xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์”ลดชั้นพบฮิลลารี ลากไทยเป็นเบี้ยล่างสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ในขณะที่คนไทยกำลังลุ้นระทึกกับเหตุการณ์ศุกร์ 13 ที่อาจเป็นวันสยองของรัฐบาล หรืออาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ หรือ อาจจะออกในรูปอื่นๆ ได้ตามแต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามบทบาทหน้าที่ ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงไม่สมควรที่เพื่อไทย กับคนเสื้อแดง จะไปปักธงให้ศาลต้องเดินตาม
อาการดิ้นพล่านของโจกแดง รวมถึงรัฐมนตรีในรัฐบาล ไล่เรียงมาตั้งแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไปจนถึง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ ที่ออกมาคุกคามศาลอย่างชัดเจนว่าหากตัดสินไม่ตรงใจแดง วุ่นวายแน่
ไม่มีรัฐบาลของประเทศไหนเอาความสงบของชาติมาเป็นตัวประกัน เพื่อข่มขู่ศาล แถมคนที่ทำยังเป็นถึง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียด้วย
**งามใจไทยแลนด์ จริงๆ
ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือ ในห้วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังเข้าสู่หน้าสิ่วหน้าขวาน แต่ นางสาวลูกหนึ่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กลับไม่อยู่ในประเทศไทย มีกำหนดการลึกลับงอกออกมา อ้างคำเชิญของ ฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เดินทางไปกัมพูชา เพื่อกล่าวสุนทรพจน์กับนักธุรกิจสหรัฐฯ
ยิ่งลักษณ์? โกอินเตอร์ที่ เขมร ตามคำเชิญของสหรัฐฯ แค่ฟังก็ปวดหัวแล้ว เพราะมันสับสนไปหมด ทั้งการขัดธรรมเนียมทางการทูต ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ที่พี่ชายนักโทษของนายกฯเพิ่งจะได้รับวีซ่ายาว 10 ปี จากสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางความพยายาม ที่จะขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของสหรัฐอเมริกา
**สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อดห่วงใยประเทศชาติไม่ได้ว่า นอกจากจะต้องเผชิญกับปัญหาการเมือง ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจแล้ว ยังกำลังเข้าสู่จุดสุ่มเสี่ยงต่อปัญหาการเมืองระหว่างประเทศแทรกซ้อนเข้ามาด้วย
เริ่มจากความอ่อนด้อยด้านการต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี และ ความไม่เอาไหนของกระทรวงการต่างประเทศไทย ที่กำลังทำให้ไทยเสื่อมเกียรติภูมิอย่างยิ่ง ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคใดมาก่อน
**ถ้าไม่ใช่ “ปูนิ่ม” ทำไม่ได้จริง ๆ
คำวิจารณ์ของ สมเกียรติ อ่อนวิมล นักสื่อสารมวลชน ที่ตั้งข้อสังเกต 10 ข้อ เกี่ยวกับการเดินทางไปเยือนกัมพูชา ของนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 ก.ค.นี้ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องอ่าน และพึงสำเหนียกด้วยว่า กำลังทำให้ชาติเสื่อมเสียศักดิ์ศรี อย่างไร
1. หากมีการเชิญไปเยือนต่างประเทศเป็นทางการ จะต้องเป็นการเชิญโดยผู้ดำรงตำแหน่งระดับเดียวกัน หรือระดับที่สูงกว่าผู้ที่ถูกเชิญ และต้องเป็นการเชิญไปเยือนประเทศของผู้เชิญ
2 . รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะเชิญนายกรัฐมนตรีของไทยไปเยือนกัมพูชา ไม่ได้ จะเชิญไปพบที่กัมพูชา ก็ไม่ได้
3. รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะเชิญนายกรัฐมนตรีไทย ไปเยือนสหรัฐฯ เพื่อพบรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ เพราะระดับต่างกัน ผู้ถูกเชิญระดับสูงกว่า
4 . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศไทย ไปเยือนสหรัฐฯ เป็นแขกของประธานาธิบดีได้ เพราะตำแหน่งผู้ถูกเชิญต่ำกว่า
5 . รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะเชิญนายกรัฐมนตรีไทย ไปเยือนสหรัฐฯ โดยมีหนังสือเชิญจากประธานาธิบดี Obama ได้ แต่ต้องเชิญให้เป็นแขกของประธานาธิบดี ไม่ใช่แขกของรัฐมนตรีต่างประเทศ เมื่อไปพบประธานาธิบดีแล้ว นายกฯ จะนัดคุยกับรัฐมนตรีฯ ที่สหรัฐฯได้ แต่ต้องคุยกัน ณ ที่ของนายกฯ เช่น ห้องประชุมของโรงแรมที่กำหนดได้ จะไปคุยที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะไม่เหมาะสม เพราะเป็นสถานที่ของผู้ถูกเชิญ
