“ชวนนท์” เตือนถอนทหารพื้นที่พิพาท เข้าทางกัมพูชาดันเรื่องมรดกโลก ชี้ไม่เหมาะหากถอนตรงวันที่เขมรฉลอง 4 ปี ขึ้นพระวิหารเป็นมรดกโลก หวั่นทั่วโลกเข้าใจผิด แย้ง “สุกำพล” ถอนทหารต้องเข้าสภาฯ ตามมาตรา 190 (2) เชื่อรัฐฯ ปล่อยเขมรขึ้นทะเบียนสมบูรณ์ แนะถอนทหารมี ตร.ทดแทน ทำตาม MOU43 ปัดอินโดฯ ร่วมสังเกตการณ์
วันนี้ (18 ก.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ไทย-กัมพูชา จะมีการถอนทหารออกจากพื้นที่ปลอดทหาร 17.3 ตารางกิโลเมตร ตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2554 ซึ่งถือว่าในวันนี้ครบ 1 ปีของการออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวพอดี ตนเห็นว่าการที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวในขณะนั้นเป็นเพราะเห็นว่าทหารทั้งสองฝ่ายมีการประจำการค่อนข้างใกล้ชิดมาก จึงเห็นว่าการถอนทหารจะช่วยทำให้ความตึงเครียดลดลง แต่สิ่งที่ต้องย้ำให้ประเทศไทยระมัดระวัง คือ ในพื้นที่ดังกล่าวนอกจากกัมพูชาจะมีทหารแล้วยังมีชุมชน ตลาด วัด ลูกและภรรยาของทหารกัมพูชาตั้งเป็นชุมชนย่อมๆ ในบริเวณดังกล่าวด้วย ในขณะที่ไทยไม่มีการตั้งชุมชนนอกจากทหารที่ไปปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
“หากวันนี้มีการถอนทหารออกทั้งสองฝ่าย กัมพูชาจะยังเหลือชุมชน วัด ตลาด สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เข้าทางกัมพูชา เพราะจะอ้างได้ว่าไทยยอมถอนทหารออกจากประเทศของตัวเองทำให้กัมพูชาไปอ้างสิทธิว่าเป็นพื้นที่สงบเรียบร้อยให้ศาลเห็นว่าเดินหน้าตัดสินเขตแดนและคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาการขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ เนื่องจากเงื่อนไขความขัดแย้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากระบวนการมรดกโลกไม่คืบหน้า เพราะรัฐบาลในขณะนั้นต่อสู้มาโดยตลอดในเรื่องการบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ที่จะกระทบต่ออธิปไตยของไทย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยต้องระมัดระวัง ผมเห็นว่าต้องส่งเจ้าหน้าที่ประจำการ ทั้งตำรวจตระเวณชายแดน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หรือเจ้าหน้าที่ด้านอื่น ไปประจำจุดแผ่นดินไทยบริเวณสันปันน้ำในทุกจุดที่ทหารไทยเคยอยู่ และต้องประกาศให้ชัดถอนทหารไม่ใช่ถอนอธิปไตย ทุกตารางนิ้วยังเป็นของไทย” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ตนมีความเป็นห่วงที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมออกมาบอกว่า ต่างฝ่ายต่างถอนทหาร ทั้งที่ความจริงเป็นการทำตามคำสั่งศาลโลกที่จะต้องมีข้อตกลงร่วมกัน ถ้าจะถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยควรนำเข้าสู่การประชุมรัฐสภาตามมาตรา 190 (2) เพราะเกี่ยวกับเขตแดนและอธิปไตย นอกจากนี้การถอนทหารในวันเดียวกับที่ พล.อ.เตีย บัญ รมว.กลาโหมกัมพูชา ประกาศทำพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 4 ปีกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น ถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้สังคมโลกโดยเฉพาะกรรมการมรดกโลกรู้สึกว่าเป็นพื้นที่สันติ สงบสุข ไทย-กัมพูชา ไม่ขัดแย้งตกลงกันได้แล้ว
นายชวนนท์ยังกล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่คัดค้านโดยปล่อยให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในการประชุมปีหน้า เรื่องเหล่านี้อ่อนไหว เพราะกัมพูชาจะหยิบไปใช้ทั้งในศาลโลก และมรดกโลก ทางที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อไทยมากที่สุดขอเสนอ 3 ข้อ คือ 1. การถอนทหารออกจากพื้นที่ต้องทดแทนด้วยตำรวจ ณ จุดเดียวกัน 2. ต้องเรียกร้องให้ปฏิบัติตามเอ็มโอยู 43 ถอนวัด ชุมชน ตลาด พ้นแนวสันปันน้ำด้วย และ 3. จนกว่าจะมีการดำเนินการทั้งสองข้อข้างต้นไม่ควรให้อินโดนีเซียในฐานะผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่ เพราะถ้าเข้ามาจะกลายเป็นว่าอินโดนีเซียจะเป็นผู้ยืนยันอธิปไตยกัมพูชาบนแผ่นดินไทย ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลนำข้อเสนอนี้ไปปรับใช้ในการเจรจาเพื่อไม่ให้ไทยเสียเปรียบทั้งเวลาต่างประเทศและในพื้นที่เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์สูงสุดให้กับบ้านเมือง
