ASTVผู้จัดการรายวัน- โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ แจง ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผนงานปีหน้า-แผนการใช้เงิน เหตุ มีเป้าหมายเพิ่มกองเรือเป็น 24-30 ลำ จากปัจจุบัน 16 ลำ รองรับอีก 2-3 ปีธุรกิจกลับมาดี ย้ำหากซื้อเรือมือสองราคาต้องลำกว่า 20 ล้านเหรียญ "ม.ล. จันทรจุฑา" ชี้ 6 เดือนข้างหน้าเห็นบริษัทเดินเรือประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้ปรับโครงสร้างหนี้ เพิ่มทุน แต่ยันบริษัทฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง เป็นจังหวะเลือกซื้อเรือราคาถูก พร้อมคาดผลประกอบการปีนี้ปีหน้า พยามประคองตัวไม่ลงทุนธุรกิจใหม่เพิ่ม
ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า ธุรกิจเดินเรือในช่วงปีนี้และปีหน้า ยังไม่ดี จากค่าระหว่างเรือยังอยู่ในระดับต่ำจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี และกองเรือในตลาดยังมีอยู่จำนวนมาก ซึ่ง ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าจะเริ่มเห็นบริษัทในธุรกิจเดิมเรือประสบปัญหาทางการเงิน เรื่องปัญหาการจ่ายชำระหนี้ โดยจะเห็นบริษัทเดินเรือต้องกมีารเพิ่มทุน ปรับโครงสร้างหนี้ และปกติธุรกิจเดินเรือนั้นจะมีการกู้กับธนาคารยุโรป เป็นส่วนใหญ่นั้น ปัจจุบันธนาคารในยุโรปนั้นไม่อยากที่จะปล่อยกู้ ซึ่งไม่ใช่เพราะลูกค้าไม่ดี แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางจากเศรษฐกิจยุโรปมีปัญหา
"ล่าสุดเห็นข่าวบริษัทเดินเรือญี่ปุ่น แซนโกะ ซึ่งมีกองเรือจำนวน 100 ลำ นั้นมีปัญหาทางการเงิน โดยปัจจุบันนั้นอยู่ในศาลล้มละลาย ซึ่งในช่วง 6 เดือนข้างหน้าก็จะเห็นข่าวบริษัทเดินเรือทั่วโลกจะประสบปัญหาทางการเงิน จากธุรกิจเดินเรือไม่ดี ทำให้ต้องกมีการปรับโครงสร้างหนี้ และ เพิ่มทุน " ม.ล. จันทรจุฑา กล่าว
ทั้งนี้บริษัทTTAนั้นมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบันมีเงินสดในมือจำนวน 5 พันล้านบาท และมีกระแสเงินสด ณ งวดการเงิน 6 เดือน (ต.ค.54-มี.ค.55 )อยู่ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งจากการที่บริษัทมีฐานะทางการเงินที่ดีนั้นทำให้เป็นจังหวะโอกาสที่ดีของบริษัทที่จะเข้าไปซื้อเรือมือสองที่ราคาถูก โดยบริษัทมีเป้าหมายหากจะซื้อเรือ อายุ 5-7 ปี ราคาต้องต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งซื้อเรืออีก 1 ลำ ในราคา 19 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการดำเนินงานปีหน้า และแผนงานการใช้เงิน เพราะ ตามแผน 3-5 ปีจากนี้บริษัทต้องการที่จะมีกองทุนอยู่จำนวน 24-30 ลำ จากปัจจุบันที่มี 16 ลำ ว่าจะต้องมีการจัดหาเงินทุนจากแหล่งใดบ้าง จะใช้เงินสดของบริษัท จะกู้เงิน หรือจะเพิ่มทุน โดยหากจะมีการเพิ่มทุนนั้น ทางบริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ พีทีอี แอลทีดี จะเป็นผู้เพิ่มทุน