6 . ทั้งหมดนี้ หากเป็นการเชิญเป็นส่วนตัว ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพ้นตำแหน่งแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องยึดระเบียบพิธีทางการทูตข้างต้น
**7. การที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ไปเยือนกัมพูชา เพื่อพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยามที่ท่านมีเวลาว่างจากการประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอื่นของอาเซียน จึงเป็นเรื่องตลกทางการทูต ที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ควรทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียเกียรติของชาติ และนายกรัฐมนตรีไทย ด้อยศักดิ์ศรี ถือเป็นเรื่องเสียหายต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติ ทำให้ประเทศไทยด้อยศักดิ์ศรีตามไปด้วย ประชาชนชาวไทยต้องรู้สึกถึงความเสียเกียรติในการนี้ด้วยเช่นกัน
8. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ปล่อยให้เรื่องเสื่อมเสียต่อประเทศชาติ และผู้นำของรัฐบาลไทย เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือมีเหตุผลที่อธิบายข้อวิจารณ์ข้างบนนี้ได้
9. นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่มีความรู้เรื่องพิธีการทูตระหว่างประเทศเลยหรือ จึงได้ปล่อยให้เรื่องเสื่อมเสียเกียรติเช่นนี้ เกิดกับตัวท่านเอง และกับประเทศที่ท่านเป็นผู้นำได้
10. นายกฯยิ่งลักษณ์ จะคิดว่าประเทศไทยเล็กกว่า และด้อยกว่าสหรัฐฯไม่ได้ จะคิดและทำตัวเอง และทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ต่ำกว่าประธานาธิบดีและต่ำกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ได้ ทุกประเทศบนโลก ในฐานะสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ถือว่ามีฐานะเท่าเทียมกัน นายกฯยิ่งลักษณ์ ต้องคิด และทำให้ได้ว่า จะนำประเทศไทย และตัวท่านเองไปอยู่เคียงบ่าเคียงใหญ่กับประเทศอื่นในโลกได้ ต้องศึกษาหาความรู้เรื่องการต่างประเทศให้มากขึ้น ต้องคิดถึงเกียรติของตัวเอง และประเทศชาติเป็นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
แต่เหล่านั้นยังไม่น่ากังวลเท่ากับว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ?กำลังวางบทบาทไทย ว่า สนิทชิดเชื้อเป็นพิเศษกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งมียุทธศาสตร์ที่จะขยายอิทธิพลเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามนโยบายของ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า Smart Power มีการลดน้ำหนักการใช้อำนาจทางการทหารแบบเดิมลง เพิ่มน้ำหนักในการใช้กุศโลบายทางการทูต การแทรกแซงทางเศรษฐกิจ และการเมือง โดย ฮิลลารี่ ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้ตั้งแต่ช่วงแรกของการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ล่าสุดนอกจากกุศโลบายด้านการทูตแล้ว สหรัฐอเมริกา ยังคิดสยายปีกด้านการทหารมาในภูมิภาคนี้ จนเป็นจุดเริ่มต้นที่จีนมีความกังวลว่า จะเกิดสงครามเย็นรอบใหม่ ในขณะเดียวกัน ฮิลลารี แสดงออกหลายครั้งในการยุให้ไทยแสดงบทบาทผู้นำ ในอาเซียน
**นั่นเท่ากับว่าสหรัฐอเมริกา กำลังวางไทยเป็นเบี้ยในกระดานแห่งสงครามเย็นที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วรัฐบาลไทยทำอะไร กระโดดเข้าไปเป็นเบี้ยในกระดานของสหรัฐฯ ไม่ต่างจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน กับประเทศคู่เจรจา ซึ่งมีจีนร่วมอยู่ด้วย ลองคิดดูว่า จีนจะคิดอย่างไร ที่ผู้นำสูงสุดของไทยมองข้ามประเพณีปฏิบัติด้านการทูตทั้งหมด รับเชิญ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ไปโชว์ตัวในเวทีอาเซียน
ดุลยภาพด้านต่างประเทศที่ไทยเคยรักษาไว้ได้อย่างดี ในการวางบทบาทความเป็นมิตรประเทศกับจีน และสหรัฐอเมริกา กำลังจะสูญเสียไป
**ส่วนจะเป็นเพราะแลกกับวีซ่าเข้าสหรัฐ 10 ปีของ “นักโทษชายทักษิณ” หรือไม่นั้น คิดว่าคนไทยคงมีคำตอบแล้ว และน่าจะมีความลึกลับซับซ้อนในเชิงผลประโยชน์มากกว่าแค่ นักโทษได้เหยียบแดนอินทรี
กำลังโหลดความคิดเห็น