ASTVผู้จัดการรายวัน - “ปู”ปัดหั่นงบฯกทม.อ้างหายไปตามนโยบายบูรณาการไม่แยกส่วน สั่งสำนักงบฯ ดูส่วนไหนที่จำเป็นต้องใช้ก็ต้องใช้ ด้านกทม.ดิ้นสุดฤทธิ์ทวงงบอุดหนุนปี 2556 เตรียมเข้าพบ "วัชระ" โฆษกกมธ.ก่อนสภาให้ผ่าน นายกฯโยน”เหลิม”เล่นกทม.ต่อสัญญาบีทีเอส ให้ชัดเจนเป็นธรรมเต็มที่
วานนี้(9ก.ค.) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาาล่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ครั้งที่ 5/2555 ซึ่งกทม.เป็นเจ้าภาพกรณีที่มีข่าวว่า กทม.ถูกตัดงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำว่า งบฯเร่งด่วนได้รับแล้ว ตามที่กทม.เสนอ ซึ่งเป็นแผนพัฒนายั่งยืน โดยเราจะต้องบูรณาการคุยกับคณะกรรมการบริหาร จัดการน้ำและอุทกภัยกบอ.ถือเป็นไปตามขั้นตอนตามปกติ ซึ่งต้องทำงานในพื้นที่ตอนปลายน้ำ ที่ต้องเร่งประสิทธิภาพคูคลองระบายน้ำไปยังประตูระบายน้ำ รวมถึงโครงการแก้มลิง
เมื่อถามว่า รัฐบาลตัดงบฯปี 56 ของกทม. มาจากสาเหตุใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่มี อาจเป็นกระบวนการทำงานมากกว่า งบฯที่หายไป เป็นงบฯด้านนโยบาย ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นในการตัดงบประมาณ ซึ่งขั้นตอนการทำงานอาจมีการคลาดเคลื่อนกันไป ซึ่งได้ให้ทางสำนักงบประมาณไปดู ส่วนไหนที่จำเป็นต้องใช้ก็ต้องใช้ เราไมได้คำนึงว่าจะต้องไปแยกส่วนหรืออย่างไร มองว่าการทำงานวันนี้รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานกับทางกทม.อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่กทม.เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ การทำงานต้องได้รับการบูรณาการอย่างเต็มที่ และวันนี้ถือเป็นการประชุมที่ดีที่เราได้รับฟังทั้ง 2 ฝ่ายคือ แนวทางจากกทม.ในการพัฒนา ปัญหาต่างๆ และการบูรณาการ ซึ่งทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็ได้อยู่พร้อมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดถึงกรณีที่กทม.ขยายต่อสัญญาสัมปทานเดินรถบีทีเอสไปอีก 30 ปี ให้กับบริษัทกรุงเทพธนาคม ที่มายื่นขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึง แต่เป็นการรายงานประจำรายวันเชิงบูรณาการ และในฐานะที่เป็นประธานดีเอสไอได้มอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งยืนยันทุกอย่างจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เมื่อถามย้ำว่า ดีเอสไอพยายามนำเรื่องนี้เข้าเป็นคดีพิเศษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องถามตัวประธานมากกว่า สำหรับตนเองขึ้นอยู่กับหน่วยงานในการทำงาน ขอเรียนว่า ทุกอย่างเราต้องทำงานด้วยความชัดเจน และมีความเป็นธรรมอย่างเต็มที่
ด้าน นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในฐานะที่รับผิดชอบด้านงบประมาณและการคลัง กทม. เปิดเผยว่า กรณีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2556 ในส่วนเงินอุดหนุนกทม. ที่กทม.ได้เสนอขอไปทั้งสิ้นกว่า 34,349 ล้านบาท แต่ได้รับการอนุมัติเพียง 14,419 ล้านบาทเศษจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร(วาระแรก) เท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของกทม.ได้โดยเฉพาะงบฯ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ-การจัดการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน การจราจร ตลอดจนการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ เบื้องต้น นายกฯ ได้รับปากจะนำเรื่องกลับไปเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผู้แทนจากสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยืนยันต่อที่ประชุมว่า ที่ผ่านมาสำนักงบประมาณได้พิจารณาอนุมัติงบฯ อุดหนุนให้แก่กทม.ตามสัดส่วนและระเบียบปฏิบัติที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจได้กำหนดเอาไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมยืนยันที่ผ่านมาไม่ได้กลั่นแกล้งกทม.แต่อย่างใด
นางนินนาท กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในส่วนของการเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันให้รัฐบาลหรือสภาผู้แทนฯ ทบทวนงบฯ อุดหนุนกทม.ประจำปี 2556 ใหม่นั้น คงต้องให้ผู้บริหารฝ่ายการเมืองเป็นผู้ดำเนินการต่อไป ขณะที่ทางฝ่ายข้าราชการประจำในฐานะผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องเตรียมแผนรองรับหากงบฯ อุดหนุนที่ได้มามีไม่ครบถ้วนตามที่เสนอขอไปซึ่งอาจต้องหันไปดึงจากโครงการส่วนอื่นๆ มาสำรองจ่ายทดแทนก่อน โดยเฉพาะด้านการจัดการศึกษาแก่เด็กนักเรียนและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เนื่องจากยอดเงินที่ขอไปนั้นถือเป็นจำนวนที่กทม.ต้องใช้จริงตามจำนวนประชากรแต่ละกลุ่มในพื้นที่รับผิดชอบ
ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้กทม.อยู่ระหว่างเร่งประสานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการวิสามัญของสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างงบฯ ปี 2556 ฉบับดังกล่าว ล่าสุด กำลังเตรียมส่งตัวแทนเข้าพบนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการพิจารณาทบทวนงบฯ อุดหนุนกทม.อีกครั้ง ก่อนที่จะนำผลการพิจารณาเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ลงมติให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ซึ่งกทม.จะขอเข้าพบให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อให้ทันก่อนถึงขั้นตอนการยกร่างฯ ประกาศบังคับใช้ต่อไป
