ASTVผู้จัดการรายวัน- "นายกฯปู"สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนามบินสุวรรณภูมิบูรณาการแก้ปัญหาสนามบินแออัด รองรับนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ ที่แห่เที่ยวไทย 54 ล้านต่อปี จี้เร่งซ่อมแซมสนามบินพร้อมเปิดสนามบินดอนเมืองรองรับเพิ่ม โดยตั้งคณะทำงานแก้ปัญหา พร้อมเร่งผุดรันเวย์ 3และเฟส 2 “จารุพงศ์” เผยรันเวย์มีปัญหาผลกระทบเสียง ใช้งานได้แค่ 55 เที่ยวบิน/ชม.ไม่เต็มขีดที่ 76 เที่ยวบิน/ชม. ต้องปรับการบริหารจัดการใหม่ จี้ทอท.เร่งจ่ายชดเชยเสียงเฟส 1 ที่ยังค้างเกือบ 4พันล้านบาท เชื่อไม่จบ รันเวย์ 3 ถูกต้านแน่ ขณะที่ทอท.เผยมี 4 สายการบินตอบรับย้ายมาดอนเมือง ยันพร้อมตั้งแต่ 1 ส.ค.นี้
วานนี้ (16ก.ค.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (AOT) หรือ ทอท.พร้อมกับให้แนวทางการแก้ไขปัญหาการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมิ โดยมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ประธานกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ว่าที่ ร.อ.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. นายสมชัย สวัสดีผล ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
สำหรับการประชุมวานนี้ นายกฯได้ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นของสนามบินสุวรรณภูมิโดยเฉพาะปัญหาความแออัดภายในอาคารผู้โดยสารที่เต็มไปด้วยร้านค้า ปิดบังทางหนีไฟกระทบต่อมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ การเข้าคิวตรวจหนังสือเดินทางเป็นชั่วโมงเรดาร์หอบังคับการบินเกิดจอดับกะทันหัน โดยเฉพาะรันเวย์ชำรุดทำให้หลายเที่ยวบินไม่สามารถลงจอดได้ โดยใช้เวลาหารือกว่าชั่วโมงครึ่ง
จากนั้นเวลา 10.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มอบให้คณะกรรมการและทีมงานที่เกี่ยวข้องไปบูรณาการแก้ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิที่มีปัญหาแออัดโดยเฉพาะการรองรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ วันนี้เราเจอปัญหาว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก เกินขีดความสามารถในการรองรับของสุวรรณภูมิ จากเดิมเตรียมรองรับไว้ 52 ล้านคนต่อปี แต่วันนี้มีถึง 54 ล้านคนต่อปี จึงต้องไปดูในเรื่องของลูฟ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งในช่วงดึกมีช่องว่างรองรับผู้โดยสารได้ก็มอบให้คณะทำงานไปหารือและวางแผนรองรับว่าจะทำอย่างไรให้มีทางเลือกสำหรับประชาชนเพื่อจะได้แจ้งล่วงหน้าให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการต่อเชื่อมจะได้แก้ปัญหา ไม่เกิดอุปสรรคต่อผู้โดยสาร
นายกฯ กล่าวว่า ในระยะสั้นได้เร่งรัดซ่อมแซมปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิ และดูในส่วนของสนามบินดอนเมืองเพื่อรองรับและแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันต้องแก้ปัญหาระยะยาวอย่างบูรณาการ ประสานกับกระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อดูจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะต้องประมาณการในระยะยาวว่าจะมีจำนวนเท่าไร โดยเฉพาะผู้โดยสารต่างชาติ จะได้บริหารจัดการและต่อขยายในเรื่องการบิน ซึ่งจุดนี้ต้องดูที่สนามบินภูเก็ตด้วยที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะเดินหน้าในส่วนของเฟส 2 และรันเวย์ที่ 3 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เฟส 2 อยู่ระหว่างการดำเนินการโดยเร่งรัดให้เสร็จภายใน 70 เดือน โดยตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามการดำเนินการจะได้ไม่มีปัญหา ส่วนรันเวย์ที่ 3 มีความจำเป็นต้องดำเนินการ ขณะนี้ติดปัญหาเรื่องอีไอเอ ได้เร่งรัดดำเนินการ
ตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาสนามบิน
ด้าน นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า นายกฯได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถึงปัญหาการให้บริการช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก โดยสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา มีพล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี
ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เป็นประธานในส่วนหน่วยงาน ส่วนการเมืองมอบหมายให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมดูแล โดยคณะทำงานจะต้องวิเคราะห์ปัญหาทั้งภาพใหญ่และรายละเอียดแต่ละจุด เช่น การบริหารการบินในช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินหนาแน่น ตั้งแต่ 10.00 น- 20.00 น. กับช่วงเที่ยวบินไม่หนาแน่น 01.00-05.00น.อย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับขีดความสามารถของรันเวย์รองรับได้สูงสุด 55 เที่ยวบินต่อชั่วโมง โดยให้สายการบินที่แจ้งเข้ามาก่อนได้ลงจอดก่อน ส่วนที่แจ้งมาหลังจากนั้นจะต้องแจ้งให้ชัดเจนว่าจะใช้เวลารอเท่าไร เพื่อเป็นข้อมูลให้สายการบินตัดสินใจไปใช้ในช่วงเวลาที่ไม่หนาแน่นมากขึ้น เป็นต้น ซึ่งนายกฯจะติดตามความคืบหน้าอีก 2 สัปดาห์
นายจารุพงศ์กล่าวว่า การแก้ปัญหาจะมีทั้งระยะสั้นคือ การใช้รันเวย์ให้เต็มขีดความสามารถ และระยะยาว คือ เร่งการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ให้เสร็จเร็วขึ้น และการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 วงเงินย 13,000 ล้านบาท ค่าชดเชยเสียงประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) โดยหาก ทอท.จะต้องเร่งจ่ายชดเชยผลกระทบเสียงในเฟส 1ที่เหลืออยู่ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทให้ครบก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาถูกต่อต้านในขั้นตอนทำประชาพิจารณ์ นายกฯเน้นแก้ปัญหาการบริหารจัดการ เรื่องคน และการเงิน
“นายกฯมารับทราบปัญหา และกระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆเร่งแก้ไขซึ่งพบว่าปัญหารันเวย์ตอนนี้คือ ไม่สามารถใช้งานได้เต็มขีดความสามารถที่ออกแบบไว้ 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมงโยเหลือเพียง 55 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากมีผลกระทบทางเสียงฝั่งตะวันตกจึงต้องใช้ฝั่งตะวันออกมากถึง 80% ทำให้เกิดการชำรุดเร็วก็ต้องหาทางว่าจะใช้รันเวย์ได้เต็มขีดความสามารถได้อย่างไร โดยการแก้ปัญหาต่างๆ ทอท.จะต้องยึดผู้โดยสารและสายการบินเป็นหลักและต้องมองว่าต่อไป ประเทศไทยจะเข้าสู AEC จะต้องรองรับนักท่องเที่ยว กว่า 60 ล้านคนต่อปี จะทำอย่างไรที่จะให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวกด้วย”นายจารุพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ทอท. ยืนยันว่าในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ การซ่อมแซมรันเวย์ฝั่งตะวันออกจะสามารถคืนพื้นที่ได้ครึ่งหนึ่ง และจะทำให้ปัญหาความหนาแน่นของเที่ยวบินในรันเวย์ฝั่งตะวันตกคลี่คลาย และจะซ่อมแซมแล้วเสร็จสมบูรณ์ในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ การให้บริการจะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำ ( โลว์คอสต์แอร์ไลน์) จะเริ่มย้ายไปใช้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไปด้วย ซึ่งจะลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิลงได้มาก
พล.อ.อ.สุเมธ กล่าวว่า นายกฯได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการบูรณาการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วยเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงแผนการรองรับผู้โดยสารในทุกเรื่อง เช่น บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) เรื่องของรันเวย์ และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนดำเนินการระยะยาว 4-5 ปีข้างหน้าส่วนการชดเชยกับผู้ประกอบการสายการบินเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการซ่อมรันเวย์นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สายการบินใดขอชดเชยเข้ามา ซึ่งยืนยันว่า ทอท.พร้อมจะหารือเพื่อกำหนดรูปแบบการชดเชยที่เหมาะสมร่วมกันต่อไป
เผยมี 4 สายการบินเตรียมย้ายมาดอนเมือง