แต่การเพิ่มทุนนั้นมีหลายแนวทาง เช่น การหาพันธมิตรใหม่ให้กับ บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ พีทีอี แอลทีดี หรืออาจะมีการออกกองทรัสต์แล้วเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวว่า การที่บริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือในช่วงที่ธุรกิจเดินเรือไม่ดีนั้น นอกจากราคาต่ำแล้ว และเมื่อค่าระวางเรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงนั้นจะทำให้บริษัทมีกำไรจำนวนมาก ซึ่งใช่วงปี 2547 ที่บริษัทมีกำไรจำนวนมากเพราะ ใช้กลยุทธ์ดังกล่าว ซึ่งบริษัทประเมินว่าธุรกิจเดินเรือจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในปี 2557 เพราะส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจโลกคงจะไม่ซบเซาติดต่อกัน 2-3 ปี และขนาดกองเรือในตลาดเริ่มลดลง
"จากที่ในช่วงปีนี้ปีหน้าธุรกิจเดินเรือยังไม่ดีนั้น บริษัทก็จะประคองตัวให้บริษัทอยู่รอด โดยจะมีมีการลงทุนธุรกิจใหม่เพิ่มอีก แต่จะเน้นในเรื่องการบริหารงานธุรกิจเดิมให้มีประสิทธิภาพ แต่เชื่อว่าบริษัทจะอยู่รอดได้ แต่หากมีโอกาส และจังหวะที่ดีลงทุนเพิ่มในธุรกิจเดิมเพื่อการเติบโตที่ดีในอนาคตบริษัทจะมีการพิจารณาลงทุนเพิ่ม เช่นการซื้อเรือเพิ่ม ผลประกอบการปี 2554 (ต.ค.54- ก.ย.55) รายได้และกำไร ปรับตัวลดลงจากปีก่อน แต่ในปี2555 (1ต.ค.55-ก.ย.56 )นั้นเชื่อว่าผลประกอบการดีขึ้น จากธุรกิจขุดเจาะน้ำมันของบริษัทเมอร์เมดจะดีขึ้น เพราะ มองว่าราคาน้ำมันจะการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง และ จะมีการส่งมอบเรือใหม่ บริษัทยูนิคไมนิ่ง ก็จะมีผลประกอบการดีขึ้นเช่นกัน จากที่โรงงานที่สมุทรสาคลจะมีการเปิดดำเนินการได้แล้ว "ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวว่า
ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า ธุรกิจเดินเรือในช่วงปีนี้และปีหน้า ยังไม่ดี จากค่าระหว่างเรือยังอยู่ในระดับต่ำจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี และกองเรือในตลาดยังมีอยู่จำนวนมาก ซึ่ง ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าจะเริ่มเห็นบริษัทในธุรกิจเดิมเรือประสบปัญหาทางการเงิน เรื่องปัญหาการจ่ายชำระหนี้ โดยจะเห็นบริษัทเดินเรือต้องกมีารเพิ่มทุน ปรับโครงสร้างหนี้ และปกติธุรกิจเดินเรือนั้นจะมีการกู้กับธนาคารยุโรป เป็นส่วนใหญ่นั้น ปัจจุบันธนาคารในยุโรปนั้นไม่อยากที่จะปล่อยกู้ ซึ่งไม่ใช่เพราะลูกค้าไม่ดี แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางจากเศรษฐกิจยุโรปมีปัญหา
"ล่าสุดเห็นข่าวบริษัทเดินเรือญี่ปุ่น แซนโกะ ซึ่งมีกองเรือจำนวน 100 ลำ นั้นมีปัญหาทางการเงิน โดยปัจจุบันนั้นอยู่ในศาลล้มละลาย ซึ่งในช่วง 6 เดือนข้างหน้าก็จะเห็นข่าวบริษัทเดินเรือทั่วโลกจะประสบปัญหาทางการเงิน จากธุรกิจเดินเรือไม่ดี ทำให้ต้องกมีการปรับโครงสร้างหนี้ และ เพิ่มทุน " ม.ล. จันทรจุฑา กล่าว
