ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.สผ.ส่อแววชนะดีลซื้อหุ้น Cove Energy หลังเชลล์ถอนตัวแล้ว ส่งผลให้ราคาหุ้น Cove Energy ในตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงทันทีใกล้เคียงราคาเสนอซื้อที่หุ้นละ 240 เพนซ์ ชี้หากดำเนินการซื้อCoveเป็นที่เรียบร้อย ก็จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นในแหล่งสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 ที่โมซัมบิก
รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทเชลล์ได้ถอนตัวจากการประมูลซื้อหุ้นบริษัท Cove Energy Plc. เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เหลือเพียงบริษัท PTTEP Africa Investment Limited หรือ PTTEP AI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เพียงรายเดียวที่ยังแสดงความจำนงเสนอซื้ออยู่ และมีโอกาสมากที่จะชนะการประมูลซื้อหุ้น Cove Energy หลังจากได้ปรับเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดในราคา 240 เพนซ์ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.2 พันล้านปอนด์สเตอลิง จากการถอนตัวประมูลซื้อ Cove Energy ของเชลล์ ส่งผลให้ราคาหุ้น Cove ในตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงอย่างแรงอยู่ที่ 238 เพนซ์/หุ้น ต่ำกว่าราคาเสนอซื้อของปตท.สผ.อีก จากเปิดตลาดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ราคาหุ้นอยู่ที่ 278 เพนซ์
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การถอนตัวของเชลล์ ในการซื้อหุ้นCove Energy ยังไม่ใช่สิ่งบ่งชี้ว่าปตท.สผ.ชนะประมูล เนื่องจากตามกฎระเบียบตลาดของอังกฤษ ยังต้องรออีก 14 วันหรือ 2 สัปดาห์ เพื่อให้ผู้ถือหุ้น Cove Energy ยอมรับคำเสนอซื้อหุ้นของปตท.สผ.ในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจซื้อหุ้นCove Energyรายใหม่ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นได้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้วไม่มีผู้ใดเสนอราคาซื้อหุ้นCove Energy อีกก็เท่ากับว่าปตท.สผ.ชนะการประมูลซื้อหุ้นดังกล่าวยอมรับว่าขณะนี้ปตท.สผ.ได้หุ้นCove อยู่ในมือเพียงเล็กน้อยแค่ 0.25% แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไปหากไม่มีใครเสนอราคาประมูลซื้อCove Energy ที่สูงกว่านี้ก็จะมีการเสนอขายหุ้นให้บริษัทฯเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่บริษัทฯได้เข้าไปดำเนินการซื้อ Cove เป็นที่เรียบร้อย บริษัทฯก็จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐที่โมซัมบิก ซึ่งCove มีสัดส่วนการถือหุ้น 8.5% ซึ่งบริษัทฯก็มีความสนใจที่จะถือหุ้นในแปลงสัมปทานนี้เพิ่มขึ้น และพร้อมที่จะซื้อหุ้นหากมีพันธมิตรรายใดประกาศขายหุ้นออกมา
ทั้งนี้ Cove มีสินทรัพย์หลักคือ การถือครองสัดส่วนร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก โดยแปลงสัมปทานดังกล่าวนั้น เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ (WorldClass Gas Discovery) และคาดว่าจะมีปริมาณสำรอง (Resource) ถึงประมาณ 24 - 50 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต รวมถึง Black Pearl Oil Prospect นอกจากนี้ Cove ยังถือสัดส่วนร้อยละ 10 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Onshore Area สาธารณรัฐโมซัมบิก รวมถึงการถือสัดส่วนร้อยละ 10 - 25ในแปลงสัมปทานน้ำลึกอีก 7 แปลงในประเทศเคนยาทรัพย์สินหลักและโครงการของ Cove มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas) ของกลุ่มปตท.
