xs
xsm
sm
md
lg

แก้รธน.ด้วยใจสกปรก ฝืนทำไปก็ยากจะสำเร็จ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ยังมีท่าทีเห็นต่าง ส่อเค้าลุกลามเป็นความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย สำหรับการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งออกมาแบบกั๊กๆ ไม่ขัด แต่ไม่ควรทำในบางอย่าง โดยเฉพาะการแก้ทั้งฉบับ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมองว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย กำลังทำอยู่
มันก็เลยยักแย่ยักยันกันอย่างที่เห็น สายฮาร์ดคอร์ในพรรคเพื่อไทย ตลอดจนกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดง จ้องยุให้เดินหน้าแก้ไขต่อไป ด้วยการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 3 ซึ่งยังค้างเติ่งในสภา ให้มันรู้แล้วรู้รอด
โดยแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคน ก็ให้ความเห็นน่าสนใจว่า ในเมื่อวาระ 1 วาระ 2 ผ่านมาแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาแล้ว ว่าไม่เป็นการล้มล้างระบอบการปกครอง แล้วจะไปกลัวอะไรหากจะเดินหน้าลุยกันต่อไป...
กลุ่มคนเสื้อแดงเองก็ดึงดันแข็งขืน แสดงจุดยืนเอาเท่ อ้างเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยของประชาชนเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะรีบช่วยเหลือใครบางคนที่อยู่แดนไกลหรือเปล่า จะเป็นการพยายามเอาใจนาย ด้วยการแสดงท่าทีขึงขังหรือไม่
แต่เชื่อเหลือเกินว่า หากจะเร่งเกมเร็วกันแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ มีหรือฝ่ายตรงข้ามจะยอมให้ทำอะไรตามอำเภอใจกันสะดวกโยธิน การที่ศาลรัฐธรรมนูญออกตัวแรง มารับวินิจฉัยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง มันก็ทะแม่งๆ อยู่แล้ว
**จะเดินหน้าอวดอ้างอุดมการณ์ เอาใจแฟนคลับ แต่ในทางปฏิบัติล้วนเป็นไปได้ยาก ไม่แน่ว่าใจจริงเนื้อแท้แล้วก็อาจเป็นการเล่นละครตบตาฉากหนึ่งเท่านั้น
ท่าทีที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะขับเคลื่อนของจริงต้องไปดูแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่สุมหัวหารือกัน พร้อมเล่นเกมไปตามสถานการณ์ หลังจากวิเคราะห์หมากของฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะฝ่ายตุลาการภิวัตน์ ต้องดูทางหนีทีไล่ ทางบุกทางถอยให้ทั้งตัวเอง และฝ่ายตรงข้ามด้วย หากไปทำอะไรที่เหมือนเป็นการหักหน้าฆ่าศาลกลางสาธารณะ ภัยร้ายย่อมตกมาถึงตัว ฉะนั้นจึงเป็นที่มาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตาม "คำแนะนำ" ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ดูเหมือนจะชี้ช่องให้แก้ไขเป็นรายมาตรา
"เหลิม บางบอน" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาย้ำนักย้ำหนาว่า อย่าฝืนหักด้ามพร้าด้วยเข่า ด้วยการลงมติโหวต วาระ 3 รัฐบาลจะเดือดร้อน พรรคเพื่อไทยอาจถูกยุบ จะมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง นายกฯ จะตกที่นั่งลำบาก พร้อมด่ากันเองออกอากาศ "อยากให้รัฐบาลพังเหรอ จะรีบร้อนไปทำไม" ขู่ดังๆ ว่า ถ้าเดินหน้าโหวตวาระ 3 ก็จะไม่ไปร่วมโหวตด้วยแน่นอน
**ก็ไม่รู้ออกมาเตือนด้วยความหวังดี หรือว่ากลัวตัวเองจะหลุดจากอำนาจ ต้องกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านเหมือนกัน
แต่ถ้ามองกันไปให้ลึกอีกหน่อย ก็จะเห็นสัจธรรมข้อเดิมว่า นักการเมืองย่อมคิดถึงแต่เกมการเมือง คิดถึงการอยู่รอด รักษาฐานอำนาจของตัวเองให้ยั่งยืน สถาพร ผลประโยชน์ของประชาชน มักเป็นเรื่องท้ายๆ ที่จะนึกถึง การประเมินสถานการณ์วางหมากกล จึงทำเพื่อตัวเองล้วนๆ