ทั้งนี้บริษัทTTAนั้นมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบันมีเงินสดในมือจำนวน 5 พันล้านบาท และมีกระแสเงินสด ณ งวดการเงิน 6 เดือน (ต.ค.54-มี.ค.55 )อยู่ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งจากการที่บริษัทมีฐานะทางการเงินที่ดีนั้นทำให้เป็นจังหวะโอกาสที่ดีของบริษัทที่จะเข้าไปซื้อเรือมือสองที่ราคาถูก โดยบริษัทมีเป้าหมายหากจะซื้อเรือ อายุ 5-7 ปี ราคาต้องต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งซื้อเรืออีก 1 ลำ ในราคา 19 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการดำเนินงานปีหน้า และแผนงานการใช้เงิน เพราะ ตามแผน 3-5 ปีจากนี้บริษัทต้องการที่จะมีกองทุนอยู่จำนวน 24-30 ลำ จากปัจจุบันที่มี 16 ลำ ว่าจะต้องมีการจัดหาเงินทุนจากแหล่งใดบ้าง จะใช้เงินสดของบริษัท จะกู้เงิน หรือจะเพิ่มทุน โดยหากจะมีการเพิ่มทุนนั้น ทางบริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ พีทีอี แอลทีดี จะเป็นผู้เพิ่มทุน แต่การเพิ่มทุนนั้นมีหลายแนวทาง เช่น การหาพันธมิตรใหม่ให้กับ บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ พีทีอี แอลทีดี หรืออาจะมีการออกกองทรัสต์แล้วเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวว่า การที่บริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือในช่วงที่ธุรกิจเดินเรือไม่ดีนั้น นอกจากราคาต่ำแล้ว และเมื่อค่าระวางเรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงนั้นจะทำให้บริษัทมีกำไรจำนวนมาก ซึ่งใช่วงปี 2547 ที่บริษัทมีกำไรจำนวนมากเพราะ ใช้กลยุทธ์ดังกล่าว ซึ่งบริษัทประเมินว่าธุรกิจเดินเรือจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในปี 2557 เพราะส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจโลกคงจะไม่ซบเซาติดต่อกัน 2-3 ปี และขนาดกองเรือในตลาดเริ่มลดลง
"จากที่ในช่วงปีนี้ปีหน้าธุรกิจเดินเรือยังไม่ดีนั้น บริษัทก็จะประคองตัวให้บริษัทอยู่รอด โดยจะมีมีการลงทุนธุรกิจใหม่เพิ่มอีก แต่จะเน้นในเรื่องการบริหารงานธุรกิจเดิมให้มีประสิทธิภาพ แต่เชื่อว่าบริษัทจะอยู่รอดได้ แต่หากมีโอกาส และจังหวะที่ดีลงทุนเพิ่มในธุรกิจเดิมเพื่อการเติบโตที่ดีในอนาคตบริษัทจะมีการพิจารณาลงทุนเพิ่ม เช่นการซื้อเรือเพิ่ม ผลประกอบการปี 2554 (ต.ค.54- ก.ย.55) รายได้และกำไร ปรับตัวลดลงจากปีก่อน แต่ในปี2555 (1ต.ค.55-ก.ย.56 )นั้นเชื่อว่าผลประกอบการดีขึ้น จากธุรกิจขุดเจาะน้ำมันของบริษัทเมอร์เมดจะดีขึ้น เพราะ มองว่าราคาน้ำมันจะการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง และ จะมีการส่งมอบเรือใหม่ บริษัทยูนิคไมนิ่ง ก็จะมีผลประกอบการดีขึ้นเช่นกัน จากที่โรงงานที่สมุทรสาคลจะมีการเปิดดำเนินการได้แล้ว "ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวว่า