วันจันทร์ที่ผ่านมา (16) ซึ่งคณะกรรมการกำกับดูแลการควบกิจการของอังกฤษ ออกคำสั่งขีดเส้นให้เป็นวันสุดท้ายในการแถลงข้อเสนอซื้อปัจจุบัน ปรากฏว่า รอยัล-ดัตช์ เชลล์ ได้ออกคำแถลงระบุว่า บริษัทตัดสินใจไม่ทบทวนราคาเสนอซื้อหุ้นโคฟ เอ็นเนอร์ยี และไม่เข้าร่วมกระบวนการประมูลโคฟ ซึ่งกำหนดเริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร (17) และเปิดให้ประมูลจนถึงวันที่ 25 เดือนนี้
โคฟซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอนนั้น ถือหุ้น 8.5% ในสัมปทานการสำรวจแหล่งก๊าซโรวูมา นอกชายฝั่งโมซัมบิกในแอฟริกาตะวันออก
ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นของโคฟซื้อขายกันในตลาดสูงกว่าราคาประมูลของปตท.ที่ 240 เพนซ์ต่อหุ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า เชลล์อาจเพิ่มราคาเสนอซื้อจากเดิมซึ่งยืนไปที่ 220 เพนซ์ต่อหุ้น
สก็อต ดาร์ลิง หัวหน้าแผนกวิจัยน้ำมันและก๊าซในเอเชียของบาร์เคลย์ เชื่อว่า ความที่ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่แถวๆ สถิติสูงสุด ส่งผลให้ราคาเสนอซื้อโคฟสูงกว่าปกติตามไปด้วย
ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า ปตท.อาจต้องลงทุนในโครงการนี้ปีละ 1,000-1,500 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
**สอดรับแผนเพิ่มกำลังผลิต**
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ปตท. สผ. ที่ได้รับแต่งตั้งเมื่อไม่นานมานี้ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า บริษัทมีแผนลงทุน 2,600 ล้านดอลลาร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 5 ปีหน้า และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันอีก 3 เท่าเป็น 900,000 บาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) ภายในปี 2020
ขณะเดียวกัน นางสาวเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและบัญชี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร(17)ที่ผ่านมาว่า บริษัทได้รับวงเงินกู้ระยะสั้นในรูป Bridge Loan มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์จากธนาคารยูบีเอส เพื่อนำมาซื้อกิจการโคฟในครั้งนี้
**เชลล์หวั่นจ่ายแพงไป
การถอนตัวของเชลล์ครั้งนี้สร้างความประหลาดใจอย่างมาก แม้บริษัทไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ทว่า แหล่งข่าววงในเผยว่า บริษัท 2สัญชาติอังกฤษ-ฮอลแลนด์แห่งนี้ไม่ต้องการจ่ายแพงเกินไป และมั่นใจว่าจะสามารถเข้าสู่การประมูลแหล่งก๊าซในแอฟริกาตะวันออกได้ด้วยช่องทางอื่นๆ
ว่ากันว่ามีความเป็นไปได้ที่เชลล์จะเข้าสู่โครงการนี้ผ่านหุ้นส่วนอื่นๆ ในอนาคต เช่น อนาดาร์โก บริษัทสำรวจแหล่งพลังงานของสหรัฐฯ ที่มีหุ้น 36.5% ในสัมปทานของโมซัมบิก แต่มีประสบการณ์ในด้านเอ็นแอลจีน้อยมาก รวมถึงการร่วมเป็นพันธมิตรกับอีเอ็นไอของอิตาลีที่สำรวจพบก๊าซในโมซัมบิก หรือบีจี กรุ๊ป และเอ็กซอน โมบิลที่พบแหล่งก๊าซนอกชายฝั่งแทนซาเนีย
รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทเชลล์ได้ถอนตัวจากการประมูลซื้อหุ้นบริษัท Cove Energy Plc. เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เหลือเพียงบริษัท PTTEP Africa Investment Limited หรือ PTTEP AI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เพียงรายเดียวที่ยังแสดงความจำนงเสนอซื้ออยู่ และมีโอกาสมากที่จะชนะการประมูลซื้อหุ้น Cove Energy หลังจากได้ปรับเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดในราคา 240 เพนซ์ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.2 พันล้านปอนด์สเตอลิง จากการถอนตัวประมูลซื้อ Cove Energy ของเชลล์ ส่งผลให้ราคาหุ้น Cove ในตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงอย่างแรงอยู่ที่ 238 เพนซ์/หุ้น ต่ำกว่าราคาเสนอซื้อของปตท.สผ.อีก จากเปิดตลาดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ราคาหุ้นอยู่ที่ 278 เพนซ์
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การถอนตัวของเชลล์ ในการซื้อหุ้นCove Energy ยังไม่ใช่สิ่งบ่งชี้ว่าปตท.สผ.ชนะประมูล เนื่องจากตามกฎระเบียบตลาดของอังกฤษ ยังต้องรออีก 14 วันหรือ 2 สัปดาห์ เพื่อให้ผู้ถือหุ้น Cove Energy ยอมรับคำเสนอซื้อหุ้นของปตท.สผ.ในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจซื้อหุ้นCove Energyรายใหม่ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นได้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้วไม่มีผู้ใดเสนอราคาซื้อหุ้นCove Energy อีกก็เท่ากับว่าปตท.สผ.ชนะการประมูลซื้อหุ้นดังกล่าวยอมรับว่าขณะนี้ปตท.สผ.ได้หุ้นCove อยู่ในมือเพียงเล็กน้อยแค่ 0.25% แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไปหากไม่มีใครเสนอราคาประมูลซื้อCove Energy ที่สูงกว่านี้ก็จะมีการเสนอขายหุ้นให้บริษัทฯเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่บริษัทฯได้เข้าไปดำเนินการซื้อ Cove เป็นที่เรียบร้อย บริษัทฯก็จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐที่โมซัมบิก ซึ่งCove มีสัดส่วนการถือหุ้น 8.5% ซึ่งบริษัทฯก็มีความสนใจที่จะถือหุ้นในแปลงสัมปทานนี้เพิ่มขึ้น และพร้อมที่จะซื้อหุ้นหากมีพันธมิตรรายใดประกาศขายหุ้นออกมา
ทั้งนี้ Cove มีสินทรัพย์หลักคือ การถือครองสัดส่วนร้อยละ 8.5 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Offshore Area 1 สาธารณรัฐโมซัมบิก โดยแปลงสัมปทานดังกล่าวนั้น เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ (WorldClass Gas Discovery) และคาดว่าจะมีปริมาณสำรอง (Resource) ถึงประมาณ 24 - 50 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต รวมถึง Black Pearl Oil Prospect นอกจากนี้ Cove ยังถือสัดส่วนร้อยละ 10 ในแปลงสัมปทาน Rovuma Onshore Area สาธารณรัฐโมซัมบิก รวมถึงการถือสัดส่วนร้อยละ 10 - 25ในแปลงสัมปทานน้ำลึกอีก 7 แปลงในประเทศเคนยาทรัพย์สินหลักและโครงการของ Cove มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas) ของกลุ่มปตท.
