดินแดน อย่าไปพูดมาให้เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ
เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทราบข้อมูลแล้วออกมาพูดทำให้ประชาชนเกิดความสับสน พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า อย่าไปเสริมต่อ ถ้าฟังตนสัมภาษณ์ ตนสัมภาษณ์จริงๆ อย่าไปคิดอย่างอื่น ที่ทำ คือ การทำให้เห็นกันจริงๆ โปร่งใส
เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีประชาชนในพื้นที่ออกมาชุมนุมเพื่อคัดค้าน การปรับกำลังทหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนได้ข่าวมาเหมือนกัน ถ้าหากเป็นอย่างนี้ ก็ต้องมาพูดคุยทำความเข้าใจกันว่าไม่มีการเสียดินแดน แต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 09.30 น.คณะของรมว.กลาโหม และผบ.ทบ.ได้เดินทางมาถึงหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 โดยมีพล.ท.จีระศักดิ์ ชมประสพ แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ชลิต เมฆมุกดา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 (พล.ร.6 ) และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีให้การต้อนรับ จากนั้นคณะของรมว.กลาโหมและผบ.ทบ.เข้ารับฟังการบรรยายสรุปจากแม่ทัพภาคที่2
**ประชาชนค้านทหารย้ายไม่เป็นผล
ที่บริเวณศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มประชาชน นำโดย “กลุ่มกำลังแผ่นดิน” มารวมตัวกันชุมนุมคัดค้านการถอนทหารออกจากเขาพระวิหาร และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นปราศรัย พร้อมทั้งมีการเดินรณรงค์ไปในเขตเทศบาลเมืองกันทรลักษณ์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมคัดค้านการถอนกำลังทหารออกจากเขาพระวิหาร เนื่องจากเห็นว่าจะทำให้ไทยสูญเสียดินแดนที่บริเวณเขาพระวิหาร ให้กับกัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) ซึ่งเป็นแผ่นดินของไทย
โดยในช่วงเช้า กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการเผาหุ่นของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีการปรับกำลังทหารไทยออกจากเขาพระวิหารในครั้งนี้ด้วย โดยผู้ชุมนุมระบุว่า เป็นการเผ่าหุ่นสาปแช่งคนทรยศขายชาติ ซึ่งแทนที่จะผลักดันทหารและประชาชนกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาสร้างชุมนุม ตั้งวัด สร้างถนน ในแผ่นดินไทยออกไป แต่กลับถอนกำลังทหารออกมา
**ทหารเขมรดีใจได้กลับบ้าน
รายงานระบุว่า ตลอดคืนวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหารได้มีการฉลองกันตลอดทั้งคืน ด้วยความดีใจที่ได้มีการปรับกำลังทหารในครั้งนี้ เนื่องจากจะได้กลับบ้าน ส่วนทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่รอบเขาพระวิหารก็ได้มีการเคลื่อนย้ายออกมาจากฐานที่ตั้งเดิมตั้งแต่เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.)
**เขมรจัดงานยิ่งใหญ่ 4 ปีพระวิหาร
ส่วนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีรายงานว่า ที่ฐานปฏิบัติการ ปรำมกรา ซึ่งอยู่ติดพื้นที่บ้านโกมุย ต.ตระเปรียงปราสาท อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร พล.อ.เตีย บัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเทศกัมพูชา ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีถอนทหารออกจากพื้นที่ปลอดทหารชั่วคราวตามคำสั่งศาลโลก โดยมีพิธีมอบธงเกียรติยศให้กับทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนชายแดนเขาพระวิหาร ก่อนทำการถอนกำลังออกไปชั่วคราว โดยมี พล.ท.สะรั๊ย ดึ๊ก ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 เป็นตัวแทนรับมอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า ฝ่ายกัมพูชาระบุจำนวนทหารที่ถอนออกครั้งนี้ 485 นาย โดยได้นำกำลังตำรวจเข้าไปทำหน้าที่แทนจำนวนเท่ากับทหารที่ถูกถอนกำลังออกไป
ในการจัดงานครั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้จัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้เชิญผู้สื่อข่าวทั้งในและต่างประเทศนับร้อยคนขึ้นไปทำข่าว พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดสดผ่านทีวีช่องบายน ตลอดพิธีการจัดงาน อีกทั้งได้เชิญตัวแทนสถานทูตประเทศต่างๆ ที่ประจำอยู่ในกัมพูชาจำนวนกว่า 11 ประเทศ เข้าร่วมสังเกตการณ์พิธีถอนทหารในครั้งนี้ด้วย และภายหลังพิธีถอนทหารแล้วเสร็จ พล.อ.เตีย บัน ทำพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 4 ปี การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยมีการละเล่น จัดเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มให้กำลังพลและแขกที่มาร่วมในงานอย่างครึกครื้น
