ASTVผู้จัดการรายวัน-ทอท.จ่อลด Landing Fee ดึงสายการบินใช้ช่วงดึก แก้ปัญหาเที่ยวบินหนาแน่น ส่วนการซ่อมรันเวย์สุวรรณภูมิเสร็จแล้ว 50% เปิดใช้ได้เพิ่มอีก 870 เมตร คาดลดปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ บินวนรอ ได้มาก
ว่าที่ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ทอท.จะมีการหารือในระดับกระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้คณะกรรมการบูรณาการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามนโยบายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ทอท. บริหารจัดการตารางการบิน เพื่อลดความหนาแน่นของเที่ยวบินให้สอดคล้องกับขีดความสามารถของรันเวย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
"ต้องหาแนวทางในการจูงใจให้สายการบินมาใช้บริการในช่วงที่เที่ยวบินมีความหนาแน่นน้อยมากขึ้นในทุกมิติ ทั้งกับสายการบินและผู้โดยสารและความเป็นไปได้ในส่วนของทอท. โดยเบื้องต้นเห็นควรให้ลดค่าธรรมเนียมขึ้น-ลงอากาศยาน (Landing Fee) ซึ่งเรื่องนี้เป็นนโยบายเร่งด่วน และต้องมีความชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งทอท. จะเร่งวิเคราะห์และทำรายละเอียดแนวทางที่มีความเป็นไปได้เสนอต่อที่ประชุมต่อไป”ว่าที่ร.ท.อนิรุทธิ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการปรับปรุงทางวิ่งฝั่งตะวันออกด้านทิศเหนือของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในระยะที่ 1 ช่วงทางขับ B6-B3 ระยะทาง 870 เมตรนั้น ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ กล่าวว่า การปรับปรุงทางวิ่งดังกล่าวเสร็จสิ้นและได้คืนพื้นที่เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่เวลา 11.00 น. ของวันที่ 18 ก.ค.2555 ทำให้รันเวย์ฝั่งตะวันออกใช้งานเพิ่มเป็น 3,250 เมตร เครื่องบินทุกรุ่นสามารถทำการบินขึ้นได้ ยกเว้นเครื่องบิน A380 ซึ่งต้องใช้ทางวิ่งมากกว่า 3,000 เมตร ส่วนการปรับปรุงระยะที่ 2 ที่เหลืออีก 750 เมตร บริเวณทางขับเชื่อม B3 ถึงบริเวณหัวทางวิ่ง โดยการซ่อมแซมจะเสร็จเร็วกว่ากำหนด 9 วัน จากกำหนดเดิมในวันที่ 9 ส.ค. เป็นวันที่ 31 ก.ค.
ทั้งนี้ การซ่อมแซมรันเวย์ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.2555 มีเที่ยวบินล่าช้าเฉลี่ย 10-30 นาที กว่า 200 เที่ยวบินต่อวัน จากทั้งหมด 800 เที่ยวบิน ซึ่งความล่าช้า ไม่ได้มาจากการซ่อมรันเวย์อย่างเดียว แต่มีปัญหาเรื่องสภาพอากาศ, ปัญหาด้านเทคนิค ,การบริการภาคพื้นมาเกี่ยวข้องด้วย โดยช่วงปกติขีดความสามารถของรันเวย์รองรับเที่ยวบินได้ประมาณ 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง แต่ช่วงปิดซ่อมฝั่งตะวันออก ระยะทาง 1,620 เมตร จะเหลือประมาณ 50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งทางบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ได้ทำการทดลองการบริหารจัดการจราจรทางอากาศเพื่อลดปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ให้มากที่สุด
“หลังจากนี้ การดีเลย์จะลดลง และเมื่อคืนพื้นที่ 100% การขึ้นลงเครื่องบินจะเป็นปกติ มั่นใจว่า จะไม่มีเที่ยวบินดีเลย์อีก ส่วนการชดเชยให้กับสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากการซ่อมรันเวย์นั้น ในหลักการไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่มีการแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้เตรียมความพร้อมแล้ว และขณะนี้ยังไม่มีสายการบินใดยื่นขอมา แต่หากยื่นมาก็สามารถเจรจากันได้” ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์กล่าว
นายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีเที่ยวบินหนาแน่นหลายช่วงเวลา เช่น 06.00-10.00 น. ส่วนช่วงที่ไม่หนาแน่น คือ กลางคืน 01.00-04.00น. ดังนั้น ทอท.จะต้องเสนอแรงจูงใจพิเศษให้สายการบินมาใช้ในช่วงดังกล่าว เช่น ลดค่า Landing Fee เพื่อดึงดูด ซึ่งอาจทำให้สายการบินแบบประจำ แบบเช่าเหมาลำ หรือแบบ Point to Point สนใจ โดยทอท. ต้องประเมินว่าจะให้ส่วนลดได้แค่ไหน เนื่องจากสายการบินส่วนใหญ่ต้องการเวลาบินที่สอดคล้องกับเวลาที่ออกจากต้นทางถึงปลายทาง เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากที่สุด
ส่วนการตรวจสอบสภาพทางวิ่งฝั่งตะวันออกที่มีการปรับปรุงแล้วเสร็จระยะทาง 870 เมตร เมื่อวันที่ 17 ก.ค. และช่วงเช้าวันที่ 18 ก.ค.2555 บพ.ได้ตรวจสอบทั้งด้านกายภาพและความแข็งแรงของทางวิ่ง ซึ่งพบว่าเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย และได้แจ้งไปยังสายการบินทั่วโลกให้รับทราบในการเปิดให้บริการรันเวย์ ซึ่งเครื่องบินขนาดใหญ่พิสัยกลางสามารถบินขึ้นได้ โดยในช่วงดังกล่าวตั้งแต่เวลา 11.00 น.-12.00 น. มีเครื่องบินทำการบินขึ้นแล้วประมาณ 20 ลำ
นาวาอากาศตรีประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท.กล่าวว่า จะมีการปรับการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ช่วงปรับปรุงรันเวย์ระยะที่ 2 โดยใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันออก สำหรับให้เครื่องบินทุกประเภททำการขึ้นเป็นหลัก ยกเว้นเครื่องบิน A380 และในกรณีที่ต้องใช้ทางว่างฝั่งตะวันออกสำหรับการลง ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือ สภาพอากาศดี เป็นช่วงกลางวัน และต้องลงแบบมองเห็นทางวิ่งด้วยสายตา ส่วนทางวิ่งฝั่งตะวันตก ใช้สำหรับให้เครื่องบินทุกประเภททำการลงเป็นหลัก ยกเว้น A 380
“ช่วงซ่อมรันเวย์ก่อนหน้านี้ รันเวย์จะรองรับได้ 34 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรกอาจเกิดจากการสื่อสารกับสายการบิน, นักบิน ไม่ทั่วถึง จึงมีการเชิญสายการบินมาหารือ เพื่อแก้ปัญหา หลังจากนั้นการดีเลย์ลดลง ซึ่งต้องยอมรับว่าในบางชั่วโมงมีสายการบินเข้ามาถึง 45 เที่ยวบิน ซึ่งมากกว่าประมาณการณ์ ทำให้เกิดการดีเลย์”นาวาอากาศตรีประจักษ์กล่าว
ว่าที่ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ทอท.จะมีการหารือในระดับกระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้คณะกรรมการบูรณาการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามนโยบายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ทอท. บริหารจัดการตารางการบิน เพื่อลดความหนาแน่นของเที่ยวบินให้สอดคล้องกับขีดความสามารถของรันเวย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
"ต้องหาแนวทางในการจูงใจให้สายการบินมาใช้บริการในช่วงที่เที่ยวบินมีความหนาแน่นน้อยมากขึ้นในทุกมิติ ทั้งกับสายการบินและผู้โดยสารและความเป็นไปได้ในส่วนของทอท. โดยเบื้องต้นเห็นควรให้ลดค่าธรรมเนียมขึ้น-ลงอากาศยาน (Landing Fee) ซึ่งเรื่องนี้เป็นนโยบายเร่งด่วน และต้องมีความชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งทอท. จะเร่งวิเคราะห์และทำรายละเอียดแนวทางที่มีความเป็นไปได้เสนอต่อที่ประชุมต่อไป”ว่าที่ร.ท.อนิรุทธิ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการปรับปรุงทางวิ่งฝั่งตะวันออกด้านทิศเหนือของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในระยะที่ 1 ช่วงทางขับ B6-B3 ระยะทาง 870 เมตรนั้น ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ กล่าวว่า การปรับปรุงทางวิ่งดังกล่าวเสร็จสิ้นและได้คืนพื้นที่เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่เวลา 11.00 น. ของวันที่ 18 ก.ค.2555 ทำให้รันเวย์ฝั่งตะวันออกใช้งานเพิ่มเป็น 3,250 เมตร เครื่องบินทุกรุ่นสามารถทำการบินขึ้นได้ ยกเว้นเครื่องบิน A380 ซึ่งต้องใช้ทางวิ่งมากกว่า 3,000 เมตร ส่วนการปรับปรุงระยะที่ 2 ที่เหลืออีก 750 เมตร บริเวณทางขับเชื่อม B3 ถึงบริเวณหัวทางวิ่ง โดยการซ่อมแซมจะเสร็จเร็วกว่ากำหนด 9 วัน จากกำหนดเดิมในวันที่ 9 ส.ค. เป็นวันที่ 31 ก.ค.