วันจันทร์ที่ผ่านมา (16) ซึ่งคณะกรรมการกำกับดูแลการควบกิจการของอังกฤษ ออกคำสั่งขีดเส้นให้เป็นวันสุดท้ายในการแถลงข้อเสนอซื้อปัจจุบัน ปรากฏว่า รอยัล-ดัตช์ เชลล์ ได้ออกคำแถลงระบุว่า บริษัทตัดสินใจไม่ทบทวนราคาเสนอซื้อหุ้นโคฟ เอ็นเนอร์ยี และไม่เข้าร่วมกระบวนการประมูลโคฟ ซึ่งกำหนดเริ่มต้นขึ้นในวันอังคาร (17) และเปิดให้ประมูลจนถึงวันที่ 25 เดือนนี้
โคฟซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอนนั้น ถือหุ้น 8.5% ในสัมปทานการสำรวจแหล่งก๊าซโรวูมา นอกชายฝั่งโมซัมบิกในแอฟริกาตะวันออก
ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นของโคฟซื้อขายกันในตลาดสูงกว่าราคาประมูลของปตท.ที่ 240 เพนซ์ต่อหุ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า เชลล์อาจเพิ่มราคาเสนอซื้อจากเดิมซึ่งยืนไปที่ 220 เพนซ์ต่อหุ้น
สก็อต ดาร์ลิง หัวหน้าแผนกวิจัยน้ำมันและก๊าซในเอเชียของบาร์เคลย์ เชื่อว่า ความที่ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวอยู่แถวๆ สถิติสูงสุด ส่งผลให้ราคาเสนอซื้อโคฟสูงกว่าปกติตามไปด้วย
ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า ปตท.อาจต้องลงทุนในโครงการนี้ปีละ 1,000-1,500 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
**สอดรับแผนเพิ่มกำลังผลิต**
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ปตท. สผ. ที่ได้รับแต่งตั้งเมื่อไม่นานมานี้ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า บริษัทมีแผนลงทุน 2,600 ล้านดอลลาร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 5 ปีหน้า และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันอีก 3 เท่าเป็น 900,000 บาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) ภายในปี 2020
ขณะเดียวกัน นางสาวเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและบัญชี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร(17)ที่ผ่านมาว่า บริษัทได้รับวงเงินกู้ระยะสั้นในรูป Bridge Loan มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์จากธนาคารยูบีเอส เพื่อนำมาซื้อกิจการโคฟในครั้งนี้
**เชลล์หวั่นจ่ายแพงไป
การถอนตัวของเชลล์ครั้งนี้สร้างความประหลาดใจอย่างมาก แม้บริษัทไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ทว่า แหล่งข่าววงในเผยว่า บริษัท 2สัญชาติอังกฤษ-ฮอลแลนด์แห่งนี้ไม่ต้องการจ่ายแพงเกินไป และมั่นใจว่าจะสามารถเข้าสู่การประมูลแหล่งก๊าซในแอฟริกาตะวันออกได้ด้วยช่องทางอื่นๆ
ว่ากันว่ามีความเป็นไปได้ที่เชลล์จะเข้าสู่โครงการนี้ผ่านหุ้นส่วนอื่นๆ ในอนาคต เช่น อนาดาร์โก บริษัทสำรวจแหล่งพลังงานของสหรัฐฯ ที่มีหุ้น 36.5% ในสัมปทานของโมซัมบิก แต่มีประสบการณ์ในด้านเอ็นแอลจีน้อยมาก รวมถึงการร่วมเป็นพันธมิตรกับอีเอ็นไอของอิตาลีที่สำรวจพบก๊าซในโมซัมบิก หรือบีจี กรุ๊ป และเอ็กซอน โมบิลที่พบแหล่งก๊าซนอกชายฝั่งแทนซาเนีย