สำหรับการเจรจากับ 14 สายการบินเพื่อย้ายการให้บริการมาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น ขณะนี้มีสายการบินตอบรับแล้ว 4 สายการบิน และไม่ตอบรับ 3 สายการบิน ส่วนที่เหลือจะเจรจาร่วมกันต่อไป ซึ่งสายการบินที่ไม่ตอบรับ มีเหตุผลเรื่องความสะดวกเนื่องจากมีผู้โดยสารต่อเครื่อง
วานนี้ (16ก.ค.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (AOT) หรือ ทอท.พร้อมกับให้แนวทางการแก้ไขปัญหาการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมิ โดยมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ประธานกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ว่าที่ ร.อ.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. นายสมชัย สวัสดีผล ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
สำหรับการประชุมวานนี้ นายกฯได้ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นของสนามบินสุวรรณภูมิโดยเฉพาะปัญหาความแออัดภายในอาคารผู้โดยสารที่เต็มไปด้วยร้านค้า ปิดบังทางหนีไฟกระทบต่อมาตรฐานความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ การเข้าคิวตรวจหนังสือเดินทางเป็นชั่วโมงเรดาร์หอบังคับการบินเกิดจอดับกะทันหัน โดยเฉพาะรันเวย์ชำรุดทำให้หลายเที่ยวบินไม่สามารถลงจอดได้ โดยใช้เวลาหารือกว่าชั่วโมงครึ่ง
จากนั้นเวลา 10.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มอบให้คณะกรรมการและทีมงานที่เกี่ยวข้องไปบูรณาการแก้ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิที่มีปัญหาแออัดโดยเฉพาะการรองรับผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ วันนี้เราเจอปัญหาว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก เกินขีดความสามารถในการรองรับของสุวรรณภูมิ จากเดิมเตรียมรองรับไว้ 52 ล้านคนต่อปี แต่วันนี้มีถึง 54 ล้านคนต่อปี จึงต้องไปดูในเรื่องของลูฟ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งในช่วงดึกมีช่องว่างรองรับผู้โดยสารได้ก็มอบให้คณะทำงานไปหารือและวางแผนรองรับว่าจะทำอย่างไรให้มีทางเลือกสำหรับประชาชนเพื่อจะได้แจ้งล่วงหน้าให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการต่อเชื่อมจะได้แก้ปัญหา ไม่เกิดอุปสรรคต่อผู้โดยสาร
นายกฯ กล่าวว่า ในระยะสั้นได้เร่งรัดซ่อมแซมปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิ และดูในส่วนของสนามบินดอนเมืองเพื่อรองรับและแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันต้องแก้ปัญหาระยะยาวอย่างบูรณาการ ประสานกับกระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อดูจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะต้องประมาณการในระยะยาวว่าจะมีจำนวนเท่าไร โดยเฉพาะผู้โดยสารต่างชาติ จะได้บริหารจัดการและต่อขยายในเรื่องการบิน ซึ่งจุดนี้ต้องดูที่สนามบินภูเก็ตด้วยที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถรองรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะเดินหน้าในส่วนของเฟส 2 และรันเวย์ที่ 3 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เฟส 2 อยู่ระหว่างการดำเนินการโดยเร่งรัดให้เสร็จภายใน 70 เดือน โดยตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามการดำเนินการจะได้ไม่มีปัญหา ส่วนรันเวย์ที่ 3 มีความจำเป็นต้องดำเนินการ ขณะนี้ติดปัญหาเรื่องอีไอเอ ได้เร่งรัดดำเนินการ
ตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาสนามบิน
ด้าน นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า นายกฯได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถึงปัญหาการให้บริการช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก โดยสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา มีพล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี
ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เป็นประธานในส่วนหน่วยงาน ส่วนการเมืองมอบหมายให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมดูแล โดยคณะทำงานจะต้องวิเคราะห์ปัญหาทั้งภาพใหญ่และรายละเอียดแต่ละจุด เช่น การบริหารการบินในช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินหนาแน่น ตั้งแต่ 10.00 น- 20.00 น. กับช่วงเที่ยวบินไม่หนาแน่น 01.00-05.00น.อย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับขีดความสามารถของรันเวย์รองรับได้สูงสุด 55 เที่ยวบินต่อชั่วโมง โดยให้สายการบินที่แจ้งเข้ามาก่อนได้ลงจอดก่อน ส่วนที่แจ้งมาหลังจากนั้นจะต้องแจ้งให้ชัดเจนว่าจะใช้เวลารอเท่าไร เพื่อเป็นข้อมูลให้สายการบินตัดสินใจไปใช้ในช่วงเวลาที่ไม่หนาแน่นมากขึ้น เป็นต้น ซึ่งนายกฯจะติดตามความคืบหน้าอีก 2 สัปดาห์
นายจารุพงศ์กล่าวว่า การแก้ปัญหาจะมีทั้งระยะสั้นคือ การใช้รันเวย์ให้เต็มขีดความสามารถ และระยะยาว คือ เร่งการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ให้เสร็จเร็วขึ้น และการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 วงเงินย 13,000 ล้านบาท ค่าชดเชยเสียงประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) โดยหาก ทอท.จะต้องเร่งจ่ายชดเชยผลกระทบเสียงในเฟส 1ที่เหลืออยู่ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทให้ครบก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาถูกต่อต้านในขั้นตอนทำประชาพิจารณ์ นายกฯเน้นแก้ปัญหาการบริหารจัดการ เรื่องคน และการเงิน
“นายกฯมารับทราบปัญหา และกระตุ้นให้หน่วยงานต่างๆเร่งแก้ไขซึ่งพบว่าปัญหารันเวย์ตอนนี้คือ ไม่สามารถใช้งานได้เต็มขีดความสามารถที่ออกแบบไว้ 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมงโยเหลือเพียง 55 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากมีผลกระทบทางเสียงฝั่งตะวันตกจึงต้องใช้ฝั่งตะวันออกมากถึง 80% ทำให้เกิดการชำรุดเร็วก็ต้องหาทางว่าจะใช้รันเวย์ได้เต็มขีดความสามารถได้อย่างไร โดยการแก้ปัญหาต่างๆ ทอท.จะต้องยึดผู้โดยสารและสายการบินเป็นหลักและต้องมองว่าต่อไป ประเทศไทยจะเข้าสู AEC จะต้องรองรับนักท่องเที่ยว กว่า 60 ล้านคนต่อปี จะทำอย่างไรที่จะให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวกด้วย”นายจารุพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ทอท. ยืนยันว่าในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ การซ่อมแซมรันเวย์ฝั่งตะวันออกจะสามารถคืนพื้นที่ได้ครึ่งหนึ่ง และจะทำให้ปัญหาความหนาแน่นของเที่ยวบินในรันเวย์ฝั่งตะวันตกคลี่คลาย และจะซ่อมแซมแล้วเสร็จสมบูรณ์ในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ การให้บริการจะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำ ( โลว์คอสต์แอร์ไลน์) จะเริ่มย้ายไปใช้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไปด้วย ซึ่งจะลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิลงได้มาก
พล.อ.อ.สุเมธ กล่าวว่า นายกฯได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการบูรณาการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วยเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงแผนการรองรับผู้โดยสารในทุกเรื่อง เช่น บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) เรื่องของรันเวย์ และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนดำเนินการระยะยาว 4-5 ปีข้างหน้าส่วนการชดเชยกับผู้ประกอบการสายการบินเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการซ่อมรันเวย์นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สายการบินใดขอชดเชยเข้ามา ซึ่งยืนยันว่า ทอท.พร้อมจะหารือเพื่อกำหนดรูปแบบการชดเชยที่เหมาะสมร่วมกันต่อไป
เผยมี 4 สายการบินเตรียมย้ายมาดอนเมือง
สำหรับการเจรจากับ 14 สายการบินเพื่อย้ายการให้บริการมาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น ขณะนี้มีสายการบินตอบรับแล้ว 4 สายการบิน และไม่ตอบรับ 3 สายการบิน ส่วนที่เหลือจะเจรจาร่วมกันต่อไป ซึ่งสายการบินที่ไม่ตอบรับ มีเหตุผลเรื่องความสะดวกเนื่องจากมีผู้โดยสารต่อเครื่อง