ทั้งนี้ การซ่อมแซมรันเวย์ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.2555 มีเที่ยวบินล่าช้าเฉลี่ย 10-30 นาที กว่า 200 เที่ยวบินต่อวัน จากทั้งหมด 800 เที่ยวบิน ซึ่งความล่าช้า ไม่ได้มาจากการซ่อมรันเวย์อย่างเดียว แต่มีปัญหาเรื่องสภาพอากาศ, ปัญหาด้านเทคนิค ,การบริการภาคพื้นมาเกี่ยวข้องด้วย โดยช่วงปกติขีดความสามารถของรันเวย์รองรับเที่ยวบินได้ประมาณ 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง แต่ช่วงปิดซ่อมฝั่งตะวันออก ระยะทาง 1,620 เมตร จะเหลือประมาณ 50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งทางบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ได้ทำการทดลองการบริหารจัดการจราจรทางอากาศเพื่อลดปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ให้มากที่สุด
“หลังจากนี้ การดีเลย์จะลดลง และเมื่อคืนพื้นที่ 100% การขึ้นลงเครื่องบินจะเป็นปกติ มั่นใจว่า จะไม่มีเที่ยวบินดีเลย์อีก ส่วนการชดเชยให้กับสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากการซ่อมรันเวย์นั้น ในหลักการไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่มีการแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้เตรียมความพร้อมแล้ว และขณะนี้ยังไม่มีสายการบินใดยื่นขอมา แต่หากยื่นมาก็สามารถเจรจากันได้” ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์กล่าว
นายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีเที่ยวบินหนาแน่นหลายช่วงเวลา เช่น 06.00-10.00 น. ส่วนช่วงที่ไม่หนาแน่น คือ กลางคืน 01.00-04.00น. ดังนั้น ทอท.จะต้องเสนอแรงจูงใจพิเศษให้สายการบินมาใช้ในช่วงดังกล่าว เช่น ลดค่า Landing Fee เพื่อดึงดูด ซึ่งอาจทำให้สายการบินแบบประจำ แบบเช่าเหมาลำ หรือแบบ Point to Point สนใจ โดยทอท. ต้องประเมินว่าจะให้ส่วนลดได้แค่ไหน เนื่องจากสายการบินส่วนใหญ่ต้องการเวลาบินที่สอดคล้องกับเวลาที่ออกจากต้นทางถึงปลายทาง เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากที่สุด
ส่วนการตรวจสอบสภาพทางวิ่งฝั่งตะวันออกที่มีการปรับปรุงแล้วเสร็จระยะทาง 870 เมตร เมื่อวันที่ 17 ก.ค. และช่วงเช้าวันที่ 18 ก.ค.2555 บพ.ได้ตรวจสอบทั้งด้านกายภาพและความแข็งแรงของทางวิ่ง ซึ่งพบว่าเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย และได้แจ้งไปยังสายการบินทั่วโลกให้รับทราบในการเปิดให้บริการรันเวย์ ซึ่งเครื่องบินขนาดใหญ่พิสัยกลางสามารถบินขึ้นได้ โดยในช่วงดังกล่าวตั้งแต่เวลา 11.00 น.-12.00 น. มีเครื่องบินทำการบินขึ้นแล้วประมาณ 20 ลำ
นาวาอากาศตรีประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท.กล่าวว่า จะมีการปรับการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ช่วงปรับปรุงรันเวย์ระยะที่ 2 โดยใช้ทางวิ่งฝั่งตะวันออก สำหรับให้เครื่องบินทุกประเภททำการขึ้นเป็นหลัก ยกเว้นเครื่องบิน A380 และในกรณีที่ต้องใช้ทางว่างฝั่งตะวันออกสำหรับการลง ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือ สภาพอากาศดี เป็นช่วงกลางวัน และต้องลงแบบมองเห็นทางวิ่งด้วยสายตา ส่วนทางวิ่งฝั่งตะวันตก ใช้สำหรับให้เครื่องบินทุกประเภททำการลงเป็นหลัก ยกเว้น A 380
“ช่วงซ่อมรันเวย์ก่อนหน้านี้ รันเวย์จะรองรับได้ 34 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งในช่วงสัปดาห์แรกอาจเกิดจากการสื่อสารกับสายการบิน, นักบิน ไม่ทั่วถึง จึงมีการเชิญสายการบินมาหารือ เพื่อแก้ปัญหา หลังจากนั้นการดีเลย์ลดลง ซึ่งต้องยอมรับว่าในบางชั่วโมงมีสายการบินเข้ามาถึง 45 เที่ยวบิน ซึ่งมากกว่าประมาณการณ์ ทำให้เกิดการดีเลย์”นาวาอากาศตรีประจักษ์กล่าว