วานนี้(9ก.ค.) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาาล่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ครั้งที่ 5/2555 ซึ่งกทม.เป็นเจ้าภาพกรณีที่มีข่าวว่า กทม.ถูกตัดงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำว่า งบฯเร่งด่วนได้รับแล้ว ตามที่กทม.เสนอ ซึ่งเป็นแผนพัฒนายั่งยืน โดยเราจะต้องบูรณาการคุยกับคณะกรรมการบริหาร จัดการน้ำและอุทกภัยกบอ.ถือเป็นไปตามขั้นตอนตามปกติ ซึ่งต้องทำงานในพื้นที่ตอนปลายน้ำ ที่ต้องเร่งประสิทธิภาพคูคลองระบายน้ำไปยังประตูระบายน้ำ รวมถึงโครงการแก้มลิง
เมื่อถามว่า รัฐบาลตัดงบฯปี 56 ของกทม. มาจากสาเหตุใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่มี อาจเป็นกระบวนการทำงานมากกว่า งบฯที่หายไป เป็นงบฯด้านนโยบาย ไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นในการตัดงบประมาณ ซึ่งขั้นตอนการทำงานอาจมีการคลาดเคลื่อนกันไป ซึ่งได้ให้ทางสำนักงบประมาณไปดู ส่วนไหนที่จำเป็นต้องใช้ก็ต้องใช้ เราไมได้คำนึงว่าจะต้องไปแยกส่วนหรืออย่างไร มองว่าการทำงานวันนี้รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานกับทางกทม.อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่กทม.เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ การทำงานต้องได้รับการบูรณาการอย่างเต็มที่ และวันนี้ถือเป็นการประชุมที่ดีที่เราได้รับฟังทั้ง 2 ฝ่ายคือ แนวทางจากกทม.ในการพัฒนา ปัญหาต่างๆ และการบูรณาการ ซึ่งทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็ได้อยู่พร้อมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดถึงกรณีที่กทม.ขยายต่อสัญญาสัมปทานเดินรถบีทีเอสไปอีก 30 ปี ให้กับบริษัทกรุงเทพธนาคม ที่มายื่นขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึง แต่เป็นการรายงานประจำรายวันเชิงบูรณาการ และในฐานะที่เป็นประธานดีเอสไอได้มอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งยืนยันทุกอย่างจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เมื่อถามย้ำว่า ดีเอสไอพยายามนำเรื่องนี้เข้าเป็นคดีพิเศษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องถามตัวประธานมากกว่า สำหรับตนเองขึ้นอยู่กับหน่วยงานในการทำงาน ขอเรียนว่า ทุกอย่างเราต้องทำงานด้วยความชัดเจน และมีความเป็นธรรมอย่างเต็มที่
ด้าน นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในฐานะที่รับผิดชอบด้านงบประมาณและการคลัง กทม. เปิดเผยว่า กรณีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2556 ในส่วนเงินอุดหนุนกทม. ที่กทม.ได้เสนอขอไปทั้งสิ้นกว่า 34,349 ล้านบาท แต่ได้รับการอนุมัติเพียง 14,419 ล้านบาทเศษจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร(วาระแรก) เท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของกทม.ได้โดยเฉพาะงบฯ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ-การจัดการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน การจราจร ตลอดจนการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ เบื้องต้น นายกฯ ได้รับปากจะนำเรื่องกลับไปเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผู้แทนจากสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยืนยันต่อที่ประชุมว่า ที่ผ่านมาสำนักงบประมาณได้พิจารณาอนุมัติงบฯ อุดหนุนให้แก่กทม.ตามสัดส่วนและระเบียบปฏิบัติที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจได้กำหนดเอาไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมยืนยันที่ผ่านมาไม่ได้กลั่นแกล้งกทม.แต่อย่างใด
นางนินนาท กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในส่วนของการเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันให้รัฐบาลหรือสภาผู้แทนฯ ทบทวนงบฯ อุดหนุนกทม.ประจำปี 2556 ใหม่นั้น คงต้องให้ผู้บริหารฝ่ายการเมืองเป็นผู้ดำเนินการต่อไป ขณะที่ทางฝ่ายข้าราชการประจำในฐานะผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องเตรียมแผนรองรับหากงบฯ อุดหนุนที่ได้มามีไม่ครบถ้วนตามที่เสนอขอไปซึ่งอาจต้องหันไปดึงจากโครงการส่วนอื่นๆ มาสำรองจ่ายทดแทนก่อน โดยเฉพาะด้านการจัดการศึกษาแก่เด็กนักเรียนและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เนื่องจากยอดเงินที่ขอไปนั้นถือเป็นจำนวนที่กทม.ต้องใช้จริงตามจำนวนประชากรแต่ละกลุ่มในพื้นที่รับผิดชอบ
ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้กทม.อยู่ระหว่างเร่งประสานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการวิสามัญของสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างงบฯ ปี 2556 ฉบับดังกล่าว ล่าสุด กำลังเตรียมส่งตัวแทนเข้าพบนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการพิจารณาทบทวนงบฯ อุดหนุนกทม.อีกครั้ง ก่อนที่จะนำผลการพิจารณาเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ลงมติให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และ 3 ซึ่งกทม.จะขอเข้าพบให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อให้ทันก่อนถึงขั้นตอนการยกร่างฯ ประกาศบังคับใช้ต่อไป