** ตชด. 200 นาย สับเปลี่ยนกำลัง
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดกำลังตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 200 นาย ลงพื้นที่ไปสับเปลี่ยนกำลังทหารและตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.โดยกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อยเฉพาะกิจ 33 จังหวัดสกลนคร จำนวน 100 นาย ได้เข้าประจำการแทนทหารพรานที่ 23 บริเวณหน้าปราสาทเขาพระวิหาร และกองกำกับการกองร้อยตระเวนชายแดน 24 จังหวัดอุดรธานี จำนวน 100 นาย เข้าประจำการแทนทหารพรานบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ
** เตือน เข้าทาง “ฮุน เซน”
ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม อดีตสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ว่า การปรับกำลังทหารบริเวณชายแดน เหมือนว่าไทยจะไปร่วมพิธีการเฉลิมฉลองครบรอบ 4 ปี การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่สำคัญปีหน้ากัมพูชามีการเลือกตั้งทั่วไป นายฮุน เซน เอาเรื่องปราสาทพระวิหารใช้ในการหาเสียงแน่นอน อย่างคราวก่อนก็ใช้กรณีขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้สำเร็จหาเสียงทางการเมือง จนชนะการเลือกตั้งมา
**“ชวนนท์”แนะถกสภาตาม ม. 190
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องย้ำให้ประเทศไทยระมัดระวัง คือ ในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากกัมพูชาจะมีทหารแล้ว ยังมีชุมชน มีตลาด วัด ลูกและภรรยาของทหารกัมพูชา ตั้งเป็นชุมชนย่อมๆ ในบริเวณดังกล่าวด้วย ในขณะที่ไทยไม่มีการตั้งชุมชนนอกจากทหารที่ไปปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
ทั้งนี้ ขอเสนอ 3 ข้อ คือ 1.การถอนทหารออกจากพื้นที่ต้องทดแทนด้วยตำรวจ ณ จุดเดียวกัน 2.ต้องเรียกร้องให้ปฏิบัติตามเอ็มโอยู 43 ถอนวัดชุมชน ตลาดพ้นแนวสันปันน้ำด้วย และ 3.จนกว่าจะมีการดำเนินการทั้ง 2 ข้อ ข้างต้น ไม่ควรให้อินโดนีเซียในฐานะผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่ เพราะถ้าเข้ามาจะกลายเป็นว่าอินโดนีเซียจะเป็นผู้ยืนยันอธิปไตยกัมพูชาบนแผ่นดินไทย ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลนำข้อเสนอนี้ไปปรับใช้ในการเจรจา เพื่อไม่ให้ไทยเสียเปรียบ
**รับเขมรสร้างวัดแก้วฯล้ำ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงจุดที่กัมพูชาล้ำดินแดนเข้ามาว่า ที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ จะต้องมีการเจรจาให้บุคคลที่อยู่ในวัดออกไป เพราะเป็นประชาชนที่รุกเข้ามาไม่ถูกต้อง ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้ประท้วงและชี้แจงเขาหลายครั้งแล้วว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่เพื่อความสัมพันธไมตรีที่ดีก็ขอให้เขาจัดพลเรือนให้ถูกต้อง ในการรุกล้ำเข้ามา
นอกจากจุดที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระที่เตือนกัมพูชาไว้ว่าจะต้องวางแผนปรับคนกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาออกจากพื้นที่ และในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร กัมพูชาจะต้องถอนสิ่งปลูกสร้างในส่วนที่รุกล้ำเข้ามา แต่ในส่วนที่ยึดครองอยู่ก็จะต้องอยู่ต่อไป แต่ตนเห็นว่าจะอยู่ต่อไปไม่ได้ เพราะในภูมิประเทศพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เราอยู่บนสันเขา ส่วนกัมพูชาอยู่ในหุบเขา ซึ่งเป็นพื้นที่ลาดเอียง อยู่ไม่ได้ และเราจะปรับออกจากสันเขาไม่ได้ หรือปล่อยให้เขามายึดสันเขาไม่ได้เราอยู่ของเราอยู่แล้ว เราก็ยอมไม่ได้
ส่วนท่าทีของกัมพูชาที่ยังดันเรื่องคดีในศาลโลกต่อไปหรือมีแนวโน้มถอนฟ้อง เห็นว่าต้องเจรจากัน แต่เขาคงจะถอนยาก เพราะการถอนของกัมพูชาจะต้องแจ้งให้ประชาชนทราบว่าเหตุผลอะไรต้องถอนฟ้องไทย ซึ่งเป็นเรื่องการเมืองภายในของกัมพูชาด้วย
** อ้างเขมรปล่อย“วีระ-ราตรี”เร็วๆ นี้
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เร็วๆ นี้ อีกไม่กี่เดือน นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ สองแกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ น่าจะได้รับการปล่อยตัว ซึ่งท่าทีสุดท้ายของกัมพูชาที่ได้แจ้งต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะที่ได้เดินทางไปจ.เสียมราฐ ชัดเจนว่าทั้ง 2 คน จะได้รับการปล่อยตัวเร็วขึ้น