**ในแวดวงการเมืองอาจถูกยกย่องว่าเป็นเกจิอาจารย์ แต่ในทางสังคมกลับถูกประณามว่าเป็นนักการเมืองพันธุ์ชั่ว เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่มันก็น่าแปลก สำหรับสังคมไทยนักการเมืองประเภทนี้มักไปได้ดีบนเส้นทางถนนการเมืองไทย.. คิดแล้วก็น่าอนาจใจ
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยตั้งแท่นจะแก้เป็นรายมาตรา เหนืออื่นใด เพราะกลัวรัฐบาลพังพาบ ล้มไปทั้งกระดาน ดีดลูกคิดคำนวณแล้ว คงยังไม่ถึงเวลาเสี่ยง รัฐบาลเองก็บริหารประเทศมาแค่ปีเดียว จะทำอะไรหวาดเสียวให้ตัวเองอายุสั้นทำไม
ด้วยกระบวนการคิดบนสมมติฐานที่ไม่เคยแอบอิงกับหลักการประชาธิปไตย ที่แท้จริง แฝงด้วยประโยชน์การเมืองตลอดมา ทำให้การเมืองไทยก้าวไม่พ้นวงจรอุบาทว์ หลายสิ่งหลายอย่างเดินหน้าไม่ได้ เป็นบัวพ้นน้ำไม่ได้ เพราะติดวัฒนธรรมความคิดแย่ๆ เหล่านี้
หากรัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยจิตใจใสสะอาด บริสุทธิ์ สามารถพลิกคว่ำ หงาย ตรวจสอบความโปร่งใสได้ 360 องศา ก็ไม่จำเป็นต้องไปเกรงกลัวอำนาจมืด อำนาจสว่างใดๆ จะมาขัดขวาง ถ้าหากโดนเกมการเมืองเตะตัดขา กลั่นแกล้ง จนมีอันต้องล้มไป ประชาชน ปัญญาชน ย่อมรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นธรรม และพร้อมจะช่วยเหลือให้กลับมาอีก เลือกตั้งอีก ประชาชนก็เลือกเข้ามาอีก เชื่อเหลือเกินว่าประชาชน จะให้โอกาสมาต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คอยหนุนหลังด้วยแรงศรัทธา สักวันหนึ่งก็ย่อมจะประสบความสำเร็จ และอาจเป็นวีรบุรุษทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นความขัดแย้ง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ใช่เลย หลายคนหลายฝ่าย สัมผัสได้ถึงความคิดสีเทา จ้องจะเปลี่ยนแปลงระบอบให้เอื้ออำนวยกับฝ่ายตัวเอง ต่อยอดอำนาจให้อยู่อย่างยั่งยืนต่อไป รวมทั้งพยายามช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี และพรรคพวก มันจึงจับอาการได้ชัดเจน อาการละล้าละลัง ปอดกระเส่า ไม่กล้าลุยกล้าชน เหมือนวัวสันหลังหวะ รู้ดีอยู่ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น มีวาระแอบแฝง ไม่กล้าเพราะผลประโยชน์หลายอย่างมันคัดง้างอยู่
จุดนี้เองจะเป็นตัวบ่อนเซาะศรัทธา ความเชื่อมั่น ยิ่งตีแผ่ ประชาชนยิ่งเห็นธาตุแท้ จนสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นเครื่องบ่งชี้เจตนา ดังคำว่าที่ว่า "คนดีเห็นนาน คนพาลเห็นเร็ว"
เรื่องนี้ก็สรุปกันง่ายๆ ถ้าจริงใจทำกันจริงๆ ก็ไม่ต้องติด “กับดัก” มากมายขนาดนี้ ไม่ต้องหวาดระแวงเหมือนคนกลัวผี ทั้งที่กลางวันแสกๆ และเชื่อเหลือเกินว่า กระบวนการที่จะเดินต่อไปย่อมต้องพบอุปสรรคอีก สุดท้ายถ้าประชาชนไม่หนุนเนื่อง ไม่เอาด้วย เมื่อนั้นก็ถึงเวลา เอวัง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ คงไม่มีทางสำเร็จอย่างยั่งยืน ถ้าการเมืองยังเป็นแบบนี้ การที่ศาลรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้แก้ไขรายมาตรา โดยรัฐสภา มันก็อาจจะกลายเป็นผลเสียไม่รู้จบเหมือนกัน มันอาจทำให้รัฐธรรมนูญต้องติดหล่ม ใช้ได้ไม่กี่ปี ก็ต้องเปลี่ยนกันใหม่ ใครมาเป็นรัฐบาลก็แก้ ก็เปลี่ยนให้สนองตัณหาฝ่ายตัวเอง นึกจะแก้มาตราไหน ก็ทำได้เลย ไม่ต้องแคร์ใครหน้าไหนในสังคม สุดท้ายก็ตกเป็นอำนาจที่แหลมคมของรัฐบาลไปอีกชิ้นหนึ่ง ไว้ทิ่มแทงฝ่ายตรงข้าม
**รัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดของประชาชน ก็ไม่วายถูกการเมือง หยิบฉวยมาเล่นเกมอีก เฮ้